Jiab16
|
|
« เมื่อ: 07 มกราคม 2551, 21:13:17 » |
|
มาช่วยกันกระโตกกระตาก ... เพื่อคนที่เรารัก และห่วงใย จะได้ระมัดระวังตัว รู้เท่าทันภัยรายวัน ที่อาจจะเกิดขึ้นกันตนเองได้ ... กันเถอะ
เริ่มที่เรื่องแรกกันเลยค่ะ
เหตุทำร้ายร่างกาย ภายในห้างหรูกลางกรุง
พี่วิวิธ ดวงรัตน์ - วิศวะ 07 ... ส่งมา
วันที่ 20 ธันวาคม 2550
ดิฉันมีเรื่องนำแจ้งเกี่ยวกับภัยในเมืองหลวง ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวดิฉัน และผู้เสียหายอีกท่านซึ่งเป็นนายแพทย์ศัลยกรรมสมอง โรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังใจกลางเมือง เพื่อรบกวนสื่อมวลชนได้นำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อเตือนภัยให้เพื่อนท่านอื่นๆ ได้มีความระมัดระวังภัยคุกคามจากบุคคลอันตรายต่างชาติรายนี้
เหตุเกิดประมาณเวลา 13.00 น.เศษของวันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2550 ที่ชั้น 7 บริเวณ Food Loft ภายในห้างสรรพสินค้า Zen Central World ขณะที่ดิฉันกำลังสั่งอาหารจากร้าน Gianni ได้มีชายผิวขาว ลักษณะเป็นชาวจีน แต่งกายแบบนักท่องเที่ยวคือนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบและสะพายกระเป๋าพาดเฉียงไหล่ รูปร่างกำยำ ( ซึ่งต่อมาภายหลังทราบว่าเป็นชาวสิงคโปร์ที่อาศัย และทำงานอยู่ในเมืองไทย เนื่องจากมี Work Permit และใบขับขี่ในประเทศไทย และอ้างว่าเคยเป็นครูสอนออกกำลังกายอยู่ที่ฟิตเนสชื่อดัง ) ได้เดินตรงมาที่ดิฉัน และไออย่างแรงใส่หน้า พร้อมทั้งจ้องแบบหาเรื่องไม่พอใจ หลังจากนั้นดิฉันได้เดินไปซื้อน้ำ ชายดังกล่าวได้เข้ามายืนข้างๆ และไอแบบขากเสลดใส่หน้าดิฉัน และยังขึ้นมากระทืบเท้าของดิฉันจนเกิดบาดแผล ดิฉันจึงถามว่ามาเหยียบเท้าทำไม เขาตอบเป็นภาษาไทยว่า ” จะทำ เ พราะยูเป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ” พร้อมกันนั้นได้ยกหมัดซึ่งในมือกำกระป๋องชาเขียวยี่ห้อ Pokka ซึ่งยังไม่ได้เปิดดื่มชกเข้ามาที่ใบหน้าดิฉัน ดิฉันจึงผลักชายคนนั้นออกห่างตัว โชคดีที่มีชาวต่างชาติซึ่งบังเอิญซื้อน้ำอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้วิ่งเข้ามาช่วยล็อคตัวชายชาวสิงคโปร์คนนั้นไว้ หลังจากได้ตามหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้าง และนายตำรวจ 191 พร้อมทั้งพยานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานขายน้ำบริเวณบู๊ธน้ำ 2 ท่านมาให้การถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพยานทั้งสองเห็นเหตุการณ์ตรงกันว่าชายชาวสิงค์โปร์คนดังกล่าวทำร้ายดิฉันก่อน โดยในระหว่างนั้นชายคนนั้นได้พยายามพูดจาข่มขู่พยานต่างๆ นานา กล่าวหาว่าพยานเข้าข้างดิฉัน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหัวหน้าร.ป.ภ.ของห้าง ทั้งยังได้หยิบนามบัตรของใครก็ไม่ทราบมาโชว์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดิฉันต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จึงตกลงให้ไปแจ้งความ โดยนำผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งพยาน 1 ท่าน ไปที่ส.น.ปทุมวัน
ร้อยเวรเจ้าของคดี คือ ร.ต.ท. สิทธิเดช หาญจิง เมื่อเห็นชายชาวสิงคโปร์ผู้นั้นได้แสดงสีหน้าตกใจ และอุทานว่าไอ้นี่อีกแล้วเหรอ ? ดิฉันได้สอบถามจึงทราบว่าชายคนดังกล่าวได้เคยก่อคดีที่คล้ายคลึงกันมาก่อนหน้านั้นแล้วถึง 3 ครั้ง ภายในห้างหรูชื่อดังตรงข้ามสยามสแควร์ ครั้งล่าสุดก่อนหน้าคือเมื่อประมาณ 5-6 เดือนก่อน และบังเอิญเจ้าของคดีเป็นนายร้อยเวรท่านเดียวกัน ส่วนเจ้าทุกข์ผู้เสียหายเป็นนายแพทย์ศัลยกรรมสมอง โรงพยาบาลรัฐบาลชื่อดังใจกลางเมือง ในครั้งนั้นได้ทำร้ายนายแพทย์ผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บหนัก ถึงขนาดถูกชกต่อยจนมีเลือดออกในตาดำ ต้องนอนพักรักษาตัวที่ ร.พ. เป็นสัปดาห์ ทางนายแพทย์ผู้เสียหายได้แจ้งความแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าขณะที่ตนกำลังพูดโทรศัพท์ และลงบันไดเลื่อนภายในห้างซึ่งมีงาน Watch Fair อยู่ จู่ๆ ชายสิงค์โปร์ดังกล่าวและพวกอีก 2 คน ( ชาย 1คน หญิง 1 คน ) ได้เข้ามากระชากข้อมือ พยายามปลดนาฬิกายี่ห้อ Britling และรุมทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้ตัวมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้มีลงในเว็บไซท์แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลแจ้งเตือนภัยกับสังคม ( ดิฉันได้ทราบข้อมูลโดยละเอียดในภายหลัง จากนายแพทย์ผู้เสียหายด้วยตนเอง โดยขอเบอร์โทรติดต่อจากเพื่อนซึ่งเป็นแพทย์และทำงานอยู่ที่เดียวกันกับนายแพทย์ท่านนั้นในวันรุ่งขึ้น และขอความกรุณาสงวนนามนายแพทย์ท่านนั้น เนื่องจากเหตุผลทางหน้าที่ในราชการ ) เมื่อเรื่องราวไปถึงที่ส.น. กลุ่มชายชาวสิงค์โปร์คนดังกล่าวก็แต่งเรื่องว่ามีการไอรดศีรษะกัน ทำให้ไม่พอใจแล้วเกิดการทะเลาะวิวาท ทั้งที่ตามลักษณะนั้นเป็นการพยายามชิงทรัพย์ แต่เนื่องจากไม่มีพยานบุคคลรู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก และทางห้างดังกล่าวไม่ให้ความร่วมมือโดยอ้างว่าไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ ทำให้ไม่สามารถเอาผิดกลุ่มมิจฉาชีพในคราบนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ ผลสรุปของคดีจึงเป็นเรื่องของการทะเลาะวิวาท
ส่วนกรณีของดิฉัน ชายชาวสิงค์โปร์ดังกล่าวได้พยายามใช้รูปแบบคล้ายเดิมที่เคยทำครั้งก่อน คือเมื่อไปถึงที่ ส.น. ก็บอกว่าตนเป็นเจ้าของธุรกิจฟิตเนสย่านพระราม 9 มีฐานะดี ขับรถแคมรี่ เป็นนักธุรกิจ โดยแต่งเรื่องว่าดิฉันกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ไปด้วยกัน กับชายฝรั่ง ( ซึ่งก็คือคนที่เข้าไปช่วยล็อค กันไม่ให้เขาเข้ามาทำร้ายดิฉันเพิ่ม ) ช่วยกันล็อคตัว และรุมทำร้ายเค้า ทำให้เค้าได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เนื่องจากมีพยานรู้เห็น หลักฐานต่างๆ มัดแน่น ตลอดจนบาดแผลจากการถูกทำร้ายที่ดิฉันได้รับ มันแจ่มแจ้งชัดเจนมากคือตาและโหนกแก้มบวมช้ำไปครึ่งหน้า ในขณะที่บาดแผลที่ตัวเขากล่าวอ้างมีเพียงรอยแดงที่แขน ซึ่งเกิดจากดิฉันผลักเขาออกไปตอนที่เขาเข้ามาทำร้าย และรอยแผลภายในริมฝีปากด้านใน ( ที่เกิดจากอาการร้อนในเดิม ) ชายสิงค์โปร์ดังกล่าวจึงต้องยอมรับความผิดที่ก่อขึ้น
เมื่อได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายแพทย์ผู้นั้นโดยคร่าวๆ จากร้อยเวรเจ้าของคดี ดิฉันสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่ชายชาวสิงค์โปร์ผู้นั้น อาจต้องการทำร้ายร่างกายเพื่อชิงทรัพย์คือนาฬิกาข้อมือ ( Frank Muller ) และกระเป๋าสะพายไหล่ ( Louis Vuitton ) ของดิฉันเช่นกัน ในระหว่างอยู่ที่ ส.น. ชายดังกล่าวได้ตามเพื่อนซึ่งเป็นคนไทย เป็นชาย 1 คน ลักษณะผอมสูงดำ ก้องแก้ง ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี และหญิง 1คน ลักษณะผอมสูง ผิวสองสี หน้าแหลมเรียว อายุประมาณ 40 ปี มาเพื่อเจรจาต่อรองกับดิฉันให้เป็นรูปคดีแบบเดิมกับที่เกิดกรณีกับนายแพทย์ศัลยกรรมสมองคือทะเลาะวิวาท ไม่มีผู้เสียหาย และในที่สุดตัวชายสิงค์โปร์คนนั้นได้เข้ามาเจรจาต่อรองขอยอมความ และลดค่าเสียหายเอง ซึ่งในตอนนี้ท่าทีเขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน กลายเป็นพูดจาสุภาพ ขอโทษขอโพย พยายามเข้ามาทำท่าทีสนิทชิดเชื้อ ราวกับว่าไม่ใช่แค่คนรู้จักแต่เป็นเพื่อนกันมาก่อน เมื่อดิฉันถามเขาว่ามาชกทำร้ายดิฉันทำไม ทั้งที่ไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่เห็นหน้ากันมาก่อน เขาไม่ตอบ และอ้างว่าคุณเป็นคนไทย คนไทยใจดี รักสงบ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว อย่าไปพูดถึงมันเลย ดิฉันย้อนกลับว่าไม่รู้สึกละลายบ้างหรือที่ทำร้ายผู้หญิง ไม่มีใครเค้าทำกัน ตอนนี้เขาเปลี่ยนท่าทีดูก้าวร้าวขึ้น จ้องเข้าไปในตา และพูดเสียงกดต่ำใส่ดิฉันว่า ถ้าดิฉันเป็นผู้ชาย ดิฉันก็จะรู้ดีว่าผลมันจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนี้ดิฉันก็เลยตะโกนเรียกนายตำรวจร้อยเวรซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ ให้เข้ามาดูแลคดีต่อ เพราะไม่ต้องการเจรจากับชายวิปลาสคนนี้ต่อไป
กรณีทีเกิดขึ้นนี้ ดิฉันถือว่าเป็นภัยใกล้ตัวของคนเมืองหลวง ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเกิดจากคนป่วยทางจิต มิจฉาชีพในคราบนักท่องเที่ยว หรือทั้งสองอย่างผสมกัน ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และทรัพย์สินของพวกเราด้วยกันทั้งสิ้น ประการสำคัญคือ ผู้ก่อเหตุมีความย่ามใจ ไม่ให้เคารพหรือเกรงกลัวใดๆ ก่อกฎหมายบ้านเมืองของเรา ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นขึ้นหลายครั้ง ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ยังไม่ต้องรับโทษหนักใดๆ ทั้งสิ้น เสียเพียงค่าปรับ หรือค่าเสียหายซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลจากความรุนแรงที่ผู้เสียหายได้รับ หากเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ไปเกิดขึ้นในประเทศของชายผู้นั้น แต่ผู้ก่อเหตุเป็นคนไทย คงไม่ต้องคาดเดาว่าการลงโทษที่ได้รับจะหนักหนาเพียงใด
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มสูงที่กลุ่มของชายดังกล่าวจะก่อเหตุขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ซึ่งใกล้เทศกาลขึ้นปีใหม่ ทางห้างสรรพสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะห้างหรูที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งของคนเมือง สมควรที่จะมีมาตรการในการป้องกัน ระแวดระวังกลุ่มคนโรคจิต / มิจฉาชีพในมาดนักท่องเที่ยวเหล่านี้ให้รัดกุม และจริงจังมากกว่านี้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าคนร้ายเลือกกลุ่มเป้าหมาย โดยเลือกลงมือภายในห้างหรูกลางเมืองทุกครั้ง
โชคดีที่กรณีของดิฉันนี้ ทางห้างเซ็นทรัลเวิล์ดได้ช่วยดูแล ให้ความร่วมมือทั้งยังส่งพนักงานของตนที่รู้เห็นเหตุการณ์ไปให้การตามจริงที่ส.น. ในฐานะพยาน ทำให้ผู้ก่อเหตุต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน
ขอให้ทุกคนช่วยกันแจ้งข่าวนี้แก่ผู้ที่ท่านรู้จัก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น และเพื่อช่วยกันระแวดระวังป้องกันการก่อเหตุซ้ำอีก
ขอแสดงความนับถือ
น.ส.ขนิษฐา ภู่ตระกูล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 21 มกราคม 2551, 01:39:01 » |
|
ขอใบรับรถจากอู่ทุกครั้ง เมื่อเอารถไปซ่อม ... ระวังตกเป็นจำเลยที่ 2
พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา
เรื่องมีอยู่ว่า ... ลุงของผมได้เอารถไปซ่อมเครื่องยนต์ที่อู่แถวๆ ถนนสุขาภิบาล 1 ทางอู่บอกว่าต้องใช้เวลาประมาณสามวันจึงจะซ่อมเสร็จ ด้วยความไว้วางใจ ลุงของผมจึงได้ทิ้งรถไว้ โดยทางอู่ไม่ได้ออกใบรับรถไว้ให้ ... ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้าน บอกว่าช่างที่อู่เอารถออกไปขับ แล้วชนคนตาย และช่างได้หลบหนีไป ทางอู่ก็ไม่ยอมรับผิดชอบโดยอ้างว่าช่างคนนั้นขโมยรถออกไปขับเอง ทางอู่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ... ตำรวจก็พยายามจะเชิญตัวลุงของผมไปที่โรงพัก เพราะลุงเป็นเจ้าของรถ แม้ว่าจะไม่ต้องรับผิดชอบในทางคดีอาญา แต่ในทางแพ่งแล้ว ลุงต้องเป็นผู้รับผิดชอบ แม้ว่าลุงของผมจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง เพราะเจตนาของลุงเพียงต้องการเอารถไปซ่อมเครื่องยนต์เท่านั้น ทำไมต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ ทางตำรวจขอดูหลักฐานใบรับรถของอู่ที่เอารถไปซ่อม แต่ปรากฎว่า ไม่มีหลักฐาน เพราะเห็นว่าเป็นอู่ที่เชื่อใจกัน และใช้บริการอยู่เป็นประจำ จึงไม่ได้ขอใบรับรถจากอู่ ตำรวจบอกว่าในเมื่อลุงของผมไม่มีหลักฐานในการเอารถไปซ่อม จึงต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ และนำตัวลุงผมไปที่โรงพักเพื่อเจรจาค่าเสียหายกับพ่อแม่ของผู้ตาย
ในครั้งแรกพ่อแม่ของผู้ตายได้เรียกค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 500,000 บาท แต่ลุงผมบอกว่า ถ้าเรียกเงินสูงขนาดนั้นคงไม่มีปัญญาหามาให้แน่ ๆ จึงได้ต่อรอง และได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาให้กับพ่อแม่ของคนตายฟัง ทางตำรวจก็ช่วยไกล่เกลี่ยให้เพราะเห็นว่าลุงไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางพ่อแม่คนตายจึงยอมลดเงินลงมาเหลือ 200,000 บาท เหตุการณ์ต่าง ๆ จึงยุติลง
หวังว่าเหตุการณ์นี้คงเป็นอุทธาหรณ์ให้แก่เพื่อน ๆ ทุกคนไม่มากก็น้อยนะครับ และขอให้เพื่อน ๆ อย่าได้เจอเหตุการณ์อย่างที่ลุงของผมได้เจอะเจอมาเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2551, 00:50:57 » |
|
เตือนภัยรถ Honda ที่เปิดได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
มานิต ศุทธสกุล - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา
สวัสดีครับ
เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่ " ไม่จริง " แต่ผมอยากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง สดๆ ร้อนๆ เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 5-01-08 ที่ผ่านมานี่เอง
เมื่อวันที่ 05-01-08 เวลาประมาณ 12.40 น. ผมได้ขับ Honda Accord ไปจอดที่ห้าง Siam Paragon ชั้น M ตรงบริเวณปากทางเข้าออก ฝั่ง North ของห้าง ภายในรถของผมก็ได้เก็บ iPod กับหูฟัง BlueTooth เอาไว้ จากนั้นผมก็ได้ไปเดินเล่นในห้างดังกล่าว โดย lock รถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนเวลาประมาณ 17.00 น. ผมกลับมาที่รถ ปรากฏว่า iPod และหูฟัง Bluetooth ที่อยู่ในรถ ได้หายไปจากรถเรียบร้อยแล้ว
ผมตกใจมาก จึงแจ้ง รปภ. เพื่อขอดูเทปกล้องวงจรปิดของทางห้างหน่อย ซึ่งตรงจุดนี้ ขอชมว่า รปภ. ของทางห้างอำนวยความสะดวกกับผม และเพื่อนๆ ดีมากๆ ต้องขอชมเอาไว้ ณ ที่นี้เลยนะครับ
เมื่อผมได้ดูเทปกล้องวงจรปิด ก็ได้เห็นสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น !!!
มีผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวดูดีมีการศึกษาได้เดินมาด้อมๆ มองๆ ที่รถของผมเป็นเวลาประมาณเกือบๆ 1 นาที แล้วก็เดินจากไป หลังจากนั้นไม่เกิน 2 นาที ชายคนเดิมก็เดินกลับมาที่รถของผมอีกรอบหนึ่ง คราวนี้เขาทำเป็นยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ซักพักหนึ่ง หลังจากนั้นอยู่ดีๆ ชายผู้นั้นก็เปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถของผมอย่างหน้าตาเฉย !!!!
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกับรถราคาเกือบๆ สองล้านบาท !!!! หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่า ผมไม่ได้ lock รถให้ดีๆ ก่อนออกไป แต่ภาพจากกล้อง วงจรปิดยืนยันได้ว่าผม lock รถเรียบร้อยแล้ว
ผมเคยได้ยินสมาชิกใน Board Accord Club เล่ากันว่ารถ Accord สามารถเปิดได้โดยใช้แค่โทรศัพท์มือถือ ผมยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นแค่เรื่องตลก แต่ผมอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ผมโดนมากับตัวเองเลย ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง นอกจาก " อึ้ง " กับสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ ในมือของชายคนนั้นถือหีบห่ออะไรซักอย่าง อยู่ในถุงพลาสติกสีชมพู กับโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องเท่านั้น
ท่านๆ ลองคิดดูละกันว่า ทำไมถึงเปิดรถ Honda ได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจเลย นี่ดีนะครับที่โดนแค่iPod กับ Bluetooth Headset ลองนึกสภาพว่าถ้ารถหายไปทั้งคันเลย จะเป็นอย่างไร
มีอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผมได้ยินมาว่า Honda สามารถให้คนที่บ้านเปิดประตูรถให้เราได้โดยการโทรศัพท์เท่านั้น วิธีการก็คือให้เราโทร.ไปหาคนที่บ้านแล้วให้เค้าเอากุญแจสำรองของรถเรามาจ่อที่โทรศัพท์ แล้วกดเปิดรถ ส่วนทางฝั่งเราก็ให้เอาโทรศัพท์มือถือ ไปจ่อใกล้ๆ ประตูรถ ทำแบบนี้ไม่เกินหนึ่งนาที รถของท่านก็จะเปิด lock โดยอัตโนมัติทันที
ฟังดูแล้วอาจเหลือเชื่อ แต่ว่าเพื่อนของผม confirm มาแล้ว ว่าสามารถทำได้จริง เพราะว่าได้ทดลองแล้วได้ผลจริงๆ ด้วย
ผมอยากจะฝากเตือนท่านที่ใช้รถ Honda ทุกท่าน ว่าอย่าวางสิ่งของมีค่าเอาไว้ในรถเด็ดขาด เพราะขนาดผมจอดรถในที่ๆ มี รปภ. พลุกพล่านแล้ว ยังโดนจนได้ เชื่อ ไม่เชื่อ ผมไม่รู้ แต่หากท่านมีข้อสงสัย โทร. มาถามผมได้เลยครับ ... หมู ครับ 081-907-1731 ยินดีครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 01 กุมภาพันธ์ 2551, 01:10:57 » |
|
ข้อควรระวังในการต้มน้ำ ในเตาอบไมโครเวฟ
อริสา - ครุ 16 ... ส่งมา
ชายวัย 26 ปี คนหนึ่งต้องการชงกาแฟร้อน เขาได้ใช้น้ำเปล่าใส่ถ้วยกาแฟ แล้วใส่เข้าไปในเตาไมโครเวฟเพื่อต้มน้ำให้เดือด ( ซึ่งเขาเคยทำอย่างนี้เป็นประจำ ) ในครั้งนี้ไม่ทราบว่าเขาตั้งเวลาในการต้มน้ำไว้นานเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ เขารีบเปิดเตาไมโครเวฟแล้วหยิบถ้วยกาแฟออกมา เขาแปลกใจมากว่าทำไมน้ำในถ้วยไม่เดือดปุดขึ้นมาเป็นไอ เขาจึงก้มหน้าลงไปใกล้ๆ เพื่อจะดูน้ำในถ้วยกาแฟ ทันใดนั้นน้ำในถ้วยกาแฟก็เดือดปุดพุ่งขึ้นมาใส่ใบหน้าเขา จนเขาต้องโยนถ้วยทิ้ง แต่น้ำร้อนได้ลวกใบหน้าเขาทั้งหน้า และทำให้หน้าพุพอง ซึ่งต่อไปจะเป็นแผลเป็นจนถึงกับเสียโฉม นอกจากนี้ตาซ้ายยังถูกน้ำร้อนลวกจนสูญเสียการมองเห็นไปบางส่วน
แพทย์ที่รักษาบอกว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ถ้าคุณใช้น้ำเปล่าเข้าไปต้มในไมโครเวฟ และได้แนะนำให้ใช้แท่งไม้สำหรับคนกาแฟ หรือถุงใบชา ( ยกเว้นช้อนโลหะ ) ใส่ลงไปในน้ำด้วย เพื่อกระจายพลังงานเวลาที่ต้มน้ำในไมโครเวฟ
ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า คือการต้มน้ำในกา แทนไมโครเวฟ
คำตอบจากองค์กรเครื่องใช้ไฟฟ้า :
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่ได้แจ้ง และสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง และเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณใช้ไมโครเวฟในการต้มน้ำหรือของเหลวอื่นๆ ซึ่งจะไม่เดือดปุดขึ้นมาเป็นไอ ถึงแม้จะถึงจุดเดือดหรือเกินจุดเดือดแล้วก็ตาม น้ำที่ร้อนมากๆ นั้นจะเดือดปุดได้ก็ต่อเมื่อน้ำนั้นถูกแกว่งหรือมีถุงชาอยู่ในน้ำ
เพื่อป้องกันปัญหานี้ จึงไม่ควรตั้งเวลาในการต้มน้ำเกิน 2 นาที และเมื่อครบเวลาแล้ว ควรรออีก 30 วินาที ก่อนที่จะนำออกมาจากไมโครเวฟ หรือก่อนจะใส่อะไรลงไปในน้ำร้อน
สิ่งนี้เป็นสิ่งซึ่งคุณครูวิทยาศาสตร์ท้องถิ่นต้องพูดถึง : ขอบคุณสำหรับการเตือนไมโครเวฟ ฉันพบเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันเป็นธรรมชาติปรากฏให้เห็นเมื่อน้ำถูกทำให้ร้อน โดยเฉพาะกับภาชนะใหม่ๆ ที่เพิ่งนำมาใช้หรือใส่น้ำในถ้วยน้อยเกินไป สิ่งที่เกิดนี้เกิดขึ้นเพราะน้ำร้อนเดือดเร็วกว่าการเกิดฟองไอน้ำ ถ้าถ้วยใหม่มาก และไม่มีรอยขีดข่วนภายใน ฟองจะไม่สามารถสร้างเป็นรูปร่างและเดือดปุดขึ้นได้ น้ำจะไม่มีการเดือดปุดถึงแม้จะร้อนเกินจุดเดือดไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีการสั่นสะเทือน ฟองไอน้ำก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และระเบิดออกมาเหมือนกับน้ำอัดลมที่มีโซดาพุ่งออกมา และเมื่อคุณเขย่าก่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2551, 23:58:01 » |
|
ระวัง ... เลขที่บัญชีธนาคารของเรา
พี่ชรินทร์ 07 ... ส่งมา
เรื่องมีอยู่ว่า.......
มีเด็กนักศึกษาวิศวะ คอมพิวเตอร์ 2 คน เป็นเพื่อนกัน ... แล้ววันหนึ่งเด็กคนหนึ่งบอกกับเพื่อนว่า จำเป็นต้องใช้เงินด่วนมาก และทางบ้านกำลังจะโอนเงินมาให้แต่ไม่มีบัญชี เลยขอยืม ATM และเลขที่บัญชีของอีกคนไปใช้ก่อน ... เด็กคนที่สองก็เชื่อเพื่อน และให้ไป เพราะคิดว่าถึงอย่างไรถ้าจะโกง ก็คงได้ไปไม่กี่ร้อย เพราะเงินในบัญชีที่เหลือ มีไม่เกิน 500 บาท
หลังจากที่ให้เพื่อนไปแล้ว ไอ้เจ้าเพื่อนตัวแสบก็เอาเลขที่บัญชีไป post ใน Internet ว่า " มีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ราคาถูกมาก สามารถซื้อได้โดยส่งเงินบางส่วนมาเข้าที่บัญชีเลขที่ ................. ก่อน " ผลปรากฏว่ามีคนหลงเชื่อนะ โอนเงินมาหลายคนรวมแล้วแสนกว่าบาท แล้วเจ้าเพื่อนตัวแสบก็กดเงินนั้นเอาไปใช้จนหมด ( เกลี้ยง ) โดยที่เพื่อนที่เป็นเจ้าของบัญชีไม่รู้เรื่องเลย ( สักกะนิด ... สักกะนิด )
ต่อมาผู้คนที่ถูกหลอกทาง Internet ได้ไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตรวจสอบหาเจ้าของบัญชีเลขที่นั้น ผลปรากฏว่านักศึกษาเจ้าของบัญชีคนนั้นโชคร้ายไป เพราะถูกตำรวจดำเนินคดี ถึงจะปฏิเสธอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด เพราะหลักฐานมันฟ้องอยู่ ก็เลยต้องสู้คดีกันต่อไป .....
อ่านแล้ว ก็ให้ระวังกันหน่อยนะคะ เดี๋ยวนี้มีคนใช้ Internet เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงกันเยอะมากค่ะ
ผู้ที่เล่าเรื่องนี้คือ พ.ต.อ.ญานพล ยั่งยืน ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2551, 22:17:14 » |
|
สเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์
พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ...ส่งมา
แจ้งเหตุร้ายจากสำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยบอกต่อ ๆ กันด้วย ... ขณะนี้กำลังมีการระบาดของกลุ่มมิจฉาชีพ แกล้งทำทีมาขาย สเปรย์ปรับอากาศในรถยนต์ แต่จริงๆ แล้วสารในสเปรย์กระป๋องนั้นคือ คลอโรฟอร์มที่ทำให้ท่านสลบได้ ... เหตุการณ์เริ่มจากเด็กสาววัยรุ่นท่าทางดีมาเคาะกระจกขณะรถจอด หรือรี่เข้ามาขณะท่านกำลังจะเข้ารถบริเวณลานจอดรถ ตามที่สาธารณะทั่วไป ...หากท่านไม่ระวัง หรือไขกระจกรถลง เพื่อพูดคุยด้วย สเปรย์จะถูกฉีดเข้าในรถทันที เมื่อท่านสลบ งัวเงีย สลึมสลือไม่ได้สติ ผู้ชายอีก 2-3 คนจะเข้ามาปลดทรัพย์ หรืออาจทำอันตรายร่างกายของท่านได้
เพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกท่าน ขอให้ระวังตัวในทุกย่างก้าว และไม่ประมาท
ด้วยความปราถนาดี และห่วงใยเสมอ สำนักงานสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ช่วยกระจายต่อด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง และบุคคลที่รัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2551, 23:45:04 » |
|
SIM Card ของมือถือ โดนลักลอบใช้ได้แล้ว !
พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ...ส่งมา
โปรดระวัง ถ้าคุณเจอข้อความทางมือถือ หรือมีคนโทร.มาแล้วอ้างว่าเป็นช่างเทคนิคจาก Cell Net หรือ Vodafone บอกว่าเขากำลังตรวจเช็คโทรศัพท์ของคุณ และบอกให้คุณกด #90 หรือ 90# ...... ให้รีบวางสายโทรศัพท์ทันที ตอนนี้มีบริษัทหลอกลวงฉ้อฉลใช้อุบายนี้ ถ้าคุณกด #90 หรือ 90# แล้วล่ะก็ เขาจะเข้าถึง SIM card ของคุณได้ และโทร. ออกจาก SIM card หมายเลขนั้น โดยที่คุณต้องเป็นผู้จ่ายค่าโทรศัพท์อานเลยล่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2551, 00:47:14 » |
|
ระวังเติมน้ำมันตามปั้ม ... บรรพบุรุษเลวเลย
พี่พิกุล - วิทยา 14 ... ส่งมา
เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ...
โค.. ต.. ร เลวทั้งตำรวจ และพวกที่อยู่ในแก๊งค์เลย ถ้าจริง " สุดยอด " ไม่รู้จะประณามว่าอย่างไรดี ใครที่รู้จักคนใหญ่คนโต ช่วยถามให้หน่อยนะ ว่ามีจริงไหม เท่าที่เพื่อนเคยโดนมานะครับ ... เวลาเราไปเติมน้ำมันตามปั้ม ให้ลงมาดูเวลาเด็กปั้มมันเติม .... เพราะถ้าคุณไม่ดู อาจเป็นแบบเพื่อนผม .... เพื่อนผมไปเติมน้ำมัน ทางสายจะไปแพร่ เติมเสร็จขับรถออกมา ดูในกระจกหลังเห็นมีถุงพลาสติกปลิวไหวๆ อยู่ที่ฝาเติมน้ำมัน มันก็เลยลงมาดู ...เจออะไรรู้ไหมครับ เจอยาบ้า 5 เม็ดอยู่ในถุง มันก็เลยโยนทิ้งข้างทาง พอขับรถออกมาได้สัก 1 กม. เจอด่านตำรวจครับ ตำรวจเรียกตรวจ ... คำแรกที่ตำรวจถาม คือ " เปิดฝาถังน้ำมันหน่อย "
พอจะรู้กันหรือยังครับ รถเพื่อนผมโดนรื้อทั้งคันเลย เพราะมันหายาบ้าไม่เจอ ท่าทางหงุดหงิดมาก ค้นอยู่นานเป็นชั่วโมง พอไม่เจอมันก็เลยปล่อยเพื่อนผมไป
วิเคราะห์ออกไหมครับ ตำรวจกับเด็กปั้มหากินด้วยกัน โดยการให้เด็กปั้มแอบเอายาบ้ามายัดตามรถที่เติมน้ำมัน ยัดเสร็จก็โทร.ไปแจ้งรูปพรรณรถกะตำรวจ แล้วพอค้นเจอยาก็จะขอตังค์ ให้เรื่องจบ 2-3 หมื่น แล้วไปแบ่งกันกะเด็กปั้ม ...! โชคดีที่เพื่อนผมเห็นทัน เลยรอดตัว
เวลาไปเติมน้ำมัน สังเกตกันให้ดีนะครับ ถ้าเจออย่างนี้ เซ็งครับ ไม่ใช่เรื่อง เล็กๆ เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2551, 01:40:01 » |
|
:wink: Dear Nungning ... I mailed to ask a friend of mine in Germany : " I forgot Vodafone belongs to German or French communication service. :roll: I saw " Vodafone " in my handy phone when I was in Europe, last year. Nowadays, they expand their business to many countries in many continentals with a high growth rate."
The expert answered : " Vodafone was German, with the name MANNESMANN, but in the last 5-6 years, British firm bought it at 250 billion $, not million. The formaly Boss of MANNESMANN got 45 million in hands, so German court looked for corruption. But, in Germany we say : one crow doesn't want another eyes. Ten thousands workers lost their jobs.
Wow ! .... this is my new knowledge, sure.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2551, 11:19:41 » |
|
ข่าวสารจากวงการตำรวจ ที่ควรอ่าน
นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา
เวลาเจอด่าน ( เถื่อน ) !! คือ มีแค่รถฉลาม 1 คัน จอดตามทางแยก หรือจุด U-Turn มีตำรวจทางหลวง 2 -3 คน โดย 1คน ยืนกลางถนนคอยโบกรถหรือฉายไฟให้รถเราแอบซ้าย ตำรวจที่เหลือเป็นคนตรวจค้น ... ถ้าเจออย่างนี้ อย่าตกใจ หรือชะลอความเร็ว หรือหักพวงมาลัยไปตามที่มันโบก ให้ตีไฟสูงไล่ แล้ววิ่งต่อไป มันไม่มีตาม เพราะมันทำผิดกฎหมายการตั้งด่านจุดสกัด จากนั้นโทรไปที่ 1193 แจ้งว่ามีกลุ่มคนคล้ายตำรวจทางหลวงมีพฤติกรรมดังกล่าว ให้ตรวจสอบด้วยว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือเปล่าที่ไปกีดขวางการจราจร หรือเป็นโจรที่ปลอมตัวไปดักปล้น
ทีนี้มาดูว่าด่านที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ....
ด่านที่ถูกต้อง คือ ต้องมีเครื่องหมายบอกล่วงหน้าเป็นระยะว่า ข้างหน้ามีด่าน และมีสิ่งกีดขวาง เช่น กรวยสีส้มตั้งเป็นระยะ เพื่อบีบบังคับทิศทางการจราจรให้เหลือช่องเดียว นำไปยังจุดตรวจค้น ในจุดตรวจต้องมี นายตำรวจสัญญาบัตรประจำอย่างน้อย 1 คน ลึกไปกว่านั้นคือ ทางต้นสังกัด ( ในพื้นที่นั้นๆ ) จะต้องมีหนังสือสั่งการให้ตำรวจกลุ่มนี้ปฎิบัติหน้าที่ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ตรวจ ตำรวจสัญญาบัตรที่ควบคุมชุดตรวจ จ ะต้องแจ้งทางวิทยุสื่อสารไปยังศูนย์ควบคุมข่ายนั้นๆ ว่า จะเริ่มปฏิบัติการตั้งจุดตรวจสกัด และตรวจสกัดสิ่งใด ตำแหน่งไหน วันเวลาเท่าไรถึงเท่าไร ใครเป็นผู้ควบคุม ด้วยกำลังพลทั้งหมดเท่าไร หลังจากเลิกปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจท่านนี้จะต้องสรุปผลการจับกุม-ตรวจค้นว่า ... พบสิ่งใดบ้าง ทางวิทยุสื่อสารต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมข่าย จากนั้นจะต้องบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เสนอต้นสังกัด ...เป็นอันจบ
ศึกษาไว้เป็นความรู้ครับ อย่าให้ใครมาหากินกับเรา
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่ปัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2551, 02:46:35 » |
|
:wink: Dear Nungning ... I mailed to ask a friend of mine in Germany : " I forgot Vodafone belongs to German or French communication service. :roll: I saw " Vodafone " in my handy phone when I was in Europe, last year. Nowadays, they expand their business to many countries in many continentals with a high growth rate."
The expert answered : " Vodafone was German, with the name MANNESMANN, but in the last 5-6 years, British firm bought it at 250 billion $, not million. The formaly Boss of MANNESMANN got 45 million in hands, so German court looked for corruption. But, in Germany we say : one crow doesn't want another eyes. Ten thousands workers lost their jobs.
Wow ! .... this is my new knowledge, sure. P.Jiab ka, I check the information right a minutes...it is so:Vodafone is a british communication company which "take over" Mannesmann,a german communication company...while Mannesmann bigboss could handle the best sum ,he has been "rewarded"by the common shareholder of Mannesmann...for the eyes of outside...he sales the german company to foreigner corporation which could make german worker/manpower lost their job and gets a rewards!! so ist das.... nn.(reporter)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2551, 11:36:08 » |
|
Urgently : Hotmail user must read it พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา 13 มกราคม 2551 พิชัย พ้นภัย ( email: pponpai@gmail.com ) บทเรียนที่เจ็บปวดของผู้ใช้ Email ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ พิชัย พ้นภัย ปัจจุบันเป็นนักศึกษาระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยเกริก อดีตเป็นทนายความและที่ปรึกษากฎหมายของสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศ Tilleke and Gibbins กรุงเทพฯ ความนำ
การเป็นเจ้าของ Email account สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับเจ้าของ account อย่างมหาศาล ในขณะเดียวกัน หากมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูกวิธี ก็จะสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของ account ได้อย่างมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายทางด้านสุขภาพจิต สังคมหรือเศรษฐกิจ และจะเป็นการเสียหายมากกว่านั้นอีกหลายเท่า หากมีผู้ลักลอบนำ email account ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมกับทำการเปลี่ยนแปลง password ของเจ้าของที่แท้จริง แล้วนำไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลอกลวงเพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง และผู้ที่เจ้าของ account ติดต่อด้วย โดยที่เจ้าของ email account ที่แท้จริงหมดโอกาสที่จะบอกให้คนเหล่านั้นได้รู้อย่างทันท่วงทีว่า ความจริงเป็นการหลอกลวงของโจร internet ภายใต้ชื่อและemail account ของเจ้าของที่แท้จริงเอง เมื่อถูกกระทำแล้วเจ้าของ account จะเป็นทุกข์กังวลเพียงใด เมื่อคนที่เรารักและติดต่อด้วยต้องเสียรู้เสียเงินไปให้โจร อันมีสาเหตุมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเราเองเป็นจุดเริ่มต้น
ขอให้บทเรียนที่ผมได้รับนี้ เป็นสิ่งเตือนใจของท่านเจ้าของ email account ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกได้รับรู้กลลวง เพื่อเก็บไว้เป็นเกราะป้องกันตนเองจากโจรทาง internet ผมขอลำดับเหตุการณ์ให้ทราบดังนี้
1. การใช้ email ในชีวิตประจำวัน
ผมเป็นเจ้าของ Email Account ของ Hotmail ใช้ account นี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ใน account จะเก็บ email address ของเพื่อนฝูงที่สนิทกัน ญาติพี่น้องและของบุคคลที่ต้องติดต่อด้วยรวมแล้วประมาณ 130 คน ปกติ ผมจะทำการตรวจเช็ค email inbox ทุก 2 ครั้งที่ได้ใช้computerอย่างน้อยต้องตรวจเช็ค email วันละครั้ง เว้นแต่จะไม่มี computer ให้ใช้เท่านั้น การใช้ email ของผมนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ต้องทำ ระยะเวลากว่า 10 ปีที่ใช้ ไม่เคยมีปัญหาอะไรที่มาถึงตัว หรือที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรงโดยตรง มีเพียงแค่เจอ virus เล่นงานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นับแต่ใช้ internet และcomputer มา ผลที่เกิดขึ้นอย่างมากก็เพียง format เครื่อง แล้วลง program ใหม่เท่านั้น ปัจจุบันก็มี program ป้องกัน virus ให้ใช้จำนวนมาก และไม่น่ากังวลอะไร 2. ความเป็นมาของเหตุการณ์
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2551 ผมได้เปิดเข้าไปตรวจเช็ค email ตามปกติและได้พบ email ฉบับหนึ่งระบุว่าผู้ส่งคือ Customer_serviceupgrade1@hotmail.com ด้วยความสงสัยและอยากรู้ ผมจึงเปิดออกดูว่าจะมีอะไรใหม่ๆ ให้ upgrade หรือไม่ เมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว พบว่าemail มีลักษณะดูเหมือนกับเจ้าหน้าที่บริการของ Hotmail ส่งมาให้สมาชิก หน้าของ email ไม่ทำให้สงสัยหรือเห็นเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจากเป็น email ที่ส่งมาจากHotmail จริงๆ (ดูmail ที่ส่งมาเอกสารแนบ 1) ข้อความใน email แจ้งว่า Hotmail จะทำการ upgrade program ของการใช้ email ใหม่ของสมาชิก ขอให้สมาชิกยืนยันวันเดือนปี เกิด และแจ้ง password การเข้าใช้ email account ให้ทราบภายใน 3 วัน มิเช่นนั้นแล้วaccount นี้ จะถูกลบออกอย่างถาวร และจะไม่สามารถใช้ได้อีกตลอดไป เมื่ออ่านพบเช่นนั้น ทำให้ผมรู้สึกกังวลว่า หากไม่ทำตาม email ที่แจ้งเตือนมานี้ email address ทั้งหมดที่มีอยู่จะหายไป ไม่สามารถติดต่อใครได้อีกเนื่องจากemail account และ address ดังกล่าวใช้มานานมากกว่า 10 ปี ทุกคนรู้จักและติดต่อผมโดยผ่าน email account นี้มานานแล้ว กรณีเช่นนี้จึงคล้ายกับการทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำให้วุ่นวายติดต่อใครไม่ได้หากจำเบอร์ไม่ได้ การถูกยกเลิก email account จึ่งเป็นเรื่องใหญ่หากต้องถูกลบออกไปอย่างถาวร
ดังนั้นโดยไม่รอช้าผมจึงกรอกข้อมูลตามที่ email นั้นแจ้งมา และส่งกลับไปให้ทันที ประมาณ 1 ชั่วโมงผ่านไป ผมเกิดระแวงสงสัย จึงกลับไปตรวจเช็ค email อีกครั้ง ปรากฏว่าใจแทบสลาย เพราะผมไม่สามารถใช้รหัสผ่านของผมเข้า email account ของผมได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะใช้ความพยายามเท่าไหร่ก็ตาม ถึงตรงนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดผลร้ายแรงอะไรขึ้นกับผมและคนอื่นในอนาคตบ้าง ในใจเพียงคิดว่าไม่เป็นไร สมัครเอา account ใหม่ก็ได้ แต่หลังจากนั้นไม่เกิน 2 ชั่วโมงผมก็ได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากเพื่อนชาวต่างประเทศที่อยู่ภูเก็ต โทรมาสอบถามว่า ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน อยู่ที่กรุงเทพฯหรือแอฟริกา เพราะเขาได้รับ email จากผมแจ้งว่า ขณะนี้ผมอยู่แอฟริกามาประชุมสัมมนาเรื่อง HIV และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาในแอฟริกา ผมประสบปัญหาขณะที่นั่งรถแท็กซี่กลับโรงแรม ได้ลืมกระเป๋าเอกสารที่มีเงินทั้งหมด และไม่สามารถติดตามคืนได้ ผมเป็นหนี้ค่าโรงแรม เจ้าหน้าที่โรงแรมยึดของไว้หมด และไม่ให้ออกจากโรงแรม ผมกำลังเดือดร้อนอย่างมาก ขอให้ส่งเงินไปให้ด้วย กลับบ้านแล้วจะคืนให้ เมื่อได้รับโทรศัพท์ดังนี้ ผมจึงรีบบอกไปว่าเป็น email หลอก email account ของผมถูกเปลี่ยนpassword ผมไม่สามารถเข้าใช้ได้อีก อย่าได้ส่งเงินไปเด็ดขาด ( โปรดดูรายละเอียดของ email หลอก เอกสารแนบ 2) 3. ความเป็นห่วงเป็นใยและความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้น
ความเป็นห่วงเป็นใยและความเจ็บปวดประการแรก เป็นของตัวเองต่อเพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง และผู้ที่ติดต่อด้วย นับแต่รู้ว่า email account ถูกโจรกรรมไปแล้ว ผมไม่สามารถควบคุมการใช้ email ของผมได้ email ที่โจรส่งออกไปก็จะปรากฏเป็นตัวของผมภายใต้ชื่อของผมทั้งหมด ผู้ที่รับ email ย่อมต้องเข้าใจว่าผมตกอยู่ในภาวะลำบากเช่นนั้นจริง ผมคิดกังวลอย่างมากว่าอาจมีเพื่อนรักที่สนิทกันที่ตกใจและไม่ทันคิดอะไร ต้องหลวมตัวส่งเงินไปให้โจรอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ผมจึงอยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว ดังนั้นผมจึงพยายามนึกถึง email address ของเพื่อนๆเท่าที่สามารถนึกออก พร้อมกับสมัครใช้ email account ใหม่ และรีบแจ้งเตือนไปให้ทราบว่า ขณะนี้มีโจรเข้ามาโจรกรรมเอา email account ของผมไปใช้ และผมไม่ได้ใช้ email นี้อีกต่อไปแล้ว คนที่ใช้อยู่ไม่ใช่ผม ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะสกัดกั้นไม่ให้ผู้ที่ได้รับ email หลอกนี้ส่งเงินไป วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามยกเลิก email account นี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
ในช่วงนี้ผมต้องหยุดทำงานทั้งหมด และต้องแก้ไขเหตุการณ์แข่งกับเวลา เพราะโจรรายนี้ทำงานเร็วมาก นอกจากนี้ ผมได้ใช้ email เพื่อหลอกให้มันส่งรายละเอียดของการส่งเงินว่าจะส่งไปที่ใด ซึ่งมันก็เชื่อโดยส่งรายละเอียดมาให้ทราบ โดยระบุชื่อผู้รับเงินว่า Mr. George Pent พักอยู่ที่โรงแรม Ekko ห้อง 6 เมือง Lagos ประเทศNigeria จำนวนเงินที่โจรขอให้ส่งไปคือ1,350 USD หรือ 1,500 USD แตกต่างกัน แต่จะเป็นตัวเลขเศษๆ ดูแล้วน่าเชื่อถือ คำนวณเป็นเงินไทยก็อย่างน้อย 30,000 บาทขึ้นไปซึ่งไม่น้อยทีเดียว รายละเอียดปรากฏตาม email ที่ติดต่อกับโจรรายนี้ (เอกสารแนบ 3) ผมขอบอกว่าสภาพจิตใจของผมช่วงดังกล่าวแย่มากที่สุด เต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วงว่าจะมีเพื่อนคนใดส่งเงินไปให้โจร และคนที่ส่งเงินไปให้ต้องเจ็บใจเสียใจในภายหลังเมื่อทราบความจริง 4. ความกังวลของตนเองต่อความยุ่งยากในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากที่ผมจำต้องทำงานแข่งกับเวลากับโจร เพื่อแจ้งให้ทุกคนที่รับ emailหลอก (hoax email) นี้รู้ตัว ผมก็คิดกังวลเลยไปไกลในอนาคตว่า หากผมไม่สามารถยกเลิก email account นี้ของผมได้ โจรรายนี้จะต้องใช้ชื่อผมไปก่อให้เกิดความเสียหายกับผมต่อไปในอนาคตโดยไม่มีที่สิ้นสุด ผมคงต้องมาแก้ตัวและป้องกันตัวเองว่าemail ดังกล่าวไม่ใช่ของผม ผมไม่ได้หลอกผู้ใดหรือติดต่อกับผู้ใดในการใช้ email account นี้แล้ว ถึงตอนนั้นความเสียหายคงเกิดขึ้นกับผมอย่างมากและเป็นสิ่งกวนใจทำให้สุขภาพจิตเสื่อมไปตลอดกาล จนกว่าโจรหรือผมจะตายจากโลกนี้ไป 5. ความเป็นห่วงเป็นใยและความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนสนิท ญาติพี่น้องและผู้ที่ติดต่อด้วย
ความเป็นห่วงเป็นใยประการที่สองนี้ เป็นความทุกข์ที่จะเกิดกับคนที่เรารักและติดต่อด้วย ความตกใจและการช่วยเหลือของแต่ละคนเมื่อได้รับ email หลอก จะมีระดับและวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกคนต่างเชื่ออย่างสนิทใจว่า ผมคงตกอยู่ในภาวะที่ลำบากในแอฟริกาจำเป็นต้องช่วยเหลืออย่างรีบด่วน เริ่มจากเพื่อนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา เป็นเพื่อนที่สนิทและรู้จักกันมานานนับสิบปี พอได้รับ email หลอกนี้ ก็รีบตอบ email สอบถามรายละเอียดต่างๆ เพื่อหาวิธีช่วยเหลือ เมื่อโจรได้รับ email ตอบจากเพื่อน มันก็รีบตอบกลับและแสดงตัวเป็นผมทันที โดยที่เพื่อนอ่าน email แล้วไม่ได้สังหรณ์ใจอะไรเลย รายละเอียดปรากฏตาม email ของโจร ( เอกสารแนบ 4 )
ในวันนั้นเพื่อนคนนี้ต้องลาหยุดงาน เพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนกระทั่งสามารถส่งเงินไปให้โจรตามที่มันแจ้งให้ทราบ หลังจากส่งเงินไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ภรรยาเกิดสังหรณ์ใจบางอย่างและนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรทางไกลมาสอบถามผมที่บ้านที่กรุงเทพฯ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณตี 5 กว่า ผมก็รับโทรศัพท์พร้อมกับเสียงของเพื่อน ที่แสดงความตกใจเล่าเรื่องให้ผมฟัง ผมบอกเขาว่าผมสบายดีอยู่ที่เมืองไทย ไม่ได้ไปแอฟริกาแต่อย่างใด เมื่อทราบดังนั้น เพื่อนจึงรีบไปอายัดเงินโอนทันที ผลปรากฏว่าเงินไปอยู่ที่ปลายทางแล้ว แต่โจรยังไม่มารับไป เพราะว่า email ที่เพื่อนแจ้งการส่งเงินไป มีเอกสารแนบ เกิดขัดข้อง email จึงยังไปไม่ถึงโจร ทำให้มันไม่ทราบว่ามีเงินโอนไปแล้ว เพื่อนของผมจึงอายัดเงินได้ทัน ไม่สูญเงิน 1,350 USD แต่ถูกหักค่าธรรมเนียมไปไม่มากนัก
เพื่อนได้แจ้งให้ผมทราบในภายหลังว่า เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เขาเสียสุขภาพจิตไปมาก และโทษตัวเองว่าโง่ ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็สังหรณ์ใจอยู่ แต่เหตุการณ์คับขันเช่นนี้คงปล่อยให้เพื่อนลำบากไม่ได้ ถึงแม้จะมีความรู้สึกว่าเป็นการหลอก แต่ก็ยอมจะเสี่ยงส่งไปให้ก่อน แม้จะเสียเงินไปก็ไม่เป็นไร
รายที่สอง อยู่อเมริกาเช่นกัน เมื่อได้รับ email หลอกก็ตกใจ รีบตอบ email กลับไปหาโจร สอบถามรายละเอียดความตกทุกข์ได้ยากของผม และว่าจะส่งเงินไปให้ แต่ขณะที่เขียน email เพื่อตอบโจรไป เขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวผมจริงหรือไม่ เพราะผมไม่น่าจะใช้วิธีเช่นนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ จึงทำการทดสอบให้ตอบคำถามส่วนตัวของผมว่า หัวหน้าสำนักงานที่ผมทำงานอยู่ ชื่ออะไร ปรากฏว่าไม่มีคำตอบจากโจรรายนี้อีกเลย เพื่อนคนนี้จึงรู้ว่าไม่ใช่ตัวผมแน่นอน เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาประสาทเสียและเสียเวลาทำงานไปมาก
รายที่สาม อยู่อเมริกาเช่นกัน เมื่อได้รับ email หลอก ก็ตกใจเตรียมจะส่งเงินไปให้อีก แต่กลับคิดได้ว่า email ที่ส่งมา ทำไมขึ้นต้นด้วย Dear All, ทำไมไม่ระบุชื่อเหมือนที่เคยเขียนมา ทำให้เขาเกิดอาการไม่แน่ใจ จึงโทรทางไกลไปถามเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่เมืองไทยว่าผมไปแอฟริกาหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 2 ของเมืองไทย จึงได้ทราบความจริงว่าถูกหลอก และทำให้เขาสงสัยว่าโจรทำได้อย่างไร เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาเกิดอาการตกใจมากเหมือนกันและแน่นนอนว่าเป็นการทำลายสุขภาพจิตใจของเขาอย่างมาก
รายที่สี่ อยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้รับ email หลอกแล้ว คนทั้งครอบครัวต่างตกใจอลหม่านกันไปทั้งบ้านเตรียมจัดส่งเงินไปให้ โดยให้ลูกทำการติดต่อกับโจรและขอทราบรายละเอียดการส่งเงินจนได้ข้อมูลเรียบร้อยพร้อมที่จะส่งเงิน เผอิญลูกคนที่จะไปส่งเงินอยู่ต่างจังหวัดยังไม่กลับบ้าน เงินที่จะโอนไปจึงยังไม่ได้โอน ในระหว่างนี้เพื่อนคนนี้นึกขึ้นได้ว่าต้องตรวจสอบเบื้องต้นก่อน โดยได้โทรศัพท์มาที่บ้านของผมประมาณเที่ยงคืนกว่า ปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือของผมติด ใช้ได้ตามปกติ แต่ผมไม่ได้รับสาย ซึ่งทำให้สันนิษฐานว่า ถ้าหากผมลำบากจริงต้องโทรมาหาแล้วโดยไม่ต้องใช้email เพื่อนจึงบอกให้ลูกงดการส่งเงินไปก่อน รุ่งขึ้นผมก็รีบโทรบอกเพื่อนว่าเป็น email หลอกลวง เพื่อนจึงได้ทราบความจริง เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ครอบครัวนี้วุ่นวายกันไปเกือบสองวันทั้งแม่ทั้งลูก
รายที่ห้า อยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้รับ email หลอกลวงแล้ว ก็มีอาการตกใจเช่นกัน แต่วิธีการช่วยเหลือของเขาไม่ใช่วิธีการส่งเงินตามที่ร้องขอมา เพราะคิดว่าการส่งเงินไปให้เพียงเท่านี้ก็ยังกลับเมืองไทยไม่ได้อยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดคือแจ้งเครือข่ายที่อยู่ในไนจีเรีย ให้ไปช่วยเหลือโดยตรงเลย เมื่อเครือข่ายได้รับแจ้ง สิ่งแรกที่เครือข่ายตรวจสอบคือ ผมได้เดินทางเข้ามาใน ไนจีเรียจริงหรือไม่ ปรากฏว่าตรวจสอบแล้วไม่มี เพื่อนจึงรู้ว่าเป็นการหลอกลวงแน่นอน จึงหยุดทำการช่วยเหลือลง แต่ก็ทำให้เสียเวลาทำงานไปมากและวุ่นว่ายกับคนอื่นที่อยู่ต่างประเทศ
รายที่หก อยู่กรุงเทพฯ เมื่อได้รับ email หลอกลวงแล้ว ก็ตกใจเช่นกัน เตรียมที่จะรวบรวมเงินส่งไปให้ แต่ในระหว่างนี้ก็เขียน email แนะนำวิธีการต่างๆ ในการที่จะเอาตัวรอดที่ ไนจีเรียขณะที่เขียน email ไปหา ก็บ่นกับตัวเองว่า ผมทำไมคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ ไม่น่าจะใช้วิธีขอให้โอนเงินไปให้ ไม่ได้เป็นสมาชิกบัตรเครดิตใดๆ เลยหรือ หากบัตรหายก็ขอออกใหม่ได้ที่ไนจีเรียและว่าผมช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยทั้งๆ ที่เป็นนักกฎหมายระดับนี้ แต่โชคดีของเพื่อนคนนี้ ในที่สุดผมนึกชื่อได้ จึงได้โทรไปแจ้งเหตุการณ์ให้ทราบว่า email account ของผมถูกโจรไนจีเรียขโมยไปใช้หลอกลวงคนอื่นๆ 6. ต้องเอาชนะและสู้กับโจรอย่างถึงที่สุด
หลังจากที่โจรขโมยเอา email account ของผมไป ผมคิดอยู่เสมอว่า ต้องยกเลิกการใช้ email account นี้ให้ได้ หรือไม่ก็ต้องเอากลับคืนมาให้ได้ ดังนั้นผมจึงได้ส่ง email รายงานให้ตำรวจในประเทศไทยที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยทาง internet ให้ทราบและขอความช่วยเหลือ แต่โชคไม่ดี ผมไม่ได้รับคำตอบใดๆจากตำรวจเลย อีกทางหนึ่งผมได้ติดต่อผู้ให้บริการทาง internet (ISP) ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ เพราะเป็นของ Hotmail ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ในที่สุดความพยายามของผมที่จะพึ่งคนอื่นก็สิ้นสุดลงในภาวะเช่นนี้ผมหมดความหวังกับการช่วยเหลือในเมืองไทยแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะนึกออกคือส่ง email ไปที่บริษัทให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศคือ Money Gram และ Western Union แจ้งเหตุการณ์ให้ทราบ แต่ก็ได้เพียงคำตอบกลับมาว่าจะตรวจสอบให้และก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้
ผมยังไม่หมดความพยายาม จึงได้ขอให้ผู้ที่มีความรู้ทาง Internet ให้มาช่วยเหลือยกเลิกการใช้ email account ของผมก็ได้รับคำตอบว่า ทำไม่ได้เพราะHotmail อยู่ต่างประเทศ ไม่รู้จะติดต่ออย่างไร และบอกว่าไม่ต้องสนใจ email account นี้อีกต่อไป ให้ทำใจและทิ้งไปเลย ผมฟังแล้วก็ห่อเหี่ยวหมดหวังจากคนอื่นที่จะช่วยเหลือผม 7. วิธีแก้ไข เอาชนะโจรอย่างเด็ดขาดทั้งเฉพาะหน้าและในอนาคต
เมื่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้แล้ว ผมคิดอยู่เสมอว่าจะต้องมีทางแก้ไขให้ได้ วิธีการที่ดีที่สุด คือสืบค้นหาเจ้าหน้าที่ของ Hotmail สืบค้นหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยค่อยๆ อ่านWebsite ของ Hotmail อย่างละเอียด ว่าจะมีวิธีการช่วยเหลืออย่างไร ซึ่งกว่าจะหาพบก็กินเวลาไปเกือบสองวัน จึงทราบว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ไขปัญหานี้คือ Windows Live ID Technical Support ผมจึงได้เขียน email เล่ารายละเอียดของผมให้ทราบ เจ้าหน้าที่ Hotmail รับรู้เรื่องของผม และได้ขอให้ผมตอบคำถามของเขา 16 ข้อ เพื่อตรวจสอบว่า ผมเป็นเจ้าของ account ที่แท้จริงโดยให้ตอบคำถามส่วนตัวและรายละเอียดข้อความเท่าที่ทราบใน email เก่าๆ รวมถึงemail address เก่าๆ เท่าที่จำได้ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ของHotmail ได้ตรวจสอบแล้วเชื่อว่าผมเป็นเจ้าของ account ที่แท้จริง จึงเริ่มดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เข้าไปตั้ง password ใหม่ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า “Removed Tag” โดยเจ้าหน้าที่จะแจ้งขั้นตอนและวิธีการมาให้ทราบ แล้วทำตามคำแนะนำตามลำดับ เหมือนสวรรค์มาโปรด ขณะที่เครื่องกำลังทำงานเพื่อตั้ง password ใหม่ ผมก็ภาวนาให้แก้ไขได้สำเร็จ ในที่สุดชัยชนะก็เป็นของผม ผมสามารถเปลี่ยน password ของโจรออกไป แล้วตั้ง password ของผมใหม่ ทำให้โจรไม่สามารถกลับเข้ามาใช้email account ของผม เพื่อหลอกคนอื่นได้อีกต่อไป 8. จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ email หลอกลวงในประเทศไทย และต่างประเทศกับการระบาดไปทั่วโลก
จากการตรวจสอบพฤติกรรมเช่นนี้ทาง Website ต่างๆ ของไทย ผมพบว่านอกจากผมที่ถูกขโมยemailไปแล้ว ยังมีผู้อื่นที่ถูกกระทำเช่นนี้ และเพื่อนๆของเจ้าของ account ต่างถูกหลอกและส่งเงินไปให้เป็นจำนวนมาก บางคนสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนแสนบาท บางคนทิ้ง email ที่ถูกขโมยไปนานเป็นปีแล้ว แต่กลับต้องถูกทวงหนี้จากคนที่ไม่เคยรู้จัก โดยอ้างว่าได้มีการทำธุรกรรมค้าขายกันกับเขาและยังไม่ได้ชำระหนี้ จึงแจ้งมาเพื่อขอให้ชำระด้วย ซึ่งเจ้าตัวกลับไม่ทราบเรื่องใดๆ เลย จนปัจจุบันก็ยังไม่อาจยกเลิก email account ของตนได้ ทำให้โจรสนุกกับการใช้ email หลอกลวงภายใต้ชื่อของเจ้าของที่แท้จริงโดยไม่มีที่สิ้นสุด ในภาวะและความรู้สึกของเจ้าของ email account นี้ นับว่าเป็นการสร้างตราบาปให้ติดตัวเองตลอดไป จนกว่าจะยกเลิกหรือเอา email account ของตนกลับคืนมาได้ และมีหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อโดยที่ยังไมรู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรจนทุกวันนี้
สำหรับต่างประเทศ ใน Website ของ Australia Interpol ประชาชนสูญเสยเงินจากการถูกหลอกลวงในลักษณะนี้ รวมกันทั้งประเทศแล้วนับพันล้านเหรียญ
เหตุการณ์ครั้งนี้บอกตรงๆ ว่าผมเครียดมาก ช่วงที่กำลังต่อสู้กับโจร โจรที่ไม่เห็นตัว และไม่สามารถทำอะไรมันได้ และหาใครช่วยก็ไม่ได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเอง ดังนั้นผมจึงอยากให้กรณีของผมเป็นกรณีสุดท้ายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย รวมทั้งในโลกของ Internet และขอแจ้งให้สาธารณชนคนไทยได้ทราบเพื่อป้องกันการหลอกลวงต้มตุ๋นที่เกิดขึ้น ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนัก โดยที่สังคมไทยยังไม่ค่อยรู้หรือตื่นตัวมากนัก และเมื่อเกิดปัญหาแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้
จากประสบการณ์การต่อสู้กับโจร IT จนสามารถเอาชนะได้ในครั้งนี้ ผมจึงยอมอุทิศเวลาของผมเพื่อสร้างเครื่องเตือนใจคนไทยและคนทั้งโลก โดยเปิดเผยวิธีการหลอกลวงของโจรให้ทราบทั่วกันอย่างละเอียด 9. บทสรุปของบทเรียนราคาแพง ถึงผู้ที่เป็นเจ้าของ email account ในการป้องกันภัยการถูกขโมยpassword คือ
1. อย่าให้ email password กับผู้ใดเด็ดขาด โดยเฉพาะทาง email แม้ถูกขู่ว่าaccount จะถูกปิดก็ตาม เพราะปกติผู้ให้บริการจะไม่ทำเช่นนั้น
2. Email password เป็นสิ่งที่สำคัญต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี เหมือนกับการเก็บรักษาเลขรหัส ATM
3. ควร print หรือเก็บEmail address ของผู้ที่เราติดต่อไว้ต่างหาก เมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินก็ยังสามารถติดต่อกับผู้อื่น ได้ ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าใช้ email ของตนเองได้ก็ตาม
4. หากมีปัญหาใดๆ ในการใช้ email ของ Hotmail หน่วยงาน Windows Live ID Technical Support สามารถช่วยท่านได้ โดยให้ผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษช่วยเขียนแจ้ง หน่วยงานดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะแก้ไขปัญหาให้เราเป็นรายบุคคลและจะตอบกลับมาทันทีภายในหนึ่งวันทำงาน
5. การสมัครเป็นสมาชิกของ email หากทำได้และสะดวก ให้ใช้ของผู้ให้บริการinternet (ISP) ในประเทศ เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น จะสามารถติดต่อยับยั้งยกเลิกหรือแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจโทรศัพท์แจ้งผู้ให้บริการ internet ทราบทันที
6.การมีemail account สำรองที่เป็นการให้บริการของผู้ให้บริการอื่นที่มีcontact list เหมือนกัน ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่บรรเทาความเสียหายเบื้องต้นได้ หวังว่าบทเรียนราคาแพงนี้จะเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนที่เป็นเจ้าของ email account ทุกคน โดยเฉพาะ email account free ทั้งหลาย เรื่องนี้ถ้าไม่เกิดกับตนเองก็จะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว เหมือนตกนรกทั้งเป็นและเหี่ยวเฉาไปทีละน้อย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ และซ้ำเติม พิชัย พ้นภัย ( pponpai@gmial.com ) 1131/288 ถนนเทอดดำริ แขวงถนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 1030 โทร. 086-332-0943
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2551, 11:14:02 » |
|
Don't do anything that is without the " S " มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา Internet Security, Extremely Important Very IMPORTANT... must know - don't do anything that is without the " s "
The main difference between http:// and https:// is
It's all about keeping you secure
HTTP stands for HyperText Transport Protocol, which is just a fancy way of saying it's a protocol ( a language, in a manner of speaking ) for information to be passed back and forth between web servers and clients.
The important thing is the letter S which makes the difference between HTTP and HTTPS. The S ( big surprise ) stands for "Secure".
If you visit a website or webpage, and look at the address in the web browser, it will likely begin with the following : http://. This means that the website is talking to your browser using the regular 'unsecure' language.
In other words, it is possible for someone to "eavesdrop" on your computer's conversation with the website. If you fill out a form on the website, someone might see the information you send to that site.
This is why you never, ever, ever, should enter your credit card info in an http website! But if the web address begins with https://, that basically means your computer is talking to the website in a secure code that no one can eavesdrop on.
You understand why this is so important, right? If a website ever asks you to enter your credit card information, you should automatically look to see if the web address begins with https://. If it doesn't, there's no way you're going to enter sensitive information like a credit card info!
http VS https
I checked the Tigerair http://www.tigerairways.com/home/
And Jetstar airways http://www.jetstar.com/3k/index.html
When come to booking the ticket and keying the personal information both show https
BOOKING https://booking.tigerairways.com/skylights/cgi-bin/skylights.cgi
And https://jetstar.com/skylights/cgi-bin/skylights.cgi SO it is safe to do that booking... please remember when you buy any thing online make sure passing your information on the website showing https REPEAT https........... don't do anything that is without the " s "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2551, 23:59:37 » |
|
ผมเป็นหนี้บัตรเครดิตครับ พี่วิวิธ - วิศวะ 07 ... ส่งมา เมื่อสองวันก่อนหน้านี้ผมได้รับ Voice Mail จาก AIS ก็โทร.ไปเช็คข้อความตามปกติ มีเสียงตอบรับอัตโนมัติว่า ผมติดค้างชำระบัตรเครดิตจากธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ ให้ผมติดต่อกลับเจ้าหน้าที่ ... ผมว่าระบบมันคงมั่ว แต่ก็คิดในใจว่า ระบบมันจะงี่เง่าได้ขนาดนี้เหรอ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ม.ค. เวลา ประมาณ 10.19 น. มีข้อความเสียงมาครับ ... จับใจความได้ประมาณนี้ " บัตรเครคิตของท่านยังไม่ได้รับการชำระ ... ทางธนาคารจำต้องทำการระงับบัตรเครดิตของท่าน หากมีข้อสงสัยประการใด กรุณากด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ ... " ผมงงครับ ... ว่าอะไรหว่า ผมไม่ได้เป็นลูกค้าธนาคารนี้เลย ... ก็เลยไม่ได้ติดต่อครับ เฉย ๆ ไป ระบบมั่วจริง ปล่อยมันไปครับ ...
จนเวลาผ่านมา วันนี้ ( พุธที่ 16 ม.ค. 51 ) เวลา 16.36 น. มีระบบอัตโนมัติติดต่อมาว่า ผมค้างชำระหนี้บัตรเดรดิต ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะมีการดำเนินการทางกฏหมาย ติดต่อเจ้าหน้าที่ กด 9 ผมงง สิครับ ... นั่งเคลียร์งานเพิ่งเสร็จไป กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน โชว์เบอร์มาเป็น " unknow " เหมือนคุณไปรเวทเด่ะ ... พร้อมเมนูให้กดทางเลือกเดียวเพื่อติดต่อหมายเลข 9 ผมสงสัยมากครับ จึงกด 9 ทันที ... เจอ จนท. Operator เป็นผู้หญิง Operator : " สวัสดีค่ะ .... ธนาคารแสตนดาร์ชาร์เตอร์มีอะไรให้รับใช้คะ " ผมเลยเล่าปัญหาไปว่า " ผมมีปัญหาคือ ทางธนาคารมาบอกว่าผมเป็นหนี้กับทางธนาคาร ซึ่งผมไม่เคยเป็นลูกค้าของทางธนาคาร เกรงว่าจะมีคนไปปลอมแปลงว่าเป็นผม อยากให้ธนาคารช่วยตรวจสอบประวัติของผมด้วยครับ... " ในใจนึกไว้ ... มันจะมีประวัติเราได้ไง ไม่เคยสมัครทำอะไรกับธนาคารนี้เลย Operator : ขอชื่อ นามสกุลด้วยค่ะ ผม : นายต้นตระการครับ Operator : คุณต้นตระการ วงเงิน 80,000 บาท ค้างชำระบัตรเครดิตกับทางธนาคารนะคะ อยู่ที่ 67,500 บาทค่ะ ผม : แล้วขออนุมัติวงเงินไปเมื่อไร ? ใช้วงเงินเมื่อไร ? อย่างไร ? ครับ Operator : คุณขออนุมัติมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2550 ที่วงเงิน 80,000 บาท และเริ่มใช้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2550 เป็นจำนวน 67,500 บาทค่ะ และยังไม่มีการชำระใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ
ผมหน้าตาตึง + อาการงง ๆ อะไรของมันเนี่ย โดนพวกมิจฉาชีพเล่นซะแล้วกระมังเนี่ย ? มันเอาเอกสารเราไปขอเครดิตธนาคารผ่านได้ไงกัน ? ธนาคารปล่อยเครดิตมันไปได้ไง ? ทำไมเอกสารทวงหนี้ไม่มีมาที่บริษัทเรา ? ...
ผมเลยถามไปว่า " คนนั้นเค้าอยู่ที่ไหนในข้อมูลประวัติ " Operator : สาทร ค่ะ ผม : คุณไปเช็คการอนุมัติให้ละเอียดนะครับ ผมอยู่กาญจนบุรีครับ ผมไม่เคยเป็นลูกค้า หรือส่งใบสมัคร กระทำการใด ๆ กับธนาคารคุณเลย กรุณาตรวจสอบด้วยครับ ขอภายในวันนี้ด้วยนะครับ ( ฉุนล่ะ ) Operator : คุณทำงานกับบริษัทเหรอค่ะ ผม : ถูกต้องครับ Operator : ค่ะ ยังไม่ต้องตกใจนะค่ะ ทางธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลก่อน และจะส่งเรื่องไปให้ฝ่ายกฏหมายดำเนินเรื่องต่อค่ะ จะรีบติดต่อกลับภายใน 10 นาที นะคะ ( น้ำเสียงหงอ ๆไป )
11 นาทีผ่านไป ... เวลา 16.57 น. มีผู้ชายโทรมาครับ ..
Unknow man : สวัสดีครับคุณต้นตระการ ใช่หรือเปล่าครับ เราจากฝ่ายกฏหมายธนาคารแสตนดาร์ตชาร์เตอร์นะครับ ทางคุณค้างชำระหนี้ทางธนาคารจำนวน ... จะเอาอย่างไรครับ ( ตะคอก ) ผม : ใจเย็นๆ นะครับ ตะกี้เพิ่งให้ทางธนาคารเช็คว่าผมไปเป็นลูกค้าธนาคารได้อย่างไร Unknow man : ผมไม่ใช่ธนาคาร นี่ฝ่ายกฏหมาย คุณค้างชำระจำนวน ... จะจ่ายเมื่อไรครับ ( ตะคอก ) ผม : เฮ้อ คุณใจเย็น ๆ หน่อย ผมไม่ใช่ลูกค้าธนาคารคุณ กลับไปเช็คดีๆ และผมจะไม่จ่ายอะไรทั้งสิ้น ( สุภาพ แต่ห้วนๆ ) Unknow man : คุณค้างชำระ ... อยากให้ยอดเยอะกว่านี้ใช่ไหม ? ( สัญญาณโทรศัพท์ชักจะไม่ชัด ) ผม : ไม่ได้ค้าง และจะไม่จ่ายอะไรทั้งสิ้น พูดใหม่สิ สัญญาณคุณไม่ชัด Unknow man : " ป๋อง แป๋ง วิ๊ด วิ๊ววว #@%#$)__+ ..... " ตุ๊ด ๆ ๆ และแล้วสัญญาณก็ขาดหายไป ... และไม่ได้มีการติดต่อใด ๆ กลับมา
สรุป มันคือกลุ่มมิจฉาชีพครับ ที่จะมาหลอกล่อเอาเงินกับเรา มันเข้าใจสร้างเรื่อง สร้างระบบมาหลอกนะครับ ยอมรับว่าตอนแรก งง ๆ แถมตกใจ หลงเชื่ออีกด้วยว่า น่าจะมีใครเอาสำเนาบัตรประชาชนเราไปขออนุมัติวงเงินจริง ๆ กับทางธนาคาร ผมเลยเช็ครีบหาช่องทางติดต่อธนาคาร ได้เรื่องมาตามนี้ ...
เรื่อง การล่อลวงข้อมูลลูกค้า จากกลุ่มมิจฉาชีพ เรียน ลูกค้าผู้มีอุปการคุณทุกท่าน
เนื่องจากปัจจุบัน มีกลุ่มมิจฉาชีพพยายามใช้วิธีต่างๆ ล่อลวงข้อมูลของลูกค้าธนาคารพาณิชย์ เพื่อนำไปแสวงหาประโยชน์ในทางที่มิชอบ เช่น โทรศัพท์ติดต่อลูกค้า / ประชาชน และแอบอ้างเป็นพนักงาน หรือตัวแทนของธนาคาร อ้างว่าท่านมีหนี้อยู่กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) จำกัด ( มหาชน ) หรือกระทำการหลอกลวงให้ท่านหลงเชื่อว่ากำลังติดต่ออยู่กับระบบโทรศัพท์อัตโนมัติของธนาคาร เพื่อให้ท่านเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และ / หรือ โอนเงินไปให้กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว ซึ่งการแอบอ้าง และล่อลวงดังกล่าว ได้เกิดขึ้นกับลูกค้าของหลายธนาคารก่อนหน้านี้ ตลอดจนแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่ปรากฏในเอกสารข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 56/2550 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย) จำกัด ( มหาชน ) ขอเรียนให้ท่านโปรดระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวของท่าน รวมทั้งการทำรายการที่ เครื่องโอนเงินอัตโนมัติ โดยกรณีที่ท่านไม่ได้เป็นผู้ร้องขอ หากท่านมีข้อสงสัยจากการติดต่อของผู้ที่แจ้งว่าเป็นพนักงาน หรือตัวแทนของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) กรุณาติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) ที่ โทร. 1595
นอกจากนี้ หากหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้าไปจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย 02-724-xxxx ขอให้ท่านตรวจสอบกับศูนย์บริการลูกค้าของธนาคารก่อนกระทำรายการใดๆ
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ( ไทย ) จำกัด ( มหาชน ) 23 พฤศจิกายน 2550
http://www.standardchartered.co.th/t...deception.html และปรึกษาผู้บริหารที่ทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัท ฟังแล้วสบายใจครับ .. ชัวร์ว่า กรณีของผมนี้ถูกสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อหลอกเอาเงินจากน้ำมือพวกมิจฉาชีพโดยเฉพาะ ... เลยนำเรื่องต่าง ๆ มาเล่าสู่กันนะครับ เพราะว่าครั้งนี้โดนกับตัวเอง ได้รับถ่ายทอดความรู้สึกเอง ขออย่าให้มันสามารถหลอกลวงใครได้อีกต่อไป และขออย่าให้สุจริตชนทั้งหลายต้องตกเป็นเหยื่อของมัน พวกเดนสังคมมนุษย์ ที่เรียกว่า " มิจฉาชีพ " ครับ ...
Mr.Tontrakarn
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 20 กุมภาพันธ์ 2551, 13:20:00 » |
|
ระวังลูกหลานจากภัยร้าย ในสนามเด็กเล่น-บ่อทะเลบอลล์
Emile ... ส่งมาจาก Netherland
McDonalds, Burger king, Ikea, ... All places with ball pits ( Ballen kinder hok) in the children's play area.
One of my sons lost his watch, and was very upset. We dug and dug in those balls, trying to find his watch. Instead we found vomit, food, feces, bacteria, and other stuff I do not want to add. I went to the manager and raised hell. Come to find out, the ball pit is only cleaned out once a month. I have doubts that it is even done that often. My kids will never play in another ball pit. Some of you might not be parents, but you may have nieces, nephews, grandchildren, or friends with children. This might pertain to you too. As I read the following, my heart sank. I urge each and every one of you to pass this on to as many people as you can. I cannot stress how important this is !
Hi, My name is Lauren Archer, my son Kevin and I lived in Midland Usa . On October 2nd, 1999 I took my only son to McDonald's for his 3rd birthday. After he finished lunch, I allowed him to play in the ball pit ( kinder ballen hok). When he started whining ( huilen, Zeuren ) later on, I asked him what was wrong, he pointed to the back of his pull-up and simply said " Mommy, it hurts. "
I couldn't find anything wrong with him at that time. I bathed him when we got home, and it was at that point when I found a welt ( rode plek ) on his left buttock, ( Linker bill ). Upon investigating, it seemed as if there was something like a splinter under the welt. I made an appointment to see the doctor the next day, but soon he started vomiting ( overgeven ) and shaking, then his eyes rolled back into his head ( je zag allen het wit van zijn ogen ). From there, we wnt to the emergency room. My son died later that night. It turned out that the welt on his buttock was the tip of a hypodermic needle ( stukje van een gebruikte injectie naald ), that had broken off inside. The autopsy ( onderzoek) revealed that Kevin had died from a heroine overdose. The next week, the police removed the balls from the ball pit. There was rotten food, several hypodermic needles: some full, some used, knives, half-eaten candy, diapers, feces, and the stench ( stank ) of urine. ( You can find the article on Kevin Archer in the October 10,1999 issue of the Midland Chronicle via Google ).
Don't think it's just McDonald's either. A little boy had been playing in a ball pit @ a Burger King & started complaining of his legs hurting. He later died too. He was found to have snake bites all over his legs & buttocks. When they cleaned the ball pit they found that there was a copperhead's nest ( slangen nest ) in the ball pit. He had suffered numerous bites from a very poisonous snake.
Repost this if it scares the crap out of you !! Repost this if you care about kids !! Please forward this to all loving mothers, fathers and anyone who loves and cares for children !! What has this world come to ?? If a child is not safe in a child's play area then where ??
In Florida and other places on the East Coast a group of people are putting HIV / AIDS infected and filled needles underneath gas pump handles, so when someone reaches to pick it up and put gas in their car, they get stabbed with it. 16 people have been a victim of this crime so far and 10 tested HIV positive.
Instead of posting that stupid crap about how your love life will suck for years to come if you don't re-post, post this. It's important to inform people, even if you don't drive, a family member might, and what if they were next ?
What a sick, sick world were living in huh.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2551, 19:26:01 » |
|
ระวังไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่นะ นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา ห้ามเปิดดู mail จาก pavlo_88@hotmail.com เด็ดขาด เพราะนี่เป็นไวรัสที่จะมาทำลายข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณทั้งหมด ... ช่วยส่งข่าวนี้ให้เพื่อนของคุณทุกคนด้วย เพราะมีคนโดนมาแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2551, 23:40:10 » |
|
หม้อไฟมรณะ
พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสัก 3 ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เองครับ กลับมาถึงบ้านก็พิมพ์เลย อยากเล่าให้คนอื่น ๆ ฟังเป็นข้อเตือนใจ สำหรับการเลือกสั่งอาหารที่อาจจะทำให้เราหมดสภาพการเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนเวลาอันควรได้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่าหลังงานรับปริญญาที่ห้องแล็บ ผมก็ถือโอกาสฉลองบัณฑิตใหม่ รวมทั้งฉลองวันเกิดผู้อาวุโสสูงสุดของห้องเราไปด้วย ที่ร้านคาราโอเกะชื่อดัง ตรงข้ามกับม.เกษตร ชื่อเกี่ยวกับของเขียว ๆ ที่เจ้แกคุยนักคุยหนาว่าเจ๋งสุด ๆ บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดีครับ อาหารอร่อย ห้องสวย น้อง ๆ พนักงานก็ใช้ได้ บนโต๊ะของเราก็มีแกงส้มชะอม กุ้งแช่น้ำปลา ปลาช่อนร่าเริง และอะไรอีกหลายอย่างที่ผมก็นั่งโจ้กันอย่างมัน เคล้าเสียงร้องที่ไปคนละทิศละทางกับอาหารตรงหน้า
แต่ที่ถือว่าเป็น hilight ของอาหารที่สั่งมา คงจะเป็น " รวมมิตรทะเลแซบ " ที่เป็นหม้อไฟ น้ำซุปสีเข้ม หอมกลิ่นเครื่องเทศ พร้อมของทะเล และผักสด ๆ ซึ่งพวกเราก็กระดี๊กระด๊า ตักซดคนละถ้วยสองถ้วย รสชาตินั้นดีทีเดียวครับ เหตุการณ์ผ่านไปอย่างคึกครึ้น แต่บางอย่างที่ผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้น...
ไม่นานหลังจากร่วมกันตะเบ็งเสียงกันในเพลง " น้องเปิ้ลน่ารัก " และขอเปลี่ยนถ่าน และเติมน้ำซุปในหม้อไฟแสนอร่อย ผ่านไปสักห้านาทีได้ ... รองอาวุโสของเราก็เกิดอาการวูบ ! ขาพับลงไปตรงหน้าห้องคาราโอเกะหลังจากที่พึ่งกลับขึ้นมาจากห้องน้ำ พวกเราก็ช่วยกันพยุงเข้ามาในห้อง และขอให้ผู้อาวุโสสูงสุดลงไปหยิบยาดมในรถมา แต่พอเจ้ใหญ่แกจะก้าวกลับเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละ แกก็เป็นลมตาเหลือกหงายหลังลงไปทันที !
พวกเราทิ้งไมค์ วิ่งไปปฐมพยาบาลกันใหญ่ และพี่ ๆ คนอื่นก็เริ่มมีอาการวิงเวียนเพราะก้ม ๆ เงย ๆ กันอยู่นาน จนต้องนอนลงไปกับพื้นระเบียงตรงหน้าห้อง ... น้องพนักงานก็วิ่งหายาดมมาให้ คนที่ร้องอยู่ห้องข้าง ๆ ก็เริ่มออกมาดู และซุบซิบกันว่าคนแก่พวกนี้ทำไมถึงเมากันเหลวแหลกขนาดนี้ ... คนข้างนอกมองก็คงจะว่า เจ้ ๆ แค่เป็นลมเพราะเมาจัด ... แต่นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องผิดปกติที่สุดของพวกเรา เพราะรองอาวุโสไม่ได้แตะน้ำยอดข้าวเลยสักหยดเดียว แถมผู้อวุโสสูงสุด และคนที่นอนแผ่ตามๆ ลงไปนั้น ความทนทานต่อแอลกอฮอล์ ถือว่า " ระดับคอแพททินัม " กันเลยทีเดียว
แต่ประโยคที่ทำให้ทุกคนหันไปมองน้องพนักงานกันเป็นตาเดียวก็คือ .... " หม้อไฟนี่ อีกแล้ว " พวกเราก็แทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า " มิน่าล่ะถึงมึน ๆ หัวกันทุกคนเลย " แต่ด้วยเพราะหลายคนดิงค์ไปบ้างแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะมึนเพราะเหล้า แต่ก็นั่นแหละ ... ก็ยังสงสัยว่าทำไมเมาเร็วจัง ( บอกแล้วว่า ระดับคอแพททินัมกันทั้งนั้น ... เหล้าครึ่งขวดเมาก็บ้าแล้ว ) ส่วนรองอาวุโสก็เข้าใจว่าตัวเองอยู่ในช่วง jet lag เพราะพึ่งกลับมาจากภารกิจต่างประเทศ ก็เลยไม่ได้บอกกันว่าเกิดเรื่องผิดปกติกับตัวเอง คือต่างคนต่างมึนหัวกันทั่วหน้า
หลังจากน้องพนักงานไล่เปิดหน้าต่าง และเอาพัดลมยักษ์มาเป่าระบายในห้องให้ ก็มานั่งวิเคราะห์กันว่าเพราะห้องที่เรานั่งกันอยู่นั้น ไม่มีพัดลมระบายอากาศสักตัว ทำให้หม้อไฟที่ต้องใช้ออกซิเจนในการเผาไหม้ถ่านไม้ ( แถมขอเติมถ่านอีกตะหาก ) แย่งเอาอากาศออกซิเจนไปใช้หมด เช่นเดียวกับกรณีคนเสียชีวิตจากการจุดตะเกียงไว้ในเตนท์ หรือจุดตะเกียงน้ำมันหอมไว้ในห้องแอร์ ซึ่งเพื่อนบางคนก็เอะใจตั้งแต่แรก ที่ไม่เห็นพัดลมดูดอากาศ แต่ก็ไม่ติดใจอะไร
ข้อหนึ่งที่ดูน่าอันตรายมาก ถ้าหากมีใครบางคนฟุปไป แล้วเพื่อนเข้าใจว่าเมาจนหลับ ... อาจจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้ พวกเราก็ได้แต่คอมเมนท์ผ่านน้องพนักงานไปว่า ต้องบอกเจ้าของร้านนะว่า ต้องติดพัดลมระบายอากาศ หรือเตือนคนที่เข้ามาใช้ห้องว่า ถ้าสั่งอาหารประเภทนี้มากินต้องเปิดหน้าต่าง หรือยกเลิกรายการนี้ไปเลยก็ยิ่งดี
แหมก็มันน่านัก ... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้บ่อย ๆ ก็น่าจะเตือนกันบ้างนะ ต่อไปใครจะสั่งอาหารอะไร ก็คงไม่แค่นึกถึงรสชาติอย่างเดียว แต่ต้องดูบรรยากาศรอบ ๆ ด้วยว่ามันจะเป็นอาหารจานมรณะ ส่งเราลงนรกกันไปได้ง่าย ๆ ซะอย่างนั้นหรือเปล่า
เอ่อ ... ใครรู้จักเจ้าของร้าน หรือหุ้นส่วน ฝากเตือนด้วยนะครับ เพราะรู้ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ต่อไปช่วยกันไม่ทัน มานอนไหลตายในร้าน ... อนาคตเดี๋ยวจะเปลี่ยนจากร้านคาราโอเกะไปเป็นบ้านผีสิง ให้พี่กมลแกมาทำรายการ " ล่าวิณญาณ " เอานา ... แล้วจะหาว่า " ข้อย สิ บ่ บอก "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2551, 22:53:18 » |
|
ระวัง ! วิธีการขโมยรถแบบใหม่
มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ กับตัวผมเอง ที่ระยองนี่แหละ เมื่อวันที่ 29 JUL ตอนหกโมงครึ่ง ผมได้ขับรถยนต์เพื่อไปทำธุระ และได้แวะจอดรถซื้อของที่ห้าง โลตัส ระยอง โดยที่มีน้องที่ทำงานเดียวกันนั่งติดรถมาด้วย ผมให้เขานั่งรอในรถ หลังจากที่ซื้อของ และกลับออกมาจากห้าง ก็พบน้องที่มาด้วยกันวิ่งหน้าตาตื่นมาหา
บอกว่ามีคนมาหักสายอากาศวิทยุรถ หลังจากสอบถามแล้วได้ความว่า มีผู้ชายอายุราวๆ 30 กว่าๆขี่ มอเตอร์ไซค์ HONDA WAVE ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เข้ามาจอดด้านข้างคนขับ แล้วโน้มตัวมาดึงสายอากาศขึ้นยาวประมาณคืบนึง แล้วพยายามหัก น้องที่นั่งอยู่ในรถเห็นเข้า จึงได้เคาะกระจกแล้วชี้ถามว่า " จะทำอะไร " ชายคนนั้นมองหน้าแล้วลงมือหักต่อ น้องที่นั่งอยู่จึงเปิดประตูแล้วเดินออกมาหา ชายคนนั้นค่อยๆ ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ไม่ให้จับได้ทัน น้องที่มาด้วยกัน นึกได้เลยดึงกุญแจรถออก ล๊อครถ แล้ววิ่งไล่ตาม จนมาพบผมที่กำลังออกมาจากตัวห้าง
เหตุการณ์ลักษณะนี้ ได้โทร.คุยกับเพื่อนที่กรุงเทพ เขาบอกว่ามีคนเคยโดนเหมือนกัน เจตนาคือจะหารถคันที่มีคนอยู่ในรถ และมีกุญแจเสียบค้างอยู่ โดยทำทีเข้าประทุษร้ายตัวรถให้เราเห็น แล้วจะค่อยๆ หนีออกไปโดยให้เราวิ่งไล่ตาม ซึ่งจะมีคนร้ายอีกคนซุ่มอยู่ ขึ้นขับรถหนีออกไป โดยรูปแบบมีหลายวิธีกับเหยื่อ ซึ่งวิธีนี้เป็นรูปแบบนึงที่ใช้กับเหยื่อที่เป็นผู้ชาย ที่ไม่กลัว และหลงเชื่อวิ่งไล่ตามเอาเรื่องคนร้าย
ผมอยากฝากเตือนเพื่อนๆ ทุกคนให้ระวังพวกมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกับห้างที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สุดห่วย ที่มีสถิติรถหายให้ได้ยินกันบ่อยๆ เพราะสังเกตจากตอนนำรถเข้าจอดจะมีการแจกการ์ดพลาสติกให้คนขับเก็บเอาไว้ แล้วส่งคืนตอนออก โดยบนการ์ดไม่มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรถคันนั้นๆ เลย ซึ่งต่างจากที่จอดรถที่เรียกเก็บตังค์ บางที่ที่มีบันทึกเวลาเข้าออก-เลขทะเบียนด้วย โดยจะมีเสากั้นไม่ให้ผ่าน ถ้าไม่มีบัตรผ่านที่รับเอาไว้ตอนแรก ซึ่งโอกาสที่รถจะหายมีน้อยกว่าครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2551, 01:15:23 » |
|
อย่าทิ้งกุญแจบ้านไว้ในรถ ที่เอาไปซ่อม
หนูปู-ปาริชาติ ... ส่งมา
ผู้หญิงควรอ่านเรื่องนี้ ... เมื่อคุณนำรถเข้าอู่ซ่อม อย่าลืมทำสิ่งต่อไปนี้
1. มอบเฉพาะกุญแจรถให้ช่างซ่อม ... นำกุญแจบ้าน , กุญแจล็อคเกียร์ หรือกุญแจอื่นๆ ออกจากรถ มาติดตัวไว้
2. เอาสติ๊กเกอร์ หรือนามบัตรที่แสดงที่อยู่ของคุณออก เพื่อพวกเขาจะได้ไม่รู้ว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหน
ลูกสาวของเพื่อนดิฉัน นำรถเข้าไปรับบริการในบริษัทยางแห่งหนึ่งที่รู้จักกันดี เพื่อซ่อมยางที่แบน ขณะที่เธอกำลังรอ เธอไม่ทันได้ฉุกคิด จึงยื่นกุญแจทั้งพวงให้กับบริกร และรอ เธอไม่รู้ว่าที่อู่ซ่อมรถเกือบจะทุกแห่งล้วนมีเครื่องปั๊มกุญแจ หนึ่งในบริกรได้ปั๊มกุญแจอพาร์ทเมนท์ของเธอไว้ และสองวันผ่านไป มันเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ของเธอกลางดึก และข่มขืนเธอ
เธอใช้บริการซ่อมรถอยู่บ่อยครั้ง และพวกมันมีข้อมูลต่างๆ ของเธออยู่ในคอมพิวเตอร์ เช่น เธอพักที่ไหน เบอร์โทรศัพท์อะไร ไอ้เลวนั่นโดนจับเมื่อเดือนก่อน ตำรวจพบว่ามันเคยทำเหตุการณ์ระยำอย่างนี้มาแล้ว ขณะนี้มันอยู่ในคุก แต่ลูกสาวเพื่อนดิฉันกำลังพยายามดำรงชีวิตต่อไป
โปรดเตือนทุกคนให้แยกกุญแจอื่นๆ ออกจากกุญแจรถ บางทีอาจช่วยผู้หญิงคนอื่นๆ จากเรื่องน่าสลด-หดหู่แบบนี้ได้อีกมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 12:50:44 » |
|
เตือนทุกๆ คนว่าอย่าหลงไปถนนเลียบทางรถไฟ สามเสน ยามค่ำคืน
เพลินจันทร์ - อักษร 16 ... ส่งมา
เพื่อนพี่ของข้าพเจ้าบังเอิญมีโอกาสหลุดเข้าไปถนนสามเสนเลียบทางรถไฟ ซึ่งหลายๆ คนรู้ว่าแถวนั้นมีแกงค์มอเตอร์ไซค์ซิ่งนับร้อยคัน จองถนน อย่างอิสระ เรื่องไม่ใช่แค่นั้น เพราะคืนนั้นกลุ่มของเพื่อนพี่ข้าพเจ้าไปเที่ยวกลางคืน แล้วขับรถกลับบ้าน แต่ความที่แกเป็นคนไม่ชำนาญทางเท่าไรนัก และไม่รู้ว่าขับรถอีท่าไหนจึงหลงเข้าไปที่ถนนสามเสนเรียบทางรถไฟ ซึ่งพวกพี่ๆ มีกัน 4 คน ชาย 2 หญิง 2 และพวกมอเตอร์ไซค์นับร้อยๆ พวกนั้นก็ไม่ได้มาแค่แข่งรถอย่างเดียว เพราะสวะสังคมพวกนี้ทำตัวคล้ายโจรด้วยการขับประกบรถเก๋งคันที่พวกเพื่อนพี่ของข้าพเจ้าขับกันอยู่ แต่โชคดีที่คนโดยสารในรถพอจะรู้กิตติศัพท์ของถนนเส้นนี้มาบ้าง จึงบอกให้พี่ผู้หญิง 2 คนในรถก้มหน้าลงไปให้ดูเหมือนหลับ แล้วบอกให้พี่คนขับรีบเร่งรถเพื่อหนี ไม่ต้องสนใจ ถ้าชนใคร พวกมันมาล้อมรถเยอะมากๆ แต่พวกพี่ๆ เค้าก็ขับประคองพาหนีมาได้ ขณะที่กำลังแซงรถหนีอยู่นั้น ข้างทางก็มีพวกมันยืนล้อมวงกันอยู่ โดยพวกพี่ๆ เค้าเห็นกับตาว่าพวกมันกำลังต่อคิวกันข่มขืนผู้หญิงกันอยู่ โดยพวกพี่ๆ เค้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ต้องรีบเอาตัวเองให้รอดไว้ก่อน เพราะพี่เค้าก็มีพี่ผู้หญิงมาด้วย จะไม่ปลอดภัย
ข้าพเจ้าได้ยินหลายๆ คนเล่ามาว่า บางทีมันก็ล้อมรถเก๋ง แล้วกระชากผู้หญิงจากรถลงมาเพื่อข่มขืน และปล้นรถ พี่เค้าถึงได้ให้เพื่อนผู้หญิงอีก2 คนหมอบลงไป แล้วตำรวจล่ะไม่รู้เหรอ ? บ้านเมืองล่ะ ไม่มีขื่อมีแปรเหรอ ? คงต้องเป็นคำถามกันต่อไป จึงอยากฝากให้ทุกๆ คนฟอร์เวิอร์ดเมลนี้เพื่อเตือนทุกๆ คนว่า อย่าหลงไปถนนนั้นยามค่ำคืน และเผื่อว่ามันจะไปเข้าหูผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ดีๆ ซักคนที่อาจจะยังมีหลงเหลืออยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 09 มีนาคม 2551, 16:27:33 » |
|
อันตรายที่ Food Center
พี่ชรินทร์ 07... ส่งมา
การวางจานอาหารจองโต๊ะที่ Food Center ไว้ แล้วไปซื้ออย่างอื่นเพิ่มเติม อาจเป็นอันตรายเนื่องจากมิจฉาชีพจะทำทีมาหยิบทิชชู แล้วแอบใส่ยานอนหลับอย่างแรงแล้วออกไป จากนั้นแกล้งเข้ามาถามทาง เมื่อเห็นอาการเราแล้วสงสาร จึงอาสาพาส่งโรงพยาบาล ประคองขึ้นรถไปปลดทรัพย์ และข่มขืน เน้นว่าต้องข่มขืน เพื่อให้อับอายไม่กล้าแจ้งตำรวจ
---------------------------------------------------------
นางผาสุก อายุ ๒๘ ปี เข้าไปจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อรู้สึกหิว จึงแวะที่ศูนย์อาหารของห้าง ที่นั่นมีผู้คนพลุกพล่าน เธอจึงไม่ทันสังเกตถึงสายตาประสงค์ร้ายสองคู่กำลังจับจ้องตนเองอยู่ โดยมีเครื่องประดับมีค่าบนตัวเป็นเป้าหมาย ผาสุกทิ้งอาหารไว้บนโต๊ะเพื่อไปซื้อเครื่องดื่ม จึงเป็นโอกาสของคนร้ายที่จะลงมือปฏิบัติการ จริยา ( นางนกต่อ ) 1ในแก็งฟ้าสฟู้ดซึ่งนั่งห่างออกไปไม่ไกลนัก รีบเดินมาที่โต๊ะของผาสุกทำทีเป็นหยิบทิชชูบนโต๊ะ ด้วยความรวดเร็วแอบเทยานอนหลับอย่างแรง ใส่ลงไปในอาหารทีผาสุกวางทิ้งไว้ แล้วทำทีเป็นเดินเลือกซื้ออาหารตามร้าน ผาสุกกลับมาที่โต๊ะพร้อมน้ำดื่ม และเริ่มต้นรับประทานอาหาร ขณะที่จริยาก็หาที่นั่งที่ใกล้ที่สุด ... ทำทีดื่มน้ำ
" ตอนนั้นไม่ได้สงสัยอะไร ที่ผู้หญิงคนนั้นเขามานั่งใกล้ๆ เพราะ Food Center มันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว อีกอย่างเห็นว่าเขาเป็นผู้หญิงด้วยกัน " ผาสุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพียงเวลาไม่นานที่ผาสุกรับประทานอาหารผสมยานอนหลับเข้าไป เธอก็เริ่มง่วงและมึนศีรษะ และนั่นคือโอกาสของแก็งมิจฉาชีพ จริยาตรงรี่เข้าไปทันที " ขอโทษค่ะ คืออยากจะถามว่าแผนกเครื่องสำอางนี่อยู่ชั้นไหน " ผาสุกพยายามตั้งสติ แต่ความง่วงมึนงงมันก่อตัวขึ้นรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้ " คุณเป็นอะไรไปคะ ...ไม่สบายหรือคะ " จริยารีบเข้าประคองผาสุกให้ลุกขึ้น ซึ่งเธอก็หมดแรงจะขัดขืน " ฉันจะพยุงไปนะคะ สงสัยต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ " จริยา ( นกต่อ ) ประคองกึ่งลากผาสุกออกไปจากบริเวณนั้น โดยมีสายตาหลายคู่จ้องตามไป แต่ไม่มีใครสงสัย เพราะภาพที่เห็นทำให้คิดว่าผู้หญิงคนหนึ่งไม่สบาย และเพื่อนกำลังพาออกไปเท่านั้น ไม่มีใครสังเกตก่อนหน้านี้ว่าใครเป็นใคร มาคนเดียวหรือมากับใคร นอกจากมิจฉาชีพเท่านั้น ! ผาสุกให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปว่า " ตอนนั้นเท่าที่จำได้ก็คือรู้สึกมึนงง เวียนหัว คล้ายจะเป็นลม หนังตามันจะปิดซะให้ได้ ฉันพยายามสู้กับมัน พยายามจะไม่หลับ แต่ก็ไม่มีแรง รู้แต่ว่ามีคนประคอง "
จริยานางนกต่อพยายามพยุงเหยื่อที่ใกล้หมดสติไปยังจุดนัดพบ ซึ่งที่นั้นไกรสร สมาชิกร่วมแก็งค์ทำทีเป็นคนขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้างคอยท่าอยู่แล้ว ไกรสรตะโกนถาม " มอเตอร์ไซค์มั้ยพี่ " จริยารีบตอบ " ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด " เพียงเท่านี้ก็ขจัดความสงสัยของคนรอบๆ ไปได้แล้ว จริยาก็พยุงผาสุกขึ้นรถจักรยานยนต์ซ้อนสามไปด้วยกัน ( บางแก็งค์ก็เป็นรถโดยสารประเภทอื่น ) แน่นอนคนร้ายมิได้นำเธอส่งโรงพยาบาล แต่กลับพาไปยังบ้านพักของตนเองที่ถนนลาดหญ้า เขตคลองสาน เมื่อมาถึงผาสุกพยายามลืมตามองรอบๆ ก่อนจะอาเจียนออกมาจนหมด สองมิจฉาชีพรีบประคองผาสุกเข้าไปภายใน มงคลหัวหน้าแก็งซึ่งรออยู่แล้ว ละลายยานอนหลับให้หญิงสาวดื่มอีก แต่คราวเธอปัดป้องจึงถูกจับกรอกแทน ทั้งคู่ช่วยกันปลดทรัพย์ จริยา ( นางนกต่อ ) หยิบกระเป๋าสตางค์ของผาสุกออกดูบัตรประชาชน " อยู่ไหน " เสียงมงคลถาม " แถวเยาวราช " จริยาตอบ มงคลพยักเพยิกให้จริยาออกไป แล้วจัดการปลดกระดุมเสื้อผาสุกหมายจะข่มขืน ซึ่งพวกมันมักจะทำเป็นประจำภายหลังจากรูดทรัพย์แล้ว แต่ครั้งนี้เหยื่อไม่มีท่าทีจะหมดสติเอาง่ายๆ
" ที่ฉันจำสถานที่ได้ เพราะฉันเคยไปมาก่อน และคงเป็นเพราะฉันอาเจียนออกมาหมดด้วย " ผาสุกให้การต่อไป " ตอนที่มาถึงบ้านคนร้าย ก็พยายามสำรวจว่าเราอยู่ที่ไหน รู้สึกว่ามันผิดปกติแล้ว แต่ไม่มีแรง พวกมันเอาน้ำมาให้กิน แต่คิดว่าเป็นยานอนหลับอีก ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าพยายามลวนลาม ฉันเลยรวบรวมสติขัดขืน มันก็คงร้อนตัว " เมื่อเห็นว่าเหยื่อยังมีสติ คนร้ายจึงรีบร้อนพาเหยื่อออกจากบ้านโดยเร็ว คราวนี้ด้วยรถแท๊กซี่ซึ่งเป็นพวกเดียวกันนำเธอไปทิ้งไว้ไม่ไกลจากบ้านของเธอเอง " ตอนนั้นฉันเกือบจะไม่ได้สติแล้ว แต่ยังจำได้ว่าเป็นซอยบ้าน จึงพยายามเดินไปให้ถึง พอถึงบ้านก็หลับเป็นตายเลย "
ผาสุกสรุปคำให้การ ... เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ภายหลังจากที่พยายามทบทวนเหตุการณ์อย่างหนัก เธอก็จำได้ว่าสถานที่ที่ถูกพาไปรูดทรัพย์นั้น ตนเองเคยไปทำธุระมาก่อนเมื่อไม่นานมานี้ เธอจึงชวนน้องสาวไปแอบดูสถานที่เพื่อความแน่ใจ " ใช่ ใช่ แน่ๆ นั่นไงมอเตอร์ไซค์คันนั้น นั่นไงรอยอ้วกของพี่ "
พฤติกรรมของมิจฉาชีพเหล่านี้ จะยังสามารถกระทำกับเหยื่อรายอื่นต่อไปได้อีกหลายครั้ง ถ้านางผาสุกไม่ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แก็งค์คนร้ายพวกนี้ความจริงตำรวจกำลังตามจับ เพราะก็ได้ข้อมูลพฤติกรรมพวกนี้อยู่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งความ บางคนเป็นพยาบาล บางคนเป็นนักธุรกิจ ยิ่งถ้าโดนข่มขืนด้วยก็คงรู้สึกอับอาย เลยไม่มาแจ้งความ คราวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบตัวได้ทั้งแก็ง พร้อมคำสารภาพ " ผมจะคอยเฝ้าดูอยู่ที่ Food Center ตามห้างต่างๆ คอยดูคนที่มีทองเยอะ ๆ ท่าทางฐานะดี ทำมาหลายครั้ง กว่า ๒๐ ครั้งได้ ยานอนหลับจะใช้อย่างแรงเลย ซื้อจากร้านขายยาที่บางแค เอามาบดผสมน้ำ ที่ผ่านมามักจะเป็นผู้หญิง รูดทรัพย์แล้วก็ข่มขืนด้วย เพื่อให้เขาไม่กล้าแจ้งความ "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 09:21:19 » |
|
ระวังพวกมิจฉาชีพแอบเข้ามาในรถ
พี่วิวิธ - วิศวะ 07... ส่งมา
มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งไปเติมน้ำมัน ตอนที่รูดเครดิตการ์ดเสร็จแล้ว และกำลังจะออกจากปั๊ม ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินมาบอกว่า การ์ดที่รูดไปมีปัญหา ให้เธอรีบลงจากรถ และเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของปั๊มด้วย
เพื่อนคนนี้ก็งงมาก เพราะคิดว่าตามปกติ ถ้ารูดบัตรไม่ผ่าน เครื่องจะไม่ออกสลิปให้ แต่นี่ก็ได้สลิปแล้ว จึงเอาสลิปให้พนักงานคนนั้นดู เพื่อยืนยันการจ่าย และบอกว่ามีธุระต้องรีบไป แต่พนักงานคนนั้นก็ยังยืนยันว่าเธอต้องไปคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ดี ( พูดประมาณว่าจะลงไปคุยดีๆ หรือเปล่า ? ) สุดท้ายเพื่อนก็จำใจลงจากรถ เมื่อเข้าไปในสำน้กงานได้ก็โวยใหญ่เลยว่าจ่ายตังค์แล้ว และพนักงานที่ไปเชิญเขาลงจากรถก็พูดกับเขาไม่ดีด้วย เจ้าหน้าที่ต้องรีบบอกให้เธอใจเย็นๆ และฟังเหตุผลของทางปั๊มก่อน
ทางปั๊มบอกว่า ตอนที่เติมน้ำมันรถเธออยู่ เห็นผู้ชายคนหนึ่งแอบเปิดประตูเข้าไปนั้งอยู่ข้างหลังเบาะด้านคนขับ ทางปั๊มเห็นว่าผิดสังเกต ว่าไม่น่าจะเป็นคนที่มาด้วยกัน จึงโทร.แจ้งตำรวจให้ และอยากให้เธอออกจากรถก่อน เพื่อความปลอดภัย พอได้ยินแบบนั้น เพื่อนก็ตกใจมาก รีบหันกลับไปดูรถตัวเองทันที จังหวะนั้นก็ทันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง กำลังเปิดประตู และลงจากรถตัวเองอยู่พอดี
ภายหลังทราบว่า พวกนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบของอาชญากรรมแนวใหม่ คือเป็นพวกค้าชิ้นส่วนอวัยวะของผู้หญิง โดยจะแอบเข้าไปในรถตอนที่คนขับรถซึ่งเป็นผู้หญิง เอารถแวะเข้าเติมน้ำมัน หรือแวะจอดซึ้อของตามร้านข้างทาง หรือตามห้างสรรพสินค้า วิธีการก็คือพวกนี้จะตัดเอ็นข้อเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อหนี จากนั้นจะขับรถของเหยื่อเพื่อพาเหยื่อไปฆ่า และชำแหละอวัยวะออกเป็นส่วนๆ
ข้อควรระวัง
1. ให้ล็อครถทุกครั้งที่ต้องลงจากรถ แม้ว่าจะเป็นการแวะลงไปทำธุระ หรือซื้อของเพียงแค่ไม่กี่นาที
2. สำรวจหาบุคคลแปลกปลอมใต้ท้องรถ และเบาะด้านหลังทุกครั้งก่อนกลับขึ้นรถ
3. หมั่นสังเกตพฤติกรรมของคนรอบข้างอยู่เสมอ เมื่อออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเมื่อต้องไปไหนในเวลากลางคืน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 25 มีนาคม 2551, 09:23:57 » |
|
คนแปลกหน้าที่ร้านหนังสือ
พูลศรี Algaier - ครุ 16 ... ส่งมา
มี ลูก หลาน ภรรยา ญาติพี่น้องช่วยบอกต่อกันไปด้วย ... ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่า ทำไมผมจึงบอกไม่ได้
ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบเข้ามาทักทาย บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกัน และมีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน เพราะจากลักษณะท่าทางและการแต่งตัวดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไป เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน
การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ และมีนัดเจอกันเพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่าน แล้วก็บอกว่าจะรีบไปทำงาน แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผมเคยอ่านมาแล้ว จึงอยากจะคืนกลับไป
การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน ผู้ชายคนนั้นถามภรรยาผม และผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้ ด้วยความเกรงใจจึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู แต่ภรรยาผมก็พยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้ แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน พอนั่งทานไปได้ประมาณครึ่งชาม และดื่มน้ำไปหน่อย ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมาก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ตอนนั้นภรรยาผมบอกว่าไมสามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถเห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที รถตู้สีขาวก็มาจอด แล้วทั้งคู่ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืนแต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ
บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีเสียง และผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้ พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือ และต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้งที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาล 2 ย่านบางกะปิ
ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่พูดอะไร ได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทร.มาบอกว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้านให้ไปรับ ผมก็ไปรับ แล้วเปิดออกดู มีภาพถ่าย พร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อ และเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจ เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้างกินเงินเดือนเท่านั้น
ในวันส่งเงินตามนัดหมาย ตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดี และสามารถจับพวกเดนสังคมได้สองคน ได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ 2 ครั้งว่าจะนำภาพลงใน internet
ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้า และไม่ต้องการพบปะกับใครเลย ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกัน ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท
ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ ... อย่าลืมบอกต่อๆกันไปด้วยครับ
พ. ศรีฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตุ้งติ้ง2
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
กระทู้: 40
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2551, 21:51:54 » |
|
:shock: อ่านเรื่องของพี่ๆทุกท่านแล้ว ขอแสดงความเห็นใจกับสิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้น และขอขอบคุณที่ได้กรุณาเตือนภัยให้
ตุ้งก็มีเรื่องเล็กๆอยากจะบอก สำหรับคนที่ใช้ ATM หรือ E-Banking บ่อยๆ โดยไม่สนใจกับ สลิปยืนยันยอดเงิน รวมถึงขี้เกียจเอาสมุดบัญชีไป Up date เพราะว่าสลิปของหลายธนาคารเสื่อมเร็วมาก บางธนาคารรับมาไม่ถึงเดือน ตัวอักษรเลือนหายไปจนไม่เหลือร่องรอย ใช้เป็นหลักฐานยืนยันอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น หากมีเงินเยอะแยะจนเชคไม่ไหว อาจมีผู้ช่วยเบิกออกไปตอนไหนก็ได้นะคะ เช่นเรื่องของอาจารย์ท่านหนึ่ง ไปกดATM แล้วพบว่าเงินหายไปจากบัญชี 1แสนบาท เธอเอา สลิปไปสอบถามพนักงาน เอาสมุดบัญชีไปยืนยันด้วย แต่พนักงานธนาคารไม่เต็มใจตรวจสอบให้ อ้างว่าเธออาจจะเบิกไปแล้วลืมเอง อาจารย์ท่านนั้นเป็นนักกฎหมาย เธอตามไปโวย ผจก.ธนาคาร เขาก็ไม่ตรวจสอบให้ จนเธอขู่ว่าจะดำเนินคดีและฟ้องสื่อมวลชนด้วย เขาจึงตรวจสอบให้แบบไม่เต็มใจนัก กว่าอาจารย์ท่านนั้นจะได้เงินแสนของเธอคืนมาก็เหนื่อยไปหลายยก
เรื่องนี้เกิดมานานสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้เมื่อมีผู้ร้ายไฮเทคขนาดนี้ ยิ่งต้องระวัง บางครั้งตุ้งก็คิดว่าการเขียนใบเบิกถอนที่มีลายเซ็นพนักงานแบบโบราณมันก็เป็นหลักฐานที่ดีกว่าการใชเครื่องที่เกิดเรื่องแล้ว จับมือใครดมไม่ได้เลย
คิดตามประสาคนโลว์เทคอะค่ะ :cry:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2551, 16:46:44 » |
|
ประกาศแจ้งเตือนไวรัสที่แฝงมากับอีเมล์ที่มีหัวเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย และประเทศกัมพูชาพี่ชรินทร์ - รัฐ 07 ... ส่งมาเนื่องด้วยศูนย์ประสานงานการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ประเทศไทย ( ThaiCERT ) ตรวจพบอีเมล์ที่มีหัวเรื่องว่า " Cambodia attacks Thailand in Asia war " ซึ่งในเนื้อความนั้นเชิญชวนให้กดลิงค์ เพื่อรับชมวีดีโอที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศไทย และประเทศกัมพูชา หากกดลิงค์ดังกล่าวพบว่ามีการดาวน์โหลดไวรัสมาติดตั้งไว้ในเครื่องโดยอัตโนมัติ และวีดีโอดังกล่าวนั้นไม่มีอยู่จริง ซึ่งใช้เทคนิคการหลอกลวงว่าจำเป็นต้องปรับปรุงเวอร์ชันของโปรแกรมดูวีดีโอแล้ว จึงสามารถดูได้
ดังนั้นถ้าหากได้รับอีเมล์ที่มีหัวเรื่องหรือเนื้อหาที่ชักชวนให้ทำการเปิด หรือดาวน์โหลดที่เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ควรลบทิ้งอย่างเร่งด่วน และห้ามส่งต่อเป็นเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแพร่กระจาย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaicert.org/advisory/alert/Thailand_Cambidia_email.php
ด้วยความปรารถนาดี ศูนย์ประสานงานการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ประเทศไทย ( ThaiCERT ) - - - - - - - - - - - - - -------------------------------------- ท่านสามารถอ่านเอกสารฉบับนี้ได้ จาก http://www.thaicert.org
ข้อมูลติดต่อศูนย์ประสานงานการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ประเทศไทย ( ThaiCERT ) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ 112 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์: 0-2564-6868 โทรสาร: 0-2564-6871 E-mail: thaicert@nectec.or.th
ข้อสงวนสิทธิ์ของ ThaiCERT
ThaiCERT เป็นหน่วยงานในสังกัดของ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งมีบริการส่วนหนึ่งเป็นการบริการเผยแพร่ความรู้ด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ตามหลักวิชาการให้แก่สาธารณะ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นการเชื่อ หรือการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ คำแนะนำ หรือความเห็นของ ThaiCERT จึงเป็นสิทธิ์และดุลยพินิจโดยสมบูรณ์ของบุคคล ThaiCERT จึงสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในความสูญหายหรือเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ ข้อมูล ระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือทรัพย์สินอื่นใดของผู้ที่นำเอาข้อ เสนอแนะ คำแนะนำ หรือความเห็นของ ThaiCERT ไปปฏิบัติโดยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ นอกจากนี้ ThaiCERT สงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบในความสูญหายหรือเสียหายที่เกิดขึ้น แก่ข้อมูล ระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือทรัพย์สินอื่นใดของบุคคลใดอันเป็นผล มาจากการกระทำของผู้บุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Hacker) และไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึ่งรวมถึง Worm และ Trojan ทั้งนี้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นในระบบหรือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของ ThaiCERT หรือของบุคคลใด และในสภาวะใด ๆ ก็ตาม การตรวจสอบที่มาและความถูกต้อง ThaiCERT ขอแนะนำให้ผู้ที่ได้รับ e-mail หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ตรวจสอบที่มาและ ความถูกต้องของสาระ บทความ ข้อมูล สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง และรูปแบบต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ใน e-mail หรือเว็บไซต์ว่า เป็นของ ThaiCERT หรือไม่ โดยตรวจสอบได้ ดังนี้ I. e-mail สาระภายใน e-mail จะต้องมีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะที่เป็น Digital Signature จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ PGP ทุกครั้ง และต้องทำการพิสูจน์ได้ว่าเป็น Digital Signature ของ ThaiCERT จริง และท่านสามารถดาวโหลด PGP Public Key ของ ThaiCERT ได้ที่ http://www.thaicert.nectec.or.th/ThaiCERT.asc II. เว็บไซต์ ที่อยู่ (URL) ของ ThaiCERT จะต้องเป็น http://www.thaicert.nectec.or.th หรือ http://www.thaicert.org เท่านั้น
-----BEGIN PGP SIGNATURE-----> Version: GnuPG v1.4.7 (MingW32)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 04 สิงหาคม 2551, 16:58:45 » |
|
กลโกง ATM
พี่สุวิทย์ - วิศวะ ... ส่งมา
เรื่องมีอยู่ว่า ... เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนา มีคนโทรเข้ามา บอกว่าเป็นพนักงานแบงค์กรุงเทพฯ บอกว่ามีลูกค้าโอนเงินเข้ามาที่บัญชีเราผิด บอกเลขบัญชีทุกอย่างถูกหมด แล้วก็บอกให้โอนเงินกลับด้วย เพราะว่าลูกค้าคนนั้นเดือดร้อนมาก เราก็บอกว่าขอไปเช็คก่อน พอวันเสาร์เราไปกดตังค์ ก็พบว่ามีเงินเข้ามาบัญชีเราผิดตามจำนวนที่เค้าบอกจริงๆ ก็เลยโอนคืนไปให้...... ก็ไม่คิดว่ามีอะไร เพราะมันก็ไม่ใช่เงินเราจริง.... จนมาวันนี้ได้รับใบแจ้งหนี้จาก CITI BANK มี ยอด Call for cash ให้ผ่อนจ่ายรายเดือน ก็เลยโทรไปเช็คที่ call center เค้าบอกว่าเราโทร.ไปขอเบิกเงินสดเข้าบัญชีเราเอง เมื่อวันที่ 25 มีนา เราก็บอกว่าไม่ได้ทำ ... อย่างนี้ก็โดนหลอกแล้วซิ พนักงาน call center ก็ได้แต่บอกให้ไปแจ้งความ ซึ่งก็ยังดีที่เราเก็บ silp ที่เราโอน เงินไว้น ะ..... จะรบกวนผู้รู้ค่ะ ว่าจะทำอย่างไรต่อดี จะไปแจ้งความที่ไหน แล้วตำรวจจะช่วยเราได้ไหม เพราะจำนวนเงินนั้นก็หลายหมื่นเลยค่ะ จากคุณ : jupjib - [ 19 เม.ย. 51 14:36:15 ]
วิธีแก้ไข
หากเจอแบบนี้ ไม่ต้องทำรายการโอนครับ ถึงจะมีการโอนเข้ามาผิดจริง ทางธนาคารสามารถทำรายการแก้ไขได้เองอยู่แล้ว การทำรายการโอนเงิน เท่ากับเราเป็นผู้สั่งโอน การแก้ไขจะทำได้ลำบากขึ้น
หรือหากเป็นการโอนจาก ATM หรือ CDM ให้ขอหลักฐานเป็นหนังสือที่ออกโดยธนาคารมาให้เราก่อน ( ตัวจริงนะครับ ) แล้วเช็คข้อมูลกับธนาคารต้นทางก่อนจนแน่ใจ อีก 4-5 วันค่อยโอนก้อไม่เสียหาย เพราะไม่ได้มีเจตนาโกง ฟ้องมาก้อชนะแน่นอน ... ถ้าเป็นการทำรายการโอนผิด ธนาคารแค่แจ้งลูกค้าปลายทาง แล้วจัดการเองได้เลยแน่นอน
นี่เป็นวิธีหลอกลวงแบบใหม่ เพื่อนๆ โปรดระวัง แจ้งเตือนกันให้ทั่ว คนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นคนดี ... อยากคืนเงินคนที่เดือดร้อนแน่อยู่แล้ว ดังนั้นมีโอกาสตกหลุมนี้ได้ไม่ยากเลย เจ้าของบัญชีที่รับโอนกลับคงเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก ถูกจ้างให้เปิดบัญชีพร้อมบัตร ATM ได้ เงิน 200-300 บาทก็เอาแล้ว คนโกงก็กด ATM เชิดไปแล้วหลายหมื่น
ข้อควรระวังเรื่องนี้ 1. ถ้าโอนผิดจริง แบงก์สาขาจะสามารถจัดการได้เองเลย เราไม่ต้องทำอะไรครับ 2. เบอร์โทรเข้ามา ถ้าแปลกๆ แบบไม่แสดงเบอร์ หรือเป็นแบบโทร.จาก internet ให้ระวัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 14 ตุลาคม 2551, 03:41:23 » |
|
ทำอย่างไรเมื่อเกียร์รถยนต์หลุด ขณะขับรถ
นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา
ประสบการณ์จริง จากรถเกียร์ออโต้ อุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด ! ... คุณคงเคยอ่านข่าว รถจอดอยู่แล้วไหลชนเจ้าของบ้าน หรือตกคลองกันบ้าง เรื่องนี้อาจเกิดขึ้นได้
เหตุเกิดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา 27.6.08 นี้เอง หลังจากที่ได้นำรถ BENZ 300 E ไปเข้าอู่เพื่อดูแลตามปกติ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์เข็คโน่นเช็คนี่ตามเลขกิโลที่กำหนด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาเลย แต่บ่ายวันนี้เกิดเหตุไม่คาดฝันจนได้ เคยได้ยินไหม " เกียร์หลุด " ไม่ใช่หลุดออกมา ไม่ใช่เข้าเกียร์ไม่ได้ แต่มันหลุดไปอยู่ที่เกียร์ถอย R ไม่ว่าคุณจะเข้าเกียร์อะไรก็ควบคุมรถไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ P, D, 3 หรือ 2 ทุกเกียร์รถจะถูกสั่งให้ถอยหลังทั้งหมด ยิ่งคุณพยามยามจะเดินหน้า โดยผลักไปที่ D แล้วเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์จะถูกเร่งให้ถอยหลังแรงขึ้น ยกเว้นคุณจะเหยียบเบรคอยู่อย่างนั้น อย่าหวังพึ่งเบรคมือ เพราะจะมีประสิทธิภาพเมื่อรถจอด ป้องกันไม่ให้ไหลเท่านั้น
เย็นวันนั้นหลังเลิกงาน แวะ Shopping ที่ห้างเดอะมอล์ ผ่านจากจุดรับบัตรตรงทางเข้าไปนิดหน่อย ก็เห็นที่มีที่จอดรถว่างอยู่ เป็นทางลาดเล็กน้อย ( เล็กน้อยจริงๆ ) ก็เลยเปิดไฟกระพริบ เปลี่ยนเป็นเกียร์ R เพื่อถอยหลังเข้าที่จอด ถอยไปได้ครึ่งคัน เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ ก็เปลี่ยนเป็น D เพื่อให้รถเดินหน้าจะได้ตั้งลำถอยใหม่ ตอนนี้เองรถไม่ยอมเดินหน้า ถอยหลังซะงั้น ก็เริ่มแปลกใจ หันมามองหน้ากัน เกิดอะไรขึ้น ? รีบเหยียบเบรค เข้าเกียร์ D ใหม่ เหยียบคันเร่งเบา ๆ รถกลับถอยหลังแรงขึ้นไปอีก ก็เหยียบเบรคอีก แต่รถมันคอยจะถอยอย่างเดียว เครื่องดังหึ่ง ๆ จะถอยลูกเดียว ทีนี้คิดว่าจะทำอย่างไรดี ไม่เคยเจอ ก็เลยให้อีกคนเปิดประตูลงมามองหาว่ามันมีที่กั้นล้อด้านหลังไหม จะได้กั้นรถไว้ได้ เพราะด้านหลังเป็นท่อแก๊ส และท่อน้ำขนาดใหญ่ของห้าง ถ้าถอยไปชน จะเกิดอะไรขึ้น ? พอลงไปดูเห็นมีที่กั้นค่อยโล่งใจหน่อย ก็เลยตะโกนบอกมีที่กั้น จอดเลยไม่ต้องถอยแล้ว คนขับก็เหยีบเบรคและเลื่อนเกียร์มาที่เกียร์ว่าง N ห่างจากจุดที่กั้นเป็นปูนประมาณ 2 คืบได้ แล้วก็ปล่อยเบรค เพื่อจะดับเครื่องจอด
ทันใดนั้นเองสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ รถกระโดดข้ามไปอยู่บนที่กั้นด้วยความเร็วและแรงมากในชั่ววินาทีเดียว วินาทีเดียวจริง ๆ ซึ่งคนที่ยืนดูท้ายอยู่ อยู่ห่างจากตัวรถทางด้านข้างไม่ถึงฝ่ามือ ยืนตะลึง แรงของรถกระแทกท่อแก๊ส กับท่อน้ำอย่างแรง กันชนแตกเละ โครมเบ้อเริ่ม สิ่งที่ทำตอนนั้นคือตะโกนว่า ดับเครื่อง ดับเครื่อง ดับเครื่อง หลายคนคงสงสัยแล้วแล้วจากนั้นเป็นอย่างไรต่อ ก็ค่อยๆ มองซ้ายมองขวาช่วยกันเข็นรถที่มันคาอยู่บนขอบปูน และกำลัง เบียดท่อแก๊สกับท่อน้ำ ออกน่ะสิ โชคดีมาก ๆ ท่อเป็นเหล็กหนามาก ไม่อย่างนั้น คนที่ดูหลังอยู่ด้านท้ายคงไม่มีโอกาสมาเล่าให้ฟัง คงจะแบนไปกับท่อแก๊สไปแล้ว * ทุกคนคงอยากดูรูป แต่ตอนนั้นตกใจลืมนึกไป * สิ่งที่อยากจะฝากเตือนทุกคนก็คือ
1. เมื่อเกิดเหตุควบคุมรถไม่ได้เพราะเกียร์หลุด ต้องดับเครื่องยนต์ทันที ( คำแนะนำของช่าง ) เพราะรถที่เกียร์หลุด จะไม่สามารถควบคุมได้เด็ดขาด ยกเว้นหลุดไปเป็นเกียร์ว่าง
2. เมื่อจะถอยหลัง หรือออกรถ ระวังอย่าให้มีคนยืนอยู่ด้านหน้า หรือด้านหลังเด็ดขาด เพราะส่วนใหญ่ เวลาถอยรถ เรามักมีคนไปด้วยช่วยลงไปดู เพราะไม่แน่ใจ หรือคอยระวังรถคันอื่น
3. รถที่พึ่งออกจากอู่ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด
4. สติของคนขับสำคัญมาก แม้ประสบการณ์ขับรถมานานหลายสิบปี ในสถานการณ์คับขัน ก็อาจควบคุมสติไม่ได้
เล่าสู่กันฟังด้วยความปรารถนาดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2551, 00:13:35 » |
|
ระวังห้องน้ำ ตามปั๊มน้ำมัน !!
นายสัตวแพทย์ สากล 16 ... ส่งมา
ระวังห้องน้ำในปั้ม และรถที่ขับตามมา สัตว์โลกทั้งหลายพึงตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ความตายรออยู่รอบตัวเรา
เราเคยคิดว่าภาพข่าวอาชญากรรมที่มีให้เห็นบนหน้า น.ส.พ.ทุกวัน เป็นเรื่องไกลตัว จนกระทั่งกลางดึกคืนหนึ่ง ... ในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันที่เปิดไฟฟ้าสว่างไสว วิชชุ เศรษฐกนก ศิลปินฝึกหัดของบริษัท Aratist ในเครือแกรมมี่กรุ๊ป จึงตระหนักว่าไม่ว่าใครก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของอาชญากรได้พอๆ กัน
วันที่เกิดเหตุ ผมไปคุยเรื่องงานดนตรีกับพวกเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ที่พรีเมียร์พระราม 9 คุยเสร็จเกือบตีสาม ปกติก็ไม่ได้กลับดึกขนาดนั้น แต่วันนั้นคุยกันค่อนข้างซีเรียส เลยใช้เวลานาน คุยเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ผมขับรถเกือบจะถึงบ้านแล้ว ผ่านปั๊มแห่งหนึ่งก็เลยแวะเข้าไป จริง ๆ แล้วไม่ถึงกับอยากเข้าห้องน้ำขนาดทนไม่ได้ แต่อยากซื้อขนมกับไอศกรีมไปกินที่บ้านมากกว่า ตอนนั้นไม่มีรถคันอื่นเข้ามาเติมน้ำมันเลย
ผมขับไปจอดหน้ามินิมาร์ท เข้าไปซื้อของเสร็จ คิดว่าเข้าห้องน้ำล้างหน้าหน่อยดีกว่า ก่อนจะเข้าห้องน้ำ ก็เดินไปล็อครถก่อน ห้องน้ำของปั๊มอยู่ข้างหลังมินิมาร์ท ไม่มีใครในห้องน้ำเลย แต่ไฟสว่างมากเพราะเป็นไฟนีออน กำลังจะรูดซิปกางเกงก็ได้ยินเสียงตึง ... เป็นเสียงคนเดินเข้ามา พอเอี้ยวตัวไปมองก็เห็นปืนจ่ออยู่ตรงหน้า ความรู้สึกแรกคือ ไม่อยากเชื่อว่าถูกปล้น แต่พอได้สติก็รู้ว่านี่ของจริง ... จังหวะนั้นมันเร็วมาก พอผมเอี้ยวตัวไป เห็นคนเดินตามหลังมาอีกสองคน คนถือปืนก็ขึ้นลำปืน แล้วพูดด้วยเสียงดุ ๆว่า ... ถ้ามึงไม่อยากตายหันหลังไป พอผมหันกลับ เขาก็ผลักผมกระเด็นไปติดกำแพงห้องน้ำ แล้วเอาด้ามปืนตบที่ท้ายทอยซ้อนกันหลายครั้ง ผมบอกเขาว่า " พี่อยากได้อะไร เอาไปเลย " หวังว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรร้ายแรง แต่ปรากฎว่าเขาไม่สน ทุบเอาอีก ... แล้วอีกคนก็เข้ามาจับมือผมไปไพล่หลัง ได้ยินเสียงแกะเทปกาวดังแควก ก่อนจะเอาเทปนั้นมัดมือผมไว้พอมัดเสร็จ ก็จับตัวผมหันมา จากนั้นก็ต่อยที่ท้องผมอย่างแรง หมัดเดียวแต่จุกมาก จนผมทรุดลงไปนอนตัวงออยู่กับพื้น ต่อจากนั้นเขาก็จับขาผมรวบให้นั่งบนพื้น แล้วทำท่าเหมือนจะเอาเทปมามัดที่เท้า แต่เปลี่ยนใจเป็นมาพันที่หน้าก่อน เริ่มจากปิดตา ปิดปาก ตอนปิดปาก เขาปิดจมูกไปด้วย ผมพยายามร้องว่าหายใจไม่ออก แต่เสียงมันดังออกมาแค่อือๆ เท่านั้น โชคดีว่าพันไม่แน่นมาก ยังมีช่องเหลือให้หายใจได้
หลังจากนั้นมันก็เอาเทปมามัดเท้าต่อ ก่อนค้นตัวเอากุญแจรถไป แล้วทุกอย่างก็เงียบ ตอนแรกผมคิดว่าพวกเขาคงทิ้งผมไว้ เอาแต่รถไปอย่างเดียว รออีกเดี๋ยวค่อย ๆ กลิ้งออกไปหาคนช่วยก็ได้ แต่ยังไม่ทันจะโล่งใจเลย ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกยกลอยขึ้น ตอนนั้นตกใจสุดขีดเลย ตกใจกว่าตอนเห็นปืนอีก เพราะคิดว่าคราวนี้คงต้องถูกเอาไปยิงทิ้งแน่ ผมดิ้นสุดชีวิตเลย โดนอัดหรือเตะไม่รู้แน่เข้า หลังจากนั้นมันไม่เชิงว่ามีสติตลอด มันกึ่งรู้สึกตัวกับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากถูกมัดตาเอาไว้ ทำให้ไม่รู้ว่าเค้าอุ้มไปไหน รู้สึกว่าหลังแตะอะไรสักอย่าง คิดว่าน่าจะเป็นรถ เพราะพอวางเสร็จรถก็ออกตัวตอนนั้นนึกถึงพ่อแม่ .... ท่านจะอยู่อย่างไร เพราะผมเป็นลูกคนเดียว แล้วก็นึกถึงพระ ปลงว่าท่าจะไม่รอด รถวิ่งไปได้ซักพักก็หยุด รู้สึกตัวว่าถูกยกลอยขึ้น ก่อนจะถูกโยนโครมลงไปที่หญ้า คาดว่าคงเป็นข้างทางที่ไหนซักแห่ง กลั้นใจว่าจะโดนอะไรอีกไหม รู้สึกว่าจะถูกเตะเข้าที่กลางลำตัวอีกสองครั้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงรถขับออกไป ... เผมคอยจนแน่ใจว่าพวกนั้นไปแล้ว ก็พยายามแกะเทป แล้วตะกายไปขอความช่วยเหลือ มีคนขับรถผ่านมา ช่วยผมพาไปส่ง ร.พ. ไปนอนไอ.ซี .ยู 1 คืน
วิชชุบอกว่า พ่อแม่เคยเตือนแล้วว่าการขับรถกลับบ้านดึก ให้ระวังคนขับรถมาชน อาจเป็นโจร .... คนๆ นี้โชคดีกว่าหลายคนที่เค้ายังกลับไปหาพ่อแม่ของเค้าได้
โลกนี้มันมีทั้งเรื่องที่ดีงาม และเรื่องที่ไม่ดี มันเป็นโลกแห่งความจริง ขอให้ระวังตัวอย่าชะล่าใจ หลาย ๆ คนคิดว่า ... ไม่เป็นไร แค่นี้เอง แต่แค่นี้เอง มันเท่ากับเราได้เอาตัวของเราทั้งชีวิตเข้าไปเสี่ยงซะแล้ว ถึงแม้จะไม่ห่วงตัวเอง ก็ขอให้คิดถึงคนที่บ้านคน ที่เป็นห่วงเราด้วยละกัน ถ้าเป็นผู้หญิง ก็อาจจะเสียทั้งกาย ทั้งใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 08 ธันวาคม 2551, 22:54:50 » |
|
พี่เจี๊ยบขา, อ่านเสร็จ(เรื่อง trickการขโมยรถ) ให้ตกใจ... 1.ทำไมกุญแจเราประหลาด 2. electronicทั้งหมด...ฮู้,น่ากลัวคะ แต่กุญแจนี้ เปิดแบบ manualได้คะ หาก electronicเจ๊ง.. กดตรงไหนซักแห่ง ก็จะมีส่วนเหล็กออกมา nn.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2551, 03:22:12 » |
|
พี่เจี๊ยบขา, ต่ออีกนิดนะคะ จะได้ต่อเนื่องกันเลย! พ่อบ้านต้องไปbusiness trip to Switzerland ได้รถเช่ามา เริงร่าดีใจ...Audi A4รุ่นล่าสุด! ทันสมัยเฉียบ ไหนขอดูกุญแจ....ว้ายยยยยย สุดประหลาดคะ! ด้านหน้า ด้านหลัง นั่นสิ แล้วจะเสียบยังไง??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 10 ธันวาคม 2551, 03:25:53 » |
|
ไหนดูอีกที...ขอบอก,เสียบไปทั้งแบบนั้นเลยคะ!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 13 ธันวาคม 2551, 23:07:56 » |
|
ข้อมูลวิทยานิพนธ์จากผู้ต้องขังข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวาง และลาดยาว จำนวน 100 คน
พี่ชรินทร์ - รัฐ 07... ส่งมา
นางสาวอลิสา แสงขำ นักศึกษาปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาลตร์ ภาควิชาอาชญวิทยา เก็บข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวาง และลาดยาว จำนวน 100 คน
- 90% เลือกผู้หญิงผมยาว คือหางเปีย หางม้าปล่อยตามธรรมชาติ เพราะกระชากจากข้างหลังได้ง่าย
- 87% เลือกผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าถอดง่าย แต่หากพบผู้หญิงถูกใจแต่สวมเสื้อผ้าที่ต้องใช้เวลาถอดนาน เขาจะกลับมาดักรอเป็นครั้งที่สอง พร้อมกรรไกรหรือคัตเตอร์
- 84% เลือกผู้หญิงที่เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย มือถือสามารถนำไปขายต่อได้ หรืออ่านการ์ตูน หรือหนังสืออื่น ขณะเดินเพราะไม่ได้ระวังตัว
- 96% เลือกผู้หญิงที่เดินทางไปไหนมาไหนเวลากลางคืน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกตอนกลางคืน โดยไม่คำนึงว่าต้องเป็นผู้หญิงสวยหรือหุ่นดี ขอให้มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า หากเวลานั้นเป็นเวลาที่เขาต้องการปลดปล่อยแล้ว เขาไม่เลือกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วัว ควาย
- 99% เลือกผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งทำทีเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับผู้หญิงคนที่ถูกใจจากกลุ่มเพื่อนของเธอที่เดินด้วยกัน ไปข่มขืน
- 80% สามารถข่มขืนได้ในการกระทำครั้งแรก โดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงนั่นเอง เป็นอุปกรณ์ช่วยประกอบการกระทำผิด เช่น เข็มขัด ลูกกุญแจ กระจกส่องหน้า
- 70% เลิกล้มความตั้งใจ หากผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขา แล้วเริ่มต้นสนทนาสั้นๆ กับเขาก่อน ขณะที่เขาเข้าประชิดตัว เช่น โทษค่ะ กี่โมงแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2551, 19:16:18 » |
|
พี่เจี๊ยบ, ด่ายชายแดนสวิต แถบนี้อยู่ที่เมือง Schaffhausen 230 km.far from Heilbronn. heต้องติดอยู่บนการจราจร ไป-กลับ รวม 4.5ชม. เพื่อการสาธิตอะไรซักอย่าง 1.5ชม.
งวดก่อนๆเวลาไปไหนๆ...heมักจะได้รถรุ่นล่าสุด รับมาเสร็จ ถ้ายังไม่มืด..heจะให้หนิงลองขับค่ะ เมื่อ 2-3ปีก่อน ต้องไปทางเหนือ...heได้Mercedes Benz SLKเปิดประทุน....ว้าวพี่!เหมือนลอยในเมฆ ขับเสร็จหัวกระเซิง!! เป็นหน้าร้อน คงได้ฝ้าเป็นของแถม!
ว้าว!ได้เห็นกุญแจ Benzรุ่นก่อนๆแล้วให้ปลาบปลื้ม! ที่เยอรมันก็มีการลักรถค่ะ ไปโผล่โปแลนด์ รัสเซีย... แต่โจรก็โจรเถอะ....กระจอกไม่ได้เด็ดขาด- ก็แผนกที่เกี่ยวข้อง หรือ Automobilzuliefererที่ดูแล เรื่องนี้เรื่องเดียว....เกณฑ์engineer,mechanicer,programmer สมองใส...geniusไม่ทำอย่างอื่น..ทำเรื่องนี้เรื่องเดียว ทั้งปี....ทั้งชาติ
ช่วยด้วย!ช่วยด้วย!หนูออกจากรถไม่ได้...มันขังหนูไว้ในรถnn.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 27 ธันวาคม 2551, 12:15:08 » |
|
ภัยจากนามบัตร
จงรักษ์ - อักษร 16 ... ส่งมา
ผู้หญิงคนหนึ่งไปเติมแก็สที่ปั้มแก็ส มีผู้ชายมาเสนอบริการทาสีบ้าน โดยยื่นนามบัตรให้ หญิงคนนั้นก็รับมาอ่าน แล้วถือเข้ามาในรถด้วย สักครู่เมื่อขับรถออกมาจากปั้มแก็ส ก็สังเกตว่าชายคนนั้นขับรถตามมา และเธอก็รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยออก เธอรีบเปิดหน้าต่าง และเริ่มเอะใจว่ากลิ่นนั้นมาจากมือของเธอเอง ซึ่งเป็นมือข้างที่เธอรับนามบัตรมาจากชายคนนั้น เธอตัดสินใจขับรถต่อ และกดแตรดังไปตลอดทางเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นจึงขับรถหนีไป
ยาที่ป้ายบนนามบัตร คือ ยา BURUNDANGA เพิ่อให้เราหมดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วเจ้าตัวร้ายก็จะขโมยของ และหรือทำร้ายร่างกายเรา ยานี้มีฤทธ์แรงกว่ายาที่ใช้ข่มขืนสาวๆ ถึง 4 เท่า
ดังนั้นอย่ารับกระดาษ นามบัตร แผ่นพับ จากคนแปลกหน้านะจ๊ะ !
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 28 สิงหาคม 2552, 21:58:05 » |
|
วิธีการป้องกันแก๊งค์ปาหินใส่รถยนต์
นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา
เนื่องจากปัจจุบันมีข่าวการปาหินใส่รถยนต์ตามถนนหลวงในหลายจังหวัด และดูเหมือนว่าเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของเพื่อนๆ จึงขอเสนอวิธีการป้องกันดังนี้ 1. หากท่านมีกำลังทรัพย์ อาจติดฟิลม์กรองแสงชนิดใสที่กระจกหน้าทั้งบาน ประโยชน์นอกจากกันความร้อนแล้ว ฟิลม์ยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากก้อนหินที่มากระทบได้ดี
2. ส่วนใหญ่การปาหินมักเกิดขึ้นตอนกลางคืน บนถนนสายเปลี่ยวและมืด หากท่านขับรถผ่านถนนที่มีลักษณะดังกล่าว ควรเปิดไฟสูง ( เมื่อมีโอกาส ) เพื่อสอดส่องดูว่ามีรถจักรยานยนต์กำลังขับขี่สวนทางมาหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายมักซ้อยท้ายรถ จยย. ที่ไม่เปิดไฟหน้า หากท่านเปิดไฟสูงนอกจากจะช่วยให้ท่านมองเห็นคนร้ายแล้ว ยังจะช่วยบดบังสายตาของคนร้ายได้ด้วย ( ทำให้คนร้ายตาพร่าจากแสงไฟของท่าน ) นอกจากนั้นท่านไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงบนถนนที่มีลักษณะนี้ ให้ระวังทางโค้งมากเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายมักใช้ทางโค้งเป็นจุดดักซุ่มรอ 3. หากท่านสังเกตเห็นว่ามีรถ จยย. กำลังขับขี่สวนทางมายังท่าน ควรรีบชลอความเร็ว และเปลี่ยนช่องการจราจรให้ออกห่างจากรถ จยย. ดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ( ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร ) ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้ ให้ลดความเร็วให้เหลือเพียง 40 – 60 พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟกระพริบเพื่อเตือนรถที่ตามหลังท่านมาว่าท่านกำลังจะชลอตัว ความเร็วยิ่งช้าเท่าไร ความแรงของก้อนหินที่มากระทบรถของท่านก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น 4. หากรถของท่านถูกปาหินใส่ได้รับความเสียหายแล้ว อย่าจอดรถในบริเวณนั้นทันที เพราะคนร้ายอาจตามมาปล้นทรัพย์สินของท่าน พยายามประคองรถช้าๆ ไปจนกว่าจะพบผู้คน และเข้าขอความช่วยเหลือ
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2552, 18:36:51 » |
|
เตือนภัยรูปแบบใหม่ - อ้างว่าโทร. มาจากศาล - อย่างหลงกล !
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา
ถึงทุกๆท่าน
ดิฉันมีเรื่องอยากเตือนทุกท่านให้ระวังเอาไว้ ถึงการหลอกลวงรูปแบบใหม่ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 09.15 น. ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากหมายเลข +886226994823 +886226994823 เป็นระบบเสียงอัตโนมัติอ้างว่าโทร." จากศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่ามีหมายส่งถึงดิฉัน แต่ไม่สามารถส่งหมายได้ให้ติดต่อไปยังศาลอาญา มิฉะนั้นศาลจะออกหมายจับ กด 1 หากต้องการฟังซ้ำ กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ "
ด้วยความที่ดิฉันเป็นทนายความ จึงสงสัยและจับพิรุธได้ดังนี้
1. เกิดมาไม่เคยกระทำความผิดใดๆ ตามกฏหมายที่จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา 2. เบอร์โทรศัพท์แปลก ๆ เหมือนโทร.มาจากต่างประเทศ 3. ในประเทศไทยไม่มีศาลจังหวัดกรุงเทพมหานคร 4. ศาลไม่มีบริการติดตามคู่ความ หรือตรวจสอบข้อมูลทางโทศัพท์ ( ยกเว้นท่านจะโทร.ไปที่ศาลเพื่อขอข้อมูลเองหรือตรวจสอบจากเว็บไซด์ ) ดิฉันจึงตัดสินใจกด 9 เพราะอยากรู้มีเขามีลูกเล่นอย่างไร สักพักก็จะมีเสียงผู้หญิงรับสาย ( มีเสียผู้ชายดังเข้ามาเหมือนกำลังเจรจาเกี่ยวกับคดีความกับคนอื่นอยู่ ซึ่งทำให้เหมือนจริงว่าโทร.มาจากศาล ) แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาลอาสาจะตรวจสอบข้อมูลให้ ขอทราบชื่อ-นามสกุล ดิฉันก็แจ้งชื่อ-นามสกุลให้ทราบ จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็จะขอหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ดิฉันไม่ให้ เขาก็บอกว่าการติดต่อราชการจะต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชน ดิฉันจึงบอกไปว่าการตรวจสอบข้อมูลของศาลนั้นไม่ต้องใช้เลขบัตรประชาชนก็ได้ ตรวจจากชื่อนาม-นามสกุลก็ได้แล้ว ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังยืนยันว่าต้องใช้เลขบัตรประชาชน ดิฉันจึงแจ้งว่าจะไปติดต่อศาลเอง ขอทราบชื่อเจ้าหน้าศาลที่จะต้องติดต่อ ผู้หญิงคนดังกล่าวก็ตอบมาด้วยเสียงดุๆ ว่าให้ไปติดต่อได้ที่ศาลอาญารัชดา แล้วก็รีบวางสาย ไม่ยอมแจ้งชื่อให้ทราบ ดิฉันได้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวพบว่า - ไม่ใช่หมายเลขของศาลอาญารัชดาฯ - เป็นรหัสทางไกล 886 ซึ่งโทร.มาจากไต้หวัน ดังนั้นจึงขอเตือนทุกๆท่าน ได้โปรดระวังการหลอกลวงแบบใหม่นี้ไว้ด้วย เพราะหากท่านให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักไป ไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำอะไร เลขบัตรประชาชนของท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆของท่าน เช่นข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลบัตรเครดิต ฯลฯ ได้มากมาย นอกจากนี้ขอให้เตือนเพื่อนๆ ญาติสนิท มิตรสหายของท่านให้ทราบด้วย ขอบคุณค่ะ ธิดาพร วณิชย์รุจี (ปุ้ย)
|
|
|
|
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
ออฟไลน์
รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 25 ตุลาคม 2552, 20:15:16 » |
|
ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน เพิ่งจะได้เข้ามา เป็นประโยชน์และเป็นข้อเตือนใจให้ระมัดระวังเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันให้ข้อมูลเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดกับคนอื่น โดยเฉพาะขอบคุณน้องเจี๊ยบค่ะ
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 01 มกราคม 2553, 23:12:52 » |
|
ยินดีค่ะ พี่เอมอร ...
หากเจอลิฟต์ร่วง ต้องทำยังไง ?
ขอให้อ่าน และจดจำไว้ เราไม่รู้ว่าเมื่อไร และที่ไหนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเรา หรือผู้คนรอบข้าง หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยพวกเรา เพื่อน และบุคคลที่เรารักได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
วันหนึ่ง ขณะที่อยู่ในลิฟต์ มันเกิดหยุดกระทันหัน และร่วงลงจากชั้น 13 ด้วยความเร็วสูง โชคดีที่ผมจำได้จากทีวีที่สอนว่า คุณจะต้องกดทุกปุ่มสำหรับทุกชั้นอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดลิฟต์หยุดที่ชั้น 5 ... ขณะที่คุณกำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย การตัดสินใจทำอะไร จะตัดสินความอยู่รอดของคุณ ถ้าคุณอยู่ในเหตุการณ์ลิฟต์ตก สิ่งแรกในใจมักจะคิดรอความตาย แต่ขอให้จำคำแนะนำต่อไปนี้ให้ขึ้นใจ
สิ่งแรก - ให้กดปุ่มให้ลิฟต์จอดทุกชั้น อย่างเร็วที่สุด เพราะเมื่อไฟฟ้าสำรองทำงาน ลิฟต์จะหยุดร่วงลงมา
สอง - จับที่จับให้แน่น ( ถ้ามี ) จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่รุนแรงมาก จากการหล่นกระแทกแบบร่างกายเสียสมดุล
สาม - พิงหลัง และศีรษะเข้ากับผนังให้เป็นเส้นตรง ในแนวดิ่ง จะช่วยป้องกันหลัง และกระดูกส่วนอื่นของคุณได้มาก
สี่ - งอเข่า เหตุผลก็คือเมื่อลิฟต์ตก คุณจะไม่รู้ว่าเมื่อไรลิฟท์จะกระแทกกับพื้น ซึ่งอาจทำให้กระดูกทั่วทั้งร่างแตกละเอียด เส้นเอ็นของเรายืดหยุ่นได้ดี และทำหน้าที่เชื่อมต่อกระดูกเข้าด้วยกัน การงอเข่าจะช่วยลดกการบาดเจ็บจากกระดูกแตกได้ดีกว่า
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 20:19:47 » |
|
หลอกซ้อน 2 ต่อ คนกลางกลายเป็นแพะ โดนดำเนินคดี
นิรา - วิทยา 16 ... ส่งมา
..... เริ่มเรื่องเลยนะคะ .....
เมื่อวันเสาร์ที่ 23 มกราคม น้องเราได้โพสต์ขายมือถือในเว็บบอร์ดสาธารณะ ในราคา 7,500 บาท ( น้องเราชอบซื้อแล้วก็ขายของในเว็บไซต์ค่ะ ) ผ่านไป 1 วัน ช่วงเย็นของวันที่ 24 มกราคม ก็มีโทรศัพท์ ของนาย เอ๊ก ( มิจฉาชีพ ) ติดต่อเข้ามาเพื่อขอดูของและซื้อขาย ซึ่งน้องของเราก็ได้นัดหมายสถานที่เป็นที่เรียบร้อย
ประมาณช่วงค่ำของวันเดียวกัน ( วันที่ 24 มกราคม ) นายเอ๊ก ( มิจฉาชีพ ) โทรเข้ามาเพื่อขอเลขที่บัญชีของน้องเรา โดยอ้างว่าจะโอนเงินไปให้ก่อน เพราะกลัวว่าน้องเราจะนำมือถือไปขายคนอื่น ซึ่งน้องเราเองก็ไม่ได้เอะใจ ( น้องเรากำลังรวมเงินเพื่อซื้อมือถือใหม่ ) จึงได้ให้เลขที่บัญชีกับ นายเอ๊กไป
จากนั้น ประมาณ ตี 1 ของวันเดียวกัน นายเอ๊ก ได้ติดต่อให้น้องเราไปเช็คยอดเงินในบัญชี เพราะนายเอ๊กอ้างว่าได้ทำการโอนมาแล้ว พร้อมทั้งย้ำว่า ถ้าเช็คว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ให้โทรกลับไปบอก นายเอ๊ก ด้วย จากที่น้องเราไปดูยอดเงิน ก็มียอดเงินโอนเข้ามาให้เป็นจำนวน 6,900 บาท ซึ่งน้องเราได้ตกลงขายมือถือที่ราคา 7,200 บาท เงินที่ขาดอีก 300 บาท นายเอ๊ก บอกจะนำมาให้ด้วยตนเองในวันรับของ
วันที่ 25 มกราคม น้องเรา ได้เดินทางไปพบ นายเอ๊ก ที่สถานที่นัดหมาย โดยไม่มีความผิดปกติใด ๆ เมื่อขายมือถือไปแล้ว น้องเราก็เดินทางกลับมาที่พัก และกดเงินจำนวน 6,900 บาท ออกมาเพื่อนำไปซื้อมือถือ ในเย็นวันเดียวกัน
วันที่ 26 มกราคม ช่วงเวลา 18.00 น. น้องเราได้รับโทรศัพท์จากพ่อและแม่ บอกว่ามีคนโทรเข้ามาที่บ้าน ชื่อ " โอม " แล้วบอกว่าน้องเราไปหลอกขายเครื่องเล่น Play Station 3 โดยให้ โอม ทำการโอนเงินมาให้ในคืนวันที่ 24 มกราคม เป็นจำนวนเงิน 6,900 บาท ซึ่งตอนนี้ โอม กำลังเตรียมหลักฐานทั้งหมด ( สลิปการโอนเงิน พร้อมข้อความตกลงซื้อขายในกระทู้ ) ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดี
วันที่ 26 มกราคม ช่วงเวลา 20.00 น. น้องเราได้รับการติดต่อจาก โอม เพื่อทวงถามถึงเครื่องเล่น Play Station 3 แต่จากที่ได้พูดคุยกัน จึงทำให้ โอม ทราบว่า น้องเราไม่ได้เกี่ยวข้อกับการซื้อขาย Play Station 3 แต่อย่างใด ( แต่เค้าเอาชื่อนามสกุล เลขที่บัญชีน้องเราไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ) ความจริงเริ่มปรากฎ คือ โอม โดนหลอกขาย Play Station 3 ในราคา 6,900 บาท .... น้องเรา โดนหลอกซื้อมือถือ โดยใช้เงินของ โอม ที่โอนเข้าบัญชี ... ซับซ้อนได้อีก
และในวันนี้ น้องเรา กำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อนำไปแจ้งความในพื้นที่เกิดเหตุ ( สถานที่นัดรับมือถือ ) เพื่อนำใบแจ้งความไปขอดูกล้องวงจรปิด ( ดีนะที่น้องนัดรับของในร้าน KFC ) ซึ่งน้องเราอาจจะต้องเสียมือถือไป เพราะต้องคืนเงินจำนวน 6,900 บาท ที่ โอม ทำการโอนมาคืนให้กับ โอม
....จากเรื่องราวที่เล่ามา....
จะบอกว่า เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพ มีเยอะมาก โดยหลายคนที่อ่าน อาจจะบอกว่า " นี่ไง ที่เคยอ่าน , นี่ไง ที่เคยเจอในทีวี " แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น น้องเราไม่ได้รู้เห็นด้วยเลย แต่กลายเป็นแพะ เพราะว่า โอม ไม่ได้ตรวจเช็คข้อมูลของ นายเอ๊ก ให้ละเอียด รีบโอนเงินเข้าบัญชี ไม่ได้สังเกตุเลยว่า ชื่อบัญชี เป็นผู้หญิง แต่คนตกลงซื้อขายเป็นผู้ชาย
ที่มากไปกว่านี้ ชาวบอร์ด ที่น้องเราไปโพสต์ขายมือถือ ได้ช่วยกัน ขุดคุ้ยหาข้อมูล ทั้งเบอร์โทรบ้านน้องเรา ชื่อพ่อ ชื่อแม่ คนที่นามสกุลเดียวกับน้องเรา เบอร์โทรศัพท์ญาติ ๆ มาโพสต์ประจานกันในกระทู้ โดยที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมา (คืนวันที่ 26 มกราคม) ทางบ้านได้รับความเดือดร้อน และพ่อแม่ ก็ตกใจและเป็นห่วงว่าน้องเราจะถูกดำเนินคดี หรือ โอม จะถอนแจ้งความให้
ก็อยากจะเตือนทุกคนนะคะ บางครั้งแค่เราให้หมายเลขบัญชีไป หรือเราโอนเงินให้ไป คนที่เอาเลขที่บัญชีเราไป เค้าจะเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งมันไม่ได้เสียแค่เงินไม่กี่พันบาท แต่มันจะเสียชื่อเสียง ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ตามมาอีกมากมายเลยค่ะ ตอนนี้ก็รอให้น้องไปสถานีตำรวจ ถ้าได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมา จะนำมาให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในนี้ได้ระวังไว้นะคะ
ซื้อของออนไลน์แบบเดิม โอนเงินไปแล้วไม่ได้ของ มันตกรุ่นไปแล้ว สมัยนี้ต้องใช้เงินคนอื่นซื้อของ เหอ ๆ ๆ
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: 27 มกราคม 2553, 21:09:19 » |
|
What to Take to Bed With You
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา
เป็นความคิดที่ไม่เลว ถ้าเราจะวาง " กุญแจรถ " ไว้ข้างเตียง ในเวลากลางคืน
บอกคนที่คุณรัก ลูกคุณ เพื่อนบ้าน พ่อแม่ และทุกคนที่คุณรู้จัก ให้วางกุญแจรถไว้ข้างเตียงนอน
ถ้าคุณได้ยินเสียงข้างนอกบ้าน หรือมีใคร ( ที่คุณไม่รู้จัก หรือไม่ต้องการให้เข้าบ้านคุณ ) พยายามจะเข้ามาในบ้าน คุณเพียงแต่กดปุ่ม Panic ที่รีโมท สัญญาณเตือนภัยจะดังจนกระทั่งคุณกดปิด หรือแบตฯ หมด
นี่เป็นคำแนะนำจาก “ ผู้ประสานงานเพื่อนบ้านเฝ้าระวัง " คราวหน้าหากคุณกลับถึงบ้านตอนกลางคืน เมื่อจะวางกุญแจรถ ให้คิดถึงว่า : รีโมทรถคือระบบป้องกันขโมย และมันจะทำงานจนกว่าแบตฯ จะหมด หรือคุณกดปิด เมื่อมิจฉาชีพเข้ามาได้ยินเสียงก็เผ่นแล้วครับ เพราะเสียงของสัญญาณกันโขมยที่ดังผิดปกติ จะเรียกให้เพื่อนบ้านออกมาดู .... และใช้ได้ในกรณีที่คุณเดินไปขึ้นรถในลานจอดรถ ถ้าคุณรู้สึกว่าจะไม่ปลอดภัย ก็สามารถใช้ได้เหมือนกันครับ
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 29 มกราคม 2553, 10:23:50 » |
|
เจี๊ยบเจอกับตัวเอง สดๆ ร้อนๆ เช้าวันนี้ค่ะ ... ลบทิ้งซะเลย ... มิจฉาชีพสมัยนี้หากินกันง่ายแท้ ไม่ต้องลงทุนกันอะไรกันมากมายเลย ...Windows Live Hotmail Alert ™ From: Windows Live Hotmail (cmukhop@hotmail.com) You may not know this sender.Mark as safe|Mark as junk Sent: Fri 1/29/10 3:47 AM To: windowslivehotmail@microsoft.com
Windows Live Hotmail Alert !!! CONFIRM YOUR WINDOWS LIVE ACCOUNT SERVICES. VERIFY YOUR HOTMAIL ACCOUNT NOW TO AVOID IT CLOSED !!!
Dear Account Owner
This Email is from Hotmail Customer Care and we are sending it to every Hotmail Email User Accounts Owner for safety. we are having congestions due to the anonymous registration of Hotmail accounts so we are shutting down some Hotmail accounts and your account was among those to be deleted. We are sending this email to you so that you can verify and let us know if you still want to use this account. If you are still interested please confirm your account by filling the space below.Your User name, password, date of birth and your country information would be needed to verify your account. After following the instructions in the sheet,your account will not be interrupted and will continue as normal. * Name: ..................................... * Username: ............................. * Password: .............................. * Date of Birth: .......................... * Country Or Territory: .............. Confirm your E-mail by filling out your Login Information below after clicking the reply button, or your account will be suspended within 48 hours for security reasons. Sincerely, The Windows Live Hotmail Team.
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 31 มกราคม 2553, 18:13:25 » |
|
คนร้ายหาอุบายให้เราลงจากรถ แล้วขับหนี
เสรษฐวิทย์ นิเทศ 16 ... ส่งมา
ตำรวจเตือนมา มีผู้เคราะห์ร้ายแล้ว
ลองนึกภาพดู ท่านกำลังเดินมาในลานจอดรถ เปิดประตุรถและเข้าไปในรถ ท่านล็อคประตู แล้วสตาร์ทรถยนต์ และเข้าเกีียร์เพื่อถอยรถ ขณะนั้นท่านมองที่กระจกส่องหลังที่อยู่หน้า คนขับเพื่อมองทางที่จะถอย ทันใดก็เห็นว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่กลางกระจกรถด้านหลัง ท่านก็ต้องเปลี่ยนเกียร์มาที่ตำแหน่งเพื่อจอดรถ เปิดประตูออกจากรถเพื่อจะลงไปเอากระดาษ ที่ติดอยู่ออกเพราะทำให้การมองเห็นไม่ดี ขณะที่เดินถึงด้านหลังของรถ จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้กระโดดเข้าไปในรถและขับรถออกไป เครื่องยนต์กำลังติดอยู่ (เจ้าของรถที่เป็นผู้หญิง จะมีกระเป๋าถือวางอยู่ในรถด้วย ) รถที่ออกก็จะพุ่งออกไปท่านต้องหลีก เพราะกลัวถูกชน
โปรดระวัง โจรรถยนต์ บางรายเริ่มใช้วิธีนี้แล้ว วิธีที่ดีและปลอดภัย คือ ท่านขับรถออกเลยไปปล่อยให้กระดาษติดอยู่ที่กระจก แบบนั้นแหละ นึกไว้เลยว่า เราโดนโจนเล่นงานแล้ว และค่อยไปเอากระดาษออกทีหลัง หลังจากที่ออกรถไปจากลานจอดรถที่น่าสงสัยนั้นแล้ว
ขอให้ทุกคนส่งต่อ ไปให้ญาติมิตร โดยเฉพาะ ที่เป็นผู้หญิง กระเป๋าถือมีบัตรประชาชน และแน่นอนถ้าตกอยู่ในมือของมิจฉาชีพก็ไม่ค่อยดีแน่
|
|
|
|
Intania๑๖
Cmadong Member
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: ๒๕๑๖
คณะ: เวสสุกรรม
กระทู้: 1,071
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 21 กุมภาพันธ์ 2553, 17:49:59 » |
|
"Jiab, you are the Best!!!, I just read your postings. Come to visit me at the Whitehouse any time."
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2553, 12:20:49 » |
|
จ๊าก ! เจี๊ยบถูกพาดพิง ได้ไงเนี่ย ? ... ได้รับคำชม บวกคำเชิญให้ไปเยี่ยมที่ทำเนียบขาวแบบนี้ กลัวขี้กลากขึ้นน่ะสิ วณิชย์ต้องซื้อซีม่าโลชั่น หรือผงพิเศษตราร่มชูชีพมาฝาก ตอนกลับเมืองไทยคราวหน้า ด้วยนะ ...
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: 16 มีนาคม 2553, 21:15:38 » |
|
ผู้หญิงสู้คน คู่มือสําหรับผู้หญิงยุคใหม่ ในการปกป้องตัวเองจาก ภัยอาชญากรรมเครดิตจาก http://womansafety.blogspot.com/ PT Bangkok ... ส่งมากระเป๋าของฉัน ชีวิตของฉัน นัก ธุรกิจสาวรายหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดกับเธอไว้เป็นอุทาหรณ์ เรื่องร้ายเกิดขึ้นเมื่อ ... เธอกับลูกสาวมาร่วมงานแต่งงานของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง งานเลิกราวสามทุ่มเศษ เธอพาลูกสาวกลับมายังรถที่จอดไว้ข้างถนนใกล้โรงแรม ขณะที่เดินอยู่ เธอก็ถูกวัยรุ่นชายสองคน สวมหมวกบังหน้า ไม่สวมหมวกกันน็อค ขี่รถจักรยานยนต์ปรี่เข้ามา แล้วกระชากกระเป๋ากุชชี่ที่เธอถืออยู่ ด้วยความเสียดายกระเป๋าแบรนด์เนม เธอลงทุนยื้อยึดกับคนร้ายเพื่อปกป้องกระเป๋าสุดหวง แรงกระชากทำให้นักธุรกิจสาวถึงกับเสียหลักล้มลง ร่างกายครูดไปตามพื้นถนนจนถลอกปอกเปิก แต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อยกระเป๋า จนเมื่อลูกสาวร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ เธอตัดสินใจปล่อยมือ ปล่อยคนร้ายให้ได้กระเป๋าไปอย่างลอยนวล เพราะนึกถึงความปลอดภัยของสิ่งที่เธอรักมากกว่า นั่นคือลูกสาว แม้ว่าจะเสียดายทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป แต่เงินสด โทรศัพท์มือถือ แว่นตาแบรนด์เนม และกระเป๋าใบนั้น คงไม่มีความหมาย ถ้าคนร้ายโมโห และใช้มีด หรือปืนทำร้ายเธอ และลูกสาวสุดที่รัก
อย่า พกอะไรที่ต้องเสียใจเมื่อมันถูกฉก เทกระเป๋าของคุณออกมา ตรวจสอบว่ามีอะไรที่คุณจะต้องเสียใจไปอีกนาน ถ้ามันหายไปพร้อมกระเป๋า หยิบมันออกมา แล้วเก็บไว้ใน ที่ปลอดภัยเสียเดี๋ยวนี้ กระเป๋าไม่ใช่ตู้นิรภัย สิ่งที่ควรมีคือ “ ของไม่มีค่า ” แต่ “ จำเป็น ” ต่อชีวิตประจำวันของคุณ อย่าใส่ของมีค่า ที่คุณต้องร้องไห้ด้วยความเสียดายไว้ในกระเป๋าเป็นอันขาด วิธีดีที่สุดที่จะทำให้คุณร้องไห้น้อยที่สุดเมื่อเสียมันไป คือการทำให้มัน “ น่าเสียดาย ” น้อยที่สุด 1) อย่าเลือกใช้กระเป๋าแบรนด์เนม หากถูกกรีด หรือกระชาก จะสร้างความเจ็บใจให้คุณมากขึ้น และยอมสู้จนได้รับบาดเจ็บเพื่อมัน เลือกใช้กระเป๋าที่ถ้าจำเป็นจริงๆ คุณจะสามารถตัดใจทิ้งมันได้เพื่อรักษาชีวิต
2) ฝึกนิสัยพกเงินสดแค่จำนวนที่จะใช้ในแต่ละวันเท่านั้น พกบัตรเงินสด หรือบัตรเครดิตให้น้อยใบที่สุด
3) ถ้ามีบัตรเอทีเอ็มมากกว่าหนึ่งใบ ควรพกไว้แค่ใบเดียว เป็นใบที่มีเงินในบัญชีเล็กน้อย ส่วนใบอื่นที่มีเงินในบัญชีมากกว่า ควรเก็บไว้ที่อื่นที่ปลอดภัย เช่น ในบ้าน ในกรณีที่บัตรใบแรกหาย บัตรสำรองจะลดความกังวลไปได้มาก
4) บัตรสำคัญต่างๆ ในกระเป๋าให้นำมาเรียงกันบนกระดาษ A4 แล้วถ่ายเอกสารเก็บไว้รวมกัน เมื่อกระเป๋าสตางค์หาย คุณจะรู้ว่า มีเอกสารสำคัญอะไรหายไปบ้าง
5) จดเบอร์สำหรับอายัดบัตรสำคัญต่างๆ เก็บไว้ที่ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือในรถ หรือเมมโมรี่ ไว้ในโทรศัพท์มือถือ พร้อมอายัดได้เสมอ
6) ถ้าคุณขับรถ ควรติดกระเป๋าช้อปปิ้งไว้ในรถหนึ่งใบ เมื่อจะลงไปซื้อของ หยิบเฉพาะเงินสดที่จะใช้ บัตรเครดิตหนึ่งใบใส่กระเป๋าช้อปปิ้ง แค่นั้นพอ
7) อย่าใส่กุญแจบ้าน หรือรถไว้ในกระเป๋าสะพาย คล้องกุญแจไว้ที่กระเป๋ากางเกงหรือเข็มขัดเสมอ เทคนิคเดินถนนอย่างคนฉลาด
วันไหนที่รู้ตัวว่าต้องสัญจรด้วยการเดิน วางแผนเส้นทางก่อนเสมอ เลือกเส้นทางที่โล่ง มีคนเดินมากๆ ไม่มีพุ่มไม้หนาทึบ ยอมเดินไกลในถนนใหญ่ดีกว่าเข้าซอยทางลัดที่ย่นระยะทางแต่เปลี่ยวคน หัดเปลี่ยนเส้นทาง อย่าใช้เส้นทางเดิมทุกวัน อย่าถือข้าวของพะรุงพะรัง ถ้าทำได้ให้รวบของถือด้วย หนึ่งมือ ให้มีอีกมือว่างไว้เสมอ
สามอวัยวะในตัวของคุณที่ต้องทำให้ว่างไว้ รับสถานการณ์ คือ หู ตา และมือ ถ้าอวัยวะใดไม่ว่าง ทำมันให้ว่างในบัดดล
อย่ายืนรอรถเมล์ หรือรถไฟฟ้าแบบตามสบาย ผู้หญิงที่ยืนพิงเสา เม้าท์มือถือ เพลินเสียงเพลง คิดถึงแฟน ท้าวแขน ล้วงกระเป๋า เอาแต่เหม่อ คนร้ายจะชอบมาก ให้ยืนตัวตรงทิ้งน้ำหนักลงทั้งสองขา สังเกตเหตุการณ์รอบตัวเป็นระยะๆ มั่นใจว่ากระเป๋าปิดเรียบร้อย รูดซิปปิดทุกช่อง ความหละหลวมไม่ใส่ใจของ ผู้หญิงมักสะดุดตาโจร ฝึกนิสัยจับกระเป๋าสะพายให้กระชับตัวเสมอ หันด้านปากกระเป๋าเข้าตัว อย่าเดินแกว่งกระเป๋าตามสบาย ถ้ามีรถยนต์แล่นปราดเข้ามาจอดตรงหน้า ถอยออกมาให้ห่างทันที ถ้าเขาจอดเพื่อถามทาง อย่าเข้าไปบอกจนชิดประตูรถ จนเขาดึงขึ้นรถไปง่ายๆ ทิ้งระยะให้ไกล แต่บอกด้วยเสียงดังขึ้นจะดีกว่า
สอดส่ายสายตาหา “ เซฟเฮ้าส์ ” ระหว่างทางไว้เสมอ ที่ซึ่งคุณจะสามารถผลุบเข้าไปซ่อนได้ ถ้าเกิดเหตุร้าย เช่น ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านปากซอย เซฟเฮ้าส์เหล่านี้มีประโยชน์มากในหลายสถานการณ์ เช่น ถ้าคุณสงสัยว่าถูกสะกดรอย แทนที่จะเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความหวาดกลัว คุณสามารถเลี้ยวผลุบเข้าไปยังเซฟเฮ้าส์เหล่านี้ แล้วแอบสังเกตการณ์ว่า คนที่เดินตามคุณผ่านหน้าร้านไปหรือเปล่า คุณอาจรีบออกมาแล้ววิ่งสวนกลับไปยังทิศตรงกันข้าม
หมั่นฝึกซ้อมความคิดไว้ตลอดเวลา สมมุติว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้น คุณจะแก้ไขอย่างไร การฝึกซ้อมความคิดจะทำให้คุณรู้ว่า คุณ ต้องการอะไร ใน ยามคับขัน และ สามารถตระเตรียมรับมือมันได้อย่างรอบคอบ อย่าให้มันเลือกคุณเป็นเหยื่อ การวางตัวสร้าง “ ระยะห่าง ” อาจช่วยผลักคนร้ายออกไปจากชีวิตคุณได้ “ อวัจนภาษา ” คือการใช้ภาษาร่างกายสื่อสาร จงใช้มัน “ ขู่ ” คนร้ายไว้เสมอ เริ่มตั้งแต่มันยังไม่ประชิดตัวคุณ เทคนิคการ “ ขู่ ” คนร้ายไม่ให้เลือกคุณเป็นเหยื่อ
1) คุณรู้สึกว่าผู้ชายคนหนึ่งมองคุณอยู่ แทนที่จะบอกมันว่าคุณเป็นเหยื่อด้วยการหลบตาเมินไปทางอื่น อย่าทำอย่างนั้น มองตรงไปที่มัน ไม่ต้องถึงกับจ้องเขม็งอย่างประสงค์ร้าย แต่อย่าหลบตา อย่าทำเป็นไม่เห็น มองหน้ามันไว้ จง “ ขู่ ” มันด้วยสายตาว่า “ ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร อย่าเข้ามาเชียว ”
2) ถ้ามันเดินเข้ามาใกล้ตัวคุณ อย่ารอให้มันถึงตัว ถอยหลังทันทีแล้วปรามมันด้วยคำพูดว่า “ ขอโทษค่ะ ” ผู้ชายที่ดี จะถอยหลังจากคุณและขอโทษ แต่ผู้ชายสวะอาจยังหน้าด้าน ถ้ามันยังล่วงล้ำเข้ามาถึงตัว เช่น ทำท่าจะฉวยมือคุณ จง “ เข้ม ” ใส่มันด้วยการพูดออกมาดังๆ ว่า “ ขอโทษค่ะ คุณจะทำอะไรคะ ”
3) ถ้าเจ้าสวะ “ แบล็คเมล์ ” คุณกลางสาธารณชน ด้วยการโพล่งว่า “ ยายนี่ประสาทหรือเปล่! า ” หรือ “ อะไรกันวะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย โวยวายไปได้ ” จงอย่าตกหลุมพรางของความอายที่มันขุดล่อ จง “ เตือน ” มันด้วยการถอยหลัง ยกมือขึ้นกั้นไว้ แล้วสั่งว่า “ หยุด ! อย่ามาใกล้ฉัน ” หรือ “ ไป ให้พ้น ”
ประเด็นสำคัญ ! อย่ากลัวที่จะดูเป็น “ ยายประสาท ” ในสายตาของคนเดินถนนที่ผ่านมา เชื่อเถอะว่า เจ้าสวะจำนวนมาก อาจถึงครึ่งต่อครึ่ง จะเลือกเลิกล้มแผนชั่วเมื่อ เจอยายประสาทที่ฉลาดกว่ามัน
ร้องบอกโลกด้วยนกหวีด
ผู้ชายที่ประทุษร้ายผู้หญิงจนต้องรับกรรมในห้องขังคนหนึ่ง สารภาพว่าเขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่ถือร่ม นกหวีด หรืออะไรก็ตามที่สามารถใช้เป็นอาวุธในการต่อสู้ได้ ดังนั้น ถ้าคุณต้องเดินคนเดียวในที่เปลี่ยว อย่าเดินมือเปล่า ถืออะไรบางอย่างติดมือไว้ ถ้ามีร่ม จับไว้ให้มั่น มีนกหวีด ห้อยคอไว้พร้อมเป่าเสมอ นกหวีดช่วยชีวิตคนมามากแล้วในหลาย สถานการณ์ เช่น เมื่อหลงทางหรือติดอยู่ในสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ แม้แต่โรสยังรอดตายจากเรือ ไตตานิคล่ม เพราะนกหวีดบอกให้คนอื่นรู้ว่าเธอยังมีชีวิต ดังนั้น หยิบสร้อยนกหวีดขึ้นมาคล้องคอไว้แทนทุกครั้ง เมื่อคุณออกจากที่ทำงาน ลงจากรถเมล์ ไปช้อปปิ้ง เดินทาง หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เมื่อเกิดเหตุไม่น่าไว้ใจ เป่านกหวีดไว้ก่อน เสียงนกหวีดจะทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้ว่าคุณกำลังตกอยู่อันตราย เสียงนกหวีดจะทำให้ยามหรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสนใจ ถ้าต้องวิ่งหนี วิ่งไปพร้อมกับเป่านกหวีดไปด้วย เพื่อเรียกร้องความสนใจให้มากที่สุด คงไม่มีคนร้ายหน้าไหนที่เสียสติถึงกับวิ่งตามผู้หญิงใจกล้า ที่วิ่งหนีแล้วเป่านกหวีด เหมือนคนบ้าอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนโชคดีและแคล้วคลาดตลอดไป
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2553, 09:50:08 » |
|
อย่าเดินริมถนน
มนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
.... เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวาน ( 11/04/10) หยุดไม่ได้ทำงาน ก็นอนตื่นสาย ( ตามปกติ ) ประมาณช่วง 10 โมง พี่สาวเข้ามาปลุก แล้วบอกให้ไปส่งปากซอยหน่อย จะไปสวนจตุจักร ก็ตื่นมาล้างหน้า แล้วก็ขับมอไซต์ไปส่ง หลังจากนั้นก็อยู่บ้านทั้งวัน
.... ประมาณ 6 โมงเย็น - 1ทุ่ม พี่สาวเค้าก็กลับมา พอกลับมาก็เดินมาหาแล้วก็ถามว่า " มีเพื่อนกลับบ้าน แล้วออกจากเมืองทองฝั่งนี้บ้างมั้ย " ก็เลยถามกลับไปว่า " ถามไมอ่ะ " พี่เค้าก็เลยบอกว่า มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ...
.... ตอนเช้าที่พี่สาวเค้ารอรถเมล์อยู่ พอดีมีรถเมล์สาย 357 นนทบุรี-รังสิต มา ( ลักษณะรถเป็นรถ คันเล็กรุ่นเดียวกับรถเมืองทอง-ลาดหลุมแก้ว ) เลยตัดสินใจขึ้นคันนี้ แล้วเดี๋ยวไปต่อรถที่ปากเกร็ด ระหว่างที่รถติดไฟแดงแยกเมืองทองอยู่ ( รถจอดอยู่หน้าศูนย์โตโยต้า ) อยู่ ๆ กระเป๋ารถเมล์ก็ตะโกน เสียงดัง " เฮ้ย ! ! "
ด้วยความที่รถสาย 357 เป็นรถแอร์คันเล็ก ทุกคนบนรถต่างตกใจและหันไปมองทางด้านหน้ารถ ( กระเป๋ารถเมล์อยู่หน้ารถ ) สิ่งที่เห็นคือ รถตู้สีขาว ติดฟิล์มสีดำวิ่งอยู่ไกลๆ หลังจากที่กระเป๋าตะโกน แล้ว ก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเบาะแรกว่า " พี่เห็นเหมือนกันใช่มั้ย " คำตอบที่ได้คือ " ใช่ " แล้ว เค้าก็คุยกัน ซึ่งทำให้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ...
....ระหว่างที่รถติดแยกไฟแดงเมืองทอง ซึ่งมีการปล่อยไฟเขียวรถในเมืองทองที่เลี้ยวขวาไปแยกสวน สมเด็จ ระหว่างนั้นมีรถตู้คันหนึ่งสีขาว ติดฟิล์มสีดำสนิท ขับออกจากเมืองทอง เลี้ยวซ้ายไปทางปากเกร็ด ซึ่งตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ริมถนนแถวที่ดินที่มีการถมตรงปากซอยเมืองทอง ( คาดว่าน่าจะลงรถที่ป้าย รถเมล์หรือเพิ่งออกจากเมืองทอง แล้วกำลังเดินไปเข้าซอยข้างหน้า ข้างๆ ที่ดินที่ถมอยู่ ) พอรถตู้วิ่งไป กำลังจะผ่านผู้หญิงคนนั้น อยู่ๆ ก็มีของแท่งยาวๆ ( ไม่รู้ว่าเป็นแป๊บเหล็ก หรือท่อนหรือไม้ ) ยื่นออกมาจากตัวรถ และฟาดเข้าที่ผู้หญิงคนนั้น ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะล้มหน้าทิ่มลงไปก็ถูกดึงขึ้นรถตู้ไปก่อน จึงเป็นสาเหตุให้กระเป๋ารถเมล์ตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ และก็ทำให้ทุกคนในรถได้เห็นรถตู้สีขาว ติดฟิล์มสีดำสนิทขับมุ่งตรงไปข้างหน้า พอรถเมล์ขับผ่านจุดที่เกิดเหตุ สิ่งที่เหลืออยู่คือ รองเท้าข้างหนึ่งของผู้หญิงคนนั้น ....
.... พอได้ฟังที่พี่เล่าแล้วก็ถึงกับอึ้ง ! ! เลยถามพี่เค้าไปว่าไม่มีใครแจ้งตำรวจเลยหรอ พี่เค้าก็เลย บอกว่าก็มีคนจะแจ้งตำรวจเหมือนกัน แต่ที่ทุกคนรู้มีแค่อย่างเดียวคือ " รถตู้สีขาวติดฟิล์มสีดำ " ป้าย ทะเบียนก็มองไม่ทัน เพราะรถอยู่ไกลและวิ่งเร็วมาก ส่วนรถจะขับไปทางไหน ก็ไม่มีใครรู้ เพราะ สามารถเลี้ยวซ้ายตรงถนนตัดใหม่ทะลุไปถนนแจ้งวัฒนะหรือตรงไปทางแยกปากเกร็ด ( ซึ่งสามารถลอดอุโมงค์ ทะลุแยกไปได้ ) แล้วระหว่างทางก็สามารถทะลุซอยต่างๆ เพื่อออกไปซอ ยอื่นหรือถนนแส้นอื่นได้อีก สิ่งที่ทุกคนทำได้ ก็แค่เพียงภาวนาขอให้รถมันเสีย ยางแตก หรือไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ ( ระหว่างที่รถยังอยู่บนถนนไม่ใช่ ในซอยเปลี่ยว ) หรือขอให้รถตู้เจอด่านตรวจ ตำรวจหรือใครก็ได้ผิดสังเกตุจนช่วยผู้หญิงคนนั้นได้... เพราทุกคนรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเจออะไร หรือไม่ก็ขอให้ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิต ! ! !
.... พี่เค้าก็เลยบอกว่า ให้ช่วยมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง แล้วก็ให้เตือนทุกคนด้วยว่าอย่าเดินริมถนนคนเดียว ถ้าจำเป็นต้องเดินอย่าเดินติดริมถนน ให้เดินชิดริมกำแพง รั้วบ้าน หรือถ้าเป็นทางที่ไม่ค่อยมีคนหรือรถผ่าน ทางที่ดีก็ขึ้นรถไปดีกว่า หรือถ้ายืนป้ายรถเมล์ก็ให้ยืนเข้ามาลึกๆ อย่ายืนติดถนน ( ถ้าเป็นป้ายหน้าเมืองทองฝั่งติวานนท์ ถ้าอยู่คนเดียวให้ยืนแถวใกล้ๆ ทางแลี้ยว ตรงวินมอไซต์รับจ้าง ) ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ! ! ! ...
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2553, 10:24:16 » |
|
อย่าวางขวดน้ำไว้บนรถมนูญ - วิศวะ 16 ... ส่งมา
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2553, 12:40:31 » |
|
สำคัญสำหรับผู้ใช้รถ ล็อคให้เ็ป็นนิสัย
มานิต - รัฐศาสตร์ 16 ... ส่งมา
เหตุการที่ 1
ผมเคยประสบเหตุนี้แล้วกับตัวเอง ที่ถนนมเหศักดิ์ซึ่งเชื่อมถนนสาธร กับถนนสีลม เป็นเวลากลางวัน ระหว่างที่รถผมหยุดรอไฟเขียว มีชาย 2 คนเดินมาข้างหลัง ทั้งคู่กระตุกประตูหลัง คนละข้าง โชคดีที่ประตูล็อกอยู่ ....1 ใน 2 คนนั้นพยายามดึงแรงขึ้นอีก แล้วทั้งคู่ก็เดินเร็วผ่านรถผม แล้วปนไปในฝูงชน เดี๋ยวนี้เหตุร้ายเกิดได้ตลอด ไม่ว่ามืดหรือสว่าง เราคงต้องระวังอย่าเผลอเชียวละ
เหตุการณ์ที่ 2 ภรรยาผมจะมีนิสัยเมื่อขึ้นรถแล้วต้องกดเซนทรัลล็อค ทั้งก่อนสตาร์ทเครื่อง และก่อนดับเครื่อง มีรถเก๋งคันหนึ่งสีเงิน มีคนสองคนเดินลงมาจากรถแล้วก็เดินมาที่รถของเราอย่างสุภาพ ขณะที่ภรรยาผมกำลังเล่นกับลูกอยู่เพลินๆ ก็ได้ยินเสียง ตึ๊ก จากข้างหลัง ภรรยาผมก็ตกใจรู้สึกตัวว่ามีคนพยายามเปิดประตูหลังของรถเรา แต่เพราะรถล๊อคพวกเขาก็เดินกลับไปขึ้นรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่ภรรยาผมเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ผมคิดว่าเหลือเชื่อจริงๆ กลางวันแสกๆ แท้ๆ ถ้าหากบังเอิญรถไม่ได้ล็อค ผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้ทุกคนมีนิสัย ขึ้นรถต้องล็อครถ พวกผู้ร้ายมักจะลงมือจากเบาะหลัง เพราะจะ ควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย
เหตุการณ์ที่ 3 หลังจากที่พ่อกับแม่จ่ายเงินค่าจอดรถเสร็จ ตอนเลี้ยวรถออกจากโรงพยาบาล ต้องจอดติดไฟแดง ... ขณะนั้น ( ยังไม่ ถึง 3 นาที ระบบล๊อคอัตโนมัติคงยังไม่ทำงาน ) ชายหนุ่มสองคนก็เข้ามานั่งที่เบาะหลังของรถ โชคดีที่พ่อแม่ของผมไหวตัวเร็วมาก รีบถอดเข็มขัดนิรภัย ดับเครื่อง ดึงกุญแจออกแล้วออกมายืนนอกรถโดยเร็ว คนทั้งสองคนนั้นก็ยังนั่งอยู่ในรถหน้าตาเฉย จนกระทั่งคุณแม่ของผมตะโกนใส่พวกเขาว่า " พวกเรายังมีเพื่อนฝูงอยู่ในโรงพยาบาลอีกเยอะนะ จะให้เรียกพวกเขาลงมาคุยกับพวกแกไหม ? " พวกมันจึงออกมาจากรถแล้วบอกว่า " ขอโทษ ขึ้นผิดคัน " ( นี่มันปล้นกันชัดๆ ) จากนั้นรถคันที่จอดต่อท้าย ( มีคนอยู่ในรถสองคน ) ก็ขับมารับพวกมันไป .... น่ากลัวที่สุด
เหตุการณ์ที่ 4 ตอนจอดติดไฟแดง รถของผมอยู่ห่างจากทางแยกประมาณคันที่สามหรือสี่ สักครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มอายุประมาณ 20 กว่าๆ 2 คน ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ท้ายรถผม มีอาการน่าสงสัย คือ พวกเขาพยายามมองสอดส่ายสายตาเข้ามาในรถของผม ผมจึงจ้องพวกเขา .... ครู่หนึ่ง พอไฟเขียวก็ออกรถพร้อมมัน ผมบังเอิญได้ยินหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า " รถมันล็อคหมด " แล้วก็ขับเลยไป
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2553, 15:12:30 » |
|
ทุกคนที่ขับรถ : กรุณาอ่าน
พี่ชรินทร์ - รัฐศาสตร์ 07 ... ส่งมา
วันที่ 14 สิงหาคม เวลาประมาณ 11.00 น. เป็นวันที่ผมมิอาจลืมได้ในชีวิตนี้ ...
ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิเศษจากถนนจันทน์ มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติด ถ.แจ้งวัฒนะ- ปากเกร็ด ขณะขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที และมองไปที่คันเร่ง เห็นหน้าจอ ที่ 140 กม. ผมก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้งเพื่อลดความเร็ว แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมได้ลองใหม่อีก 3 ครั้งคราวนี้กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง เบรกเท้าอีก ก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 ก.ม./ช.ม. ผมได้พยายามกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่นัดแนะไปทำบุญด้วยกัน เพื่อนแนะให้ลดเกียร์จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130 ก.ม./ช.ม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้ ความพยายามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาที และลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย ผมคิดว่าคงอาจจบชีวิตบนการทางพิเศษแล้ว และคิดว่าถ้าไม่มีอุบัติเหตุใดใดเลย จะขอทำบุญบวชอีกครั้งในชีวิต ( บวชพราหมณ์หรือพระภายใน 2 ปีนี้ ) และจะเริ่มลดละบาปกรรม
เพื่อนได้แนะอีกครั้ง และสมาธิเริ่มรวบรวม ความพยายามประมาณครั้งที่ 7 โดยการดับเครื่องคราวนี้รถได้ชะลอความเร็วลงมาก ผมได้ประคองขับรถต่อไปอีกประมาณ 5 ก.ม. กว่ารถจะหยุดได้ ซึ่งผมก็สามารถหยุดชิดขอบทางได้เหมือนรอดตายพ้นนรก ผมรีบโทร. บอกที่บ้าน เพราะตอนแรกนึกว่าคงไม่ได้โทร. สั่งเสีย หรือสั่งลา ผมได้เดินอีกประมาณ 100 เมตรไปบอกเจ้าหน้าที่เก็บเงิน ที่ด่านเก็บเงิน ใกล้แจ้งวัฒนะเพื่อขอความช่วยเหลือ รอประมาณ 10 นาที ก็มาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมยซึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ก้านของคันเร่งและเกิดการล็อคขึ้น
พี่สุทธิครับ
ได้สอบถามกับอู่รถแล้ว อู่แจ้งว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่ง ติดตัวถังรถ สิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจงดับเครื่องยนต์ และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่ แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเป็นระยะ ๆ ความเร็วรถจะค่อยลดลงจนสามารถจอดรถได้ การปิดสวิทช์กูญแจงรถยนต์ดับเครื่องเลย ในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่ เครื่องยนต์ และระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 12 สิงหาคม 2553, 22:38:38 » |
|
กลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ ผ่านหน่วยงาน DSIเสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา ในวันที่ 4 มิถุนายน 2553 ดิฉันได้รับแจ้งผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า มีหนี้ค้างชำระในบัตรเครดิตกับทางธนาคารกสิกรไทย แต่ดิฉันได้ปฏิเสธเนื่องจากไม่เคยทำบัตรเครดิตกับทางธนาคาร ทางกลุ่มมิจฉาชีพบอกว่าอาจมีการลักลอบขโมยข้อมูล จะแจ้งหน่วยงาน DSI ให้
หลังจากนั้นประมาณ ๕ นาที ก็ได้รับโทรศัพท์ว่า เขาคือ พตท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ เจ้าหน้าที่จากหน่วย DSI เพื่อให้สบายใจให้ดิฉันทำการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับ จากหมายเลข 1133 หลังตรวจสอบก็พบว่าเป็นหมายเลขของ DSI จริง
หลังจากนั้นอีกประมาณ ๕ นาที เขาก็สอบถามว่าดิฉันเคยทำธุรกรรม หรือเคยทำเอกสารหล่นหายหรือไม่ ซึ่งดิฉันอาจจะเผลอบอกว่าได้รูดบัตรของธนาคารกรุงศรีอยุธยาไปเมื่อปลายเดือน พ.ค. เขาจึงได้แจ้งข้อมูลว่าดิฉันได้เปิดบัญชีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่เชียงใหม่โดยมีเงินเข้า - ออก วันละ 1 แสน -3 แสนบาท และทาง DSI กำลังจับตาอยู ซึ่งหมายความว่าดิฉันเข้าข่ายคดีฟอกเงิน ให้ดิฉันเข้าไปให้ปากคำที่กรุงเทพ ดิฉันได้ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ทางกลุ่มมิจฉาชีพจึงขอให้ดิฉันร่วมมือกับทางราชการในการตามจับ โดยให้แจ้งข้อมูลทางการเงินและข้อมูลการติดต่อทำธุรกิจของดิฉันเพื่อนำไปปรึกษากับคุณกิตติ สำเภาทอง อ้างว่าเป็นรองผู้การธนาคารชาติ เพื่อออกรหัสของธนาคารให้ใหม่ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับโทรศัพท์จาก รตท. สมศักดิ์ ว่ารับเรื่องต่อมา ให้แจ้งข้อมูล และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ซึ่งทุกขั้นตอนขอให้เก็บเป็นความลับ เพราะข่าวการตามจับอาจจะรั่วไหล และให้เปิดโทรศัพท์ไว้ตลอด เพราะจะทำการบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน โดยให้ย้ายเงินออกจากธนาคารกรุงศรีให้มากที่สุดแต่ไม่ต้องปิดบัญชี และให้ย้ายมาเข้าธนาคารกสิกรไทย หรือธนาคารกรุงเทพ เพื่อที่เงินของดิฉันจะได้ไม่สูญหาย เพราะผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นคนในธนาคาร ( ดิฉันได้นำฝากที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาพัทลุง )
ดิฉันเริ่มมาเอะใจในขั้นตอนการทำ ATM เนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพบอกว่าเป็นขั้นตอนการเปลี่ยนรหัสไปทางธนาคารชาติ และเพื่อบันทึกภาพของดิฉันไว้เปรียบเทียบกับคนร้ายที่เชียงใหม่ โดยให้ใส่หมายเลข 10 หลักในช่องผู้รับโอน และใส่ password ในช่องจำนวนเงิน พร้อมทั้งย้ำตลอดว่าเงินไม่ได้ถูกดึงออกไป ให้เข้าไปสอบถามกับธนาคารได้ จึงได้ทำการกดไป 2-3 ครั้ง แต่มี slip ออกมา 1 ครั้ง เขาบอกให้รีบทำลายทิ้ง แต่ดิฉันได้เก็บไว้ และเริ่มเอะใจ มาดูภายหลังพบว่าเป็นใบโอนเงิน ไปหมายเลขบัญชี 7362731997 MR JEERASAK TAENGPHONG โดยที่หน้าจอไม่ได้ขึ้นขั้นตอนเพื่อยืนยันว่าเป็นการโอนเงินให้กับผู้ใด จึงคิดว่าน่าจะถูกหลอก จึงกลับไปติดต่อในธนาคาร ( ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ) ปรากฏว่าเงินได้ถูกถ่ายโอนไปเป็นจำนวน 199,986.55 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าถูกกดจากบริเวณ ม.รามคำแหง
ดิฉันรู้สึกเสียใจ และเจ็บใจที่โดนฉ้อโกง จิตสำนึกที่ต้องการจะช่วยเหลือทางหน่วยงานราชการไปมากกว่าจำนวนเงินที่สูญเสียไป ดิฉันไม่คิดว่าจะได้เงินคืน แต่ต้องการจะประชาสัมพันธ์ให้คนอย่างเราๆ รับรู้ให้มากที่สุด และหากท่านมีเครือข่ายหรือมีอำนาจพอที่จะติดตามจับได้ดิฉันยินดีที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม ( Email-ampa.thean22@gmail.com )
( หมายเหตุ ชื่อที่อ้างถึงตรวจสอบแล้วมีอยู่ในหน่วยงานที่กล่าวถึงจริง และภายในครึ่งวันมีผู้ถูกหลอกลวงโดยอ้าง DSI ถึง ๓ ราย )
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: 23 สิงหาคม 2553, 14:26:47 » |
|
อยู่เฉยๆ ก็อาจจะกลายเป็นผู้ต้องหาได้
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา
เพื่อนสนิทของเราเปิดร้าน pet shop อยู่แถวๆ อุดมสุข ขายสุนัขพันธุ์ชิวาวา แล้วก็รับอาบน้ำตัดขนและฝากเลี้ยง..เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทางบ้านของเพื่อนเราโทร.มาบอกว่าได้รับหมายศาล แจ้งจับกุม ในข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฉ้อโกง .... ที่บ้านตกใจมากเลยโทรมาซักถามว่าไปทำอะไรมาถึงโดนตำรวจมาแจ้งจับกุม .... เพื่อนเรางงมาก เพราะปกติวันๆ ก็ทำแต่งานเปิดร้าน 7 วันไม่มีวันหยุด ... แล้วทางบ้านก็บอกว่าให้ไปมอบตัวกับ สน.ทองหล่อ ( ต้นเรื่องที่ส่งมา ) ... จึงได้ทราบเรื่อง ...
ย้อนกลับไปประมาณเดือนมีนาคม 2553 ที่ผ่านมานี้ ..
มีผู้ชายคนหนึ่ง ( สมมติว่าชื่อนาย ก. ) รถยนต์ของเขาถูกขโมย.. เขาจึงโพสข้อความผ่านทางหน้าเวป และฟอร์เวิร์ดเมลล์ ไปว่าถ้า ใครพบเบาะแสรถยนต์ของเค้า ระบุยี่ห้อ สี รุ่น และลายละเอียดต่างๆ ตามนี้ ให้แจ้งมาที่เขา เขาจะมีรางวัลให้เป็นเงินประมาณ 15,000 บาท..
เวลาไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนติดต่อมาถึงนาย ก. ชื่อว่าเต้ย เต้ยบอกว่ารถยนต์ที่นาย ก.โพสหานั้นมีคนนำมาขายที่เต้นท์รถของเค้าเอง โดยระบุ ยี่ห้อ สี รุ่น รวมทั้งเลขตัวถังรถ ให้ด้วย แล้วบอกว่าจะนำรถไปส่งคืนให้ แต่ขอให้นาย ก. โอนเงินรางวัลที่บอกเบาะแสของรถที่หายมาให้ก่อน ซึ่งนาย ก. ก็บอกปว่าจะโอนให้ไปก่อนจำนวนเงิน 7,000 บาท ขอให้เต้ยบอกเลขที่บัญชีมาให้ .. เต้ยก็บอกไปว่า งั้นรอก่อนนะ เดี๋ยวจะโทร.ไปบอกเลขที่บัญชีอีกรอบหนึ่ง ..
นายเต้ยหายไปประมาณครึ่งชั่วโมง..ระหว่างนั้น... เราเข้าใจว่า นายเต้ย น่าจะ search หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วพบเวปไซค์โฆษณาของทางร้าน pet shop ที่เพื่อนเราเป็นเจ้าของ.. มีเบอร์ติดต่อระบุไว้ที่หน้าเวปด้วย..
นายเต้ยเลยโทร.เข้ามาหาเพื่อนเราที่ร้าน แล้วทำทีเป็นว่าจะมาขอซื้อชิวาวาในร้านตัวหนึ่ง ที่เพื่อนเราลงประกาศขายในเวปไซค์ราคา 8,000 บาท โดยจะขอโอนเงินมาให้ก่อนแล้วจะไปรับชิวาวาทีหลัง..
เพื่อนเราก็บอกไปว่าไม่ต้องโอนเงินมาก่อนหรอก ให้มาดูที่ร้านเลยดีกว่า เพราะถ้าจะซื้อหมาไปเลี้ยงทั้งทีก็น่าจะเข้ามาดู มาลองเล่นดูก่อน ว่านิสัยใจคอมันเป็นยังไง จริงๆ แล้วการที่เพื่อนเราจะขายชิวาวาให้ใครนั้น เพื่อนเรามันจะดูนิสัยหมากับคนมาซื้อก่อนว่าเข้ากันได้หรือไม่ บางทีก็ให้เอาไปลองเลี้ยงก่อน 7 วันเลยด้วยซ้ำ
ไม่อย่างงั้นก็ให้มาดูหมาตัวนี้ที่ร้านเลย ถ้าชอบก็ค่อยจ่ายเงินซื้อ แต่ชายคนนี้ก็ยังยืนยันว่าจะซื้อหมาชิวาวาตัวนี้ให้ได้ เพราะชอบตั้งแต่เห็นรูปในหน้าเวปแล้ว เลยบอกกับเพื่อนเราว่างั้น โอนเงินไปให้ก่อนล่ะกัน 7,000 บาท เพราะเขาไม่อยากพกเงินสดมากๆ เดี๋ยวพอไปถึงร้านจะจ่ายให้อีก 1,000 บาท ตอนรับหมากลับไป
คุยไปคุยมาก็ตกลงกันตามนี้ .. เพื่อนเราก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร จึงบอกชื่อนามสกุล และเลขที่บัญชีให้เขาไป .. จากนั้นนายเต้ยก็วางสายไป .... แล้วโทรกลับไปบอกกับ นาย ก. ว่า ให้โอนเงินรางวัลที่ชี้เบาะแสรถหายได้ เข้าบัญชีนี้ ( โดยบอกชื่อนามสกุล และเลขที่บัญชีของเพื่อนเราไป ) เมื่อวางสายสักพัก นาย ก. เจ้าของรถก็จัดการโอนเงินจำนวน 7,000 บาท เข้าเลขที่บัญชีของเพื่อนเรา โดยเข้าใจว่าบัญชีอันนี้เป็นบัญชีของนายเต้ย..
นายเต้ย...โทร.กลับมาหาเพื่อนเราที่ร้าน pet shop แล้วถามว่า เขาโอนเงินมาแล้ว ช่วยเช็คให้หน่อยว่าได้รับเงินเข้าบัญชีหรือยัง .. เพื่อนเราก็ไปเช็คดู ก็พบว่ามีเงินเข้าบัญชีมา 7,000 บาท ตามที่นายเต้ยได้ตกลงกับเพื่อนเราไว้ เพื่อนเราก็บอกเค้าไปว่า ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว ให้เข้ามารับหมาไปได้เลย หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมง นายเต้ยก็มาถึงร้านของเพื่อนเรา และอุ้มลูกเข้ามาด้วย เป็นเด็กอายุประมาณสองขวบ นายเต้ยแจ้งกับเพื่อนเราว่ามาขอรับหมาตัวที่สั่งซื้อไว้ ซึ่งเพื่อนเราก็พาไปดู พอเห็นหมาชิวาวาตัวนั้นแล้ว นายเต้ยก็ทำทีเป็นเล่นกับลูกของเขาแล้วทำเป็นถามลูกว่าชอบหรือเปล่า ? แล้วไปๆ มาๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจว่าจะไม่ซื้อหมาตัวนี้แล้ว เพราะว่าลูกชายของเขายังไม่ถูกใจ ( ทั้งๆที่ลูกเขาเป็นแค่เด็กสองขวบ ยังพูดอะไรไม่ได้ )
เขาบอกว่าขอโทษด้วย เขายังไม่เอาได้มั้ย จะขอเงินที่โอนมาคืน เพื่อนเราก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็บอกไปว่าได้ๆ แล้วเพื่อนเราก็เลย ไปกดเงินออกมาคืนให้เขาไป 7,000 บาท
ส่วนตัวนายเต้ยหลังจากได้เงินก็หนีหายไปเลย และปิดเบอร์ไม่ติดต่อกลับ เจ้าของรถก็ติดต่อกลับไปไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะทำยังไงเลยไปแจ้งความ โดยมีหลักฐานอยู่สองอย่าง คือเบอร์มือถือของนายเต้ย และ เลขที่บัญชี ที่เป็นชื่อบัญชีของเพื่อนเรา ตำรวจเลยทำเรื่องแจ้งความเพื่อนเราในข้อหาฉ้อโกง..
พอได้หมายแจ้งขอจับกุมจากทางบ้านซึ่งส่งไปที่อยู่ที่ต่างจังหวัด เพื่อนเราก็เครียดมาก เพราะทางบ้านก็บอกให้ไปทำเรื่องขอมอบตัว และดำเนินการสู้คดี เพื่อนเราจึงไปมอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ที่ สน. ทองหล่อ พร้อมทั้งพาคนรู้จักที่เป็นทนายไปด้วย และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ร้าน pet shop ให้ตำรวจฟัง
แต่ตำรวจไม่ฟังอะไรเลย พยายามจะให้เพื่อนเรารับทราบข้อกล่าวหาอย่างเดียว เพื่อนเราก็พยายามจะอธิบายให้ฟังว่าตัวเองก็ไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นโจร และก็เข้าใจว่าเขามาซื้อหมาแต่ไมได้ซื้อไป ก็เลยโอนเงินคืนให้ก็แค่นั้น แต่ตำรวจบอกว่าหลักฐานมันมีชัดเจนว่าเงินมันเข้ามาที่บัญชีของคุณ คุณก็ต้องรับผิด และพยายามจะขอบัตรประชาชน และให้พิมพ์ลายนิ้วมือ และเซ็นยอมรับเป็นผู้ต้องหา เพื่อที่จะได้ปิดคดีไวๆ เท่านั้น
เพื่อนเราแทบจะร้องไห้ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีเรื่องต้องมาขึ้นโรงพัก ไม่เคยทำอะไรผิด ทำมาหากินโดยสุจริตตลอด ยังโชคดีว่ามีทนายไปด้วย ทนายจึงขอติดต่อกับเจ้าทุกข์ที่เป็นเจ้าของรถโดยตรง เพื่อทำเรื่องยอมความกัน เมื่อได้คุยกับเจ้าทุกข์แล้วเจ้าทุกข์ก็เชื่อว่าเพื่อนเราไม่ได้เป็นคนทำ เพราะเสียงที่โทร.มาไม่ใช่เสียงนี้แต่เขาเพียงต้องการเงินคืน จำนวน 7,000 บาท ที่เสียไป เพราะเขาเสียรถแล้วยังต้องมาเสียเงินอีก ถ้าหากเพื่อนเราคืนเงินให้ 7,000 ก็จะยอมความให้ไม่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล และหลังจากนั้นก็ให้ทำเรื่องแจ้งความเป็นผู้เสียหายร่วมกันเพื่อจับกุมนายเต้ย
เพื่อนเราก็เลยตกลง เพราะถ้าสู้คดีไปถึงแม้ว่าจะมีโอกาสชนะก็ยังต้องจ่ายเงิน 7,000 คืนให้เจ้าทุกข์อยู่ดี เพราะมันมีหลักฐานชัดเจนว่าเงินมันผ่านมาที่บัญชี เพื่อนเราเลยซวยไปอย่างแรง อยู่เฉยๆ ก็ต้องมาเสียเงิน 7,000 บาท เพื่อให้เรื่องมันจบ และจะได้ไม่เสียประวัติด้วย
เราเลยอยากเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง เพราะเอาเข้าจริง พอมีเหตุการณ์แบบนี้ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ แจ้งจับกุมนายเต้ยไป จะไปจับที่ไหนได้เหรอ เพราะเหตุการณ์มันผ่านไปนานแล้ว เช็คกับกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ก็ไม่มีถึงเดือนมีนาคม และเหตุการณ์ผ่านไปนานแล้วใครจะจำหน้าคนร้ายได้ชัดเจน ยิ่งตัวเจ้าทุกข์ไม่ต้องพูดถึงได้ยินแต่เสียง ไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ ส่วนเบอร์โทรศัพท์ที่เคยโทร.มาหาก็ปิดไปแล้ว มันจะตามหาได้จากที่ไหน ... หรือหากตามมาจับกุมตัวได้จริง แล้วเงินที่เสียไป จะได้คืนหรือเปล่า ?
สังคมแบบนี้ต้องระวังตัวจริงๆ
- ระวังเลขที่บัญชีธนาคาร เลขที่บัตรประชาชน และ เลขที่บัตรเครดิตของตัวเองให้ดีๆ เพราะอยู่เฉยๆ ก็อาจจะซวยตกเป็นแพะรับบาป กลายเป็นผู้ร้ายทำผิดกฎหมายได้โดยไม่รู้ตัว
- ตำรวจบางคนวางอำนาจ ข่มขู่ และไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนเลย คิดตื้นๆแค่ขอให้ได้ปิดคดี แต่ไม่ได้นึกถึงเลยว่าต้นต่อเหตุการณ์มาจากไหน จับแพะมาหรือเปล่า
- อย่าโอนเงินให้กับคนที่คุณไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า อย่าไปหลงเชื่อ
- หากมีการติดต่อเกี่ยวกับธุรกรรมใดๆก็ตามควรมีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ขอหลักฐานอ้างอิงตัวบุคคลนั้นๆด้วย
|
|
|
|
Kaimook
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: 24 สิงหาคม 2553, 00:05:05 » |
|
สวัสดีค่ะพี่เจี๊ยบ ตามอ่านค่ะ...
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: 11 กันยายน 2553, 01:34:04 » |
|
จ้า ... น้องอ้อย
พวงมาลัยที่แพงที่สุดในชีวิต
เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา
++++อยากเตือนเพื่อนๆ ที่อยากไปสักการะพระพรหม ที่แยกราชประสงค์ ( พวงมาลัยที่แพงที่สุดในชีวิต ) ++++ คือจริงแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย และหลายๆคนคงโดนมากันเยอะ จนเราคิดว่าคนคงรู้กันหมดล่ะ แต่มันไม่ใช่นะสิ ยังมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่เคยรับรู้เรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเพื่อนสนิทเรามาโดนเอง เราถึงเข้าใจว่ามันไม่ใช่ล่ะ ยังมีหลายคนที่ยังไม่รู้ และเราก็อยากจะเล่าแบ่งปันให้ทุกๆ คน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแบบนี้ค่ะ
ถ้าใครเคยผ่าน หรือไปสักการะพระพรหม ตรง สี่แยกราชประสงค์แล้ว ทุกทุกคน คงสังเกต เห็นว่าจะมีร้านค้าขายพวงมาลัยอยู่ข้างหน้ามากมาย มีหลากหลายแบบให้เลือก ราคาก็จะไม่แตกต่างกันมากนะ โดยจัดว่าแพง เช่น ปกติพวงมาลัยดาวเรืองพวงเล็กธรรมด๊า ธรรมดา บริเวณร้านข้างรอบนอกจะราคาอยู่ที่ 35++ บาท ขณะที่ทั่วไปขายที่ 20-25 บาท อ่า ทุกคนคงคิดว่า ก็แพงกว่ากันนิดหน่อยเอง ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรนิ มันไม่ใช่แค่นั้น
เพื่อนเราสองคน คนนึงไปเพื่อแก้บน เรื่องเรียน อีกคนไปเป็นเพื่อน เพื่อนทั้งสองคนก็ไม่รู้เรื่อง เพราะคนที่จะไปแก้บน ที่ไปรอบแรกก็ซื้อแค่พวงมาลัย ธูปเทียน เสียเงินไปไม่มากนะแค่ไม่กี่ร้อยบาท ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนเพื่อนอีกคนก็ไม่เคยไป ที่นี้เรื่องมันเกิดตรงนี้ เพื่อนเราก็ชวนกันไปแก้บน ด้วยความที่ไม่เคยแก้บน ตอนบนก็ถามๆ แม่ค้าเอา พอมาแก้บน ก็กลับไปร้านเดิมนั้นล่ะ แม่ค้าก็จัดแจงทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ได้แก่ พวง มาลัย 7 สี 7 ศอก จำนวน 28 พวง ( ถ้าใครเคยไป จะรู้ว่าเป็นที่แถวนั้นขาย จะเป็นพวงมาลัยร้อยด้วยดอกพุด ยาว 7ศอก และมีดอกไม้ต่างๆ 7 สี แซมๆ ) ช้างจำนวน 16 ตัว ( ตัวเล็ก ) ยาสูบ 4 แพค ธูป เทียน ส่วนเพือนอีกคนที่ไปไหว้เป็นเพื่อน ก็มีแค่พวงมาลัยดาวเรืองพวงเล็ก 4 พวง ช้างตัวเล็ก 4 ตัว ธูปเทียน เพื่อนเราก็พยายามถามว่าราคาเท่าไหร่ แม่ค้าก็บอกว่า เอาไปก่อนเดี๋ยวค่อยมาจ่าย เพื่อนเราก็ถามย้ำแล้วย้ำอีก แม่ค้าก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าไปไหว้ก่อน เดี๋ยวพาไปไหว้ ช่วยถือของ นั่นโน่นนี้ แหม ! ! ช่างประทับใจจริง เพื่อนเราก็คิดว่าของคงไม่เท่าไหร่หรอก แล้วคราวที่แล้วก็ซื้อกับร้านนี้ แม่ค้าก็พูดดี ก็เลยไม่ทันคิดว่าได้เสียท่าไปซะแล้ว พอไหว้เสร็จเรียบร้อย ก็ถามราคากับแม่ค้าว่าเท่าไหร่ ต้องถึงกับช๊อค แทบเป็นลม เพื่อนเราคนที่ไปแก้บน แม่ค้าบอกว่า 8,000 บาท ( โอ้แม่เจ้า ) ส่วนเพื่อนอีกคน ราคา 800 บาท ถึงกับอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เพื่อนเราก็พยายามบอกว่าทำไมแพงอย่างงี้ พอพูดปุ๊บ แม่ค้าร้านข้างๆ ต่างพากันมารุมล้อมม โอ๊ย นี้มันมาเฟียหรือไงเนี่ย เราก็ถามเพื่อนว่าแล้วทำไง ก็ท้ายสุดก็ต้องไปกดเงินมาจ่าย แม่ค้าก็เดินตามไปด้วย บอกว่าจะได้ไม่ต้องเหนือยเดินมาให้ ( โห เหมือนจะเป็นคนดีนะเนี่ย )
หลังจากเรื่องวันนั้นจบไป เพื่อนก็มาเล่าให้เราฟัง ตามประสาคนไทย ... ช่างมันเถอะ คิดว่าทำบุญ ... แต่แล้วความอดทนเราก็หมด เมื่อก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดอีก .....
ต่อค่ะ เรื่องมันยังไม่หมด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราเองก็เคยไปบนกับท่านไว้เหมือนกัน ก็เลยถือโอกาสไปแก้บนดีกว่า โดยปกติเราก็จะซื้อดอกไม้บริเวณท้าวมหาพรหมนั้นล่ะ ถ้าคนไปบ่อยๆ จะรู้ว่านอกจากแผงข้างนอก ในบริเวณพระพรหมเอง ก็จะมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่ายเหมือนกัน เพียงแต่ดอกไม้อาจจะไม่สดใหม่เอานั้นเอง ราคาก็มีตั้งแต่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท มีหลากหลายแบบให้เลือก แต่ถ้าเราไปแก้บน เราก็จะซื้อของข้างนอกไปเอง เพราะเราพอจะรู้กิตติศัพท์มาบ้างอยู่แล้ว
เราก็จัดแจงเตรียมของไปเอง แบบรุงรังไปกับเพื่อนอีกคน ด้วยความที่ของเยอะ เราก็ให้เพื่อนนั่งเฝ้าของก่อน เราขอไหว้ก่อน ระหว่างที่เรากำลังไหว้อยู่ ก็มีนักท่องเที่ยวเดินมาหาเพื่อนเราที่นั่งรออยู่ ถามว่าซื้อพวงมาลัยมาเท่าไหร่ เพื่อนเราก็บอกว่า ซื้อมาเองไม่ได้ซื้อแถวนี้ เราซื้อพวงมาลัย 7 ศอก มา 4 พวง มีช้างตัวเล็ก 4 ตัว หมดไปประมาณ 900 บาท นักท่องเที่ยว สองคนนั้นก็แสดงท่าทีตกใจมาก แล้วเค้าก็เล่าให้เรากับเพื่อนฟังว่า เค้าไปซื้อพวงมาลัยดาวเรืองพวงขนาดกลางหน่อย เค้าชี้ให้เราดูอ่ะนะ แล้วก็ได้ธูปเทียน หมดเงินไปคนละ 3,000 บาท แล้วตอนนี้เค้าสองคนไม่เหลือเงินเลย เรากับเพื่อนนั่งฟังแล้วก็คิดทำไงดีหว่า จะให้เงินเราก็ไม่มี เราก็เลยถามเค้าว่าจะให้เราช่วยยังไง เค้าก็ตอบเรามาว่าอยากให้ไปช่วยคุยกับแม่ค้าให้หน่อย เรากับเพื่อนก็มองหน้ากัน เออ เราไปสองคนมีหวังโดนตบแน่เลยแก เลยเรียกเจ้าหน้าทีแถวนั้น แต่ไม่ใช่ ตำรวจนะ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือ เจ้าหน้าที่ฟังแล้วก็ยิ้มๆ แล้วก็เรียกเพื่อนอีกคน บอกว่า เฮ้ย เค้าโดนค่าพวงมาลัยไป สองคน 6.000 ว่ะ เพื่อนอีกคนก็ อืม ทำหน้าเหมือนว่า ก็โดนกันอย่างงี้ประจำล่ะ เรากับเพื่อนก็นั่งคิดต่อ เอาไงดีวะ จะเดินไปแจ้งความก็คิดว่า ตำรวจพวกเดี๋ยวกันไหมเนี่ย จะไม่ช่วยก็ไม่ได้ ถ้าเราไปที่อื่นแล้วโดนแบบนี้บ้าง ไม่มีใครช่วยจะทำไง เพื่อนก็เลยโทร.หาคนรู้จักที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่ออยากให้ส่งตำรวจมาหน่อย อย่างน้อยถ้าเป็นคนรู้จักส่งมาน่าจะสบายใจกว่า บอกเสร็จปุ๊ป ก็ โอเค อีกสิบนาทีเดี๋ยวมา เรากับเพื่อนก็นั่งอยู่กับนักท่องเที่ยว ก็เลยถามไถ่รายละเอียดได้ความว่า เค้าไปถามแม่ค้าว่าราคาเท่าไหร่ ไหว้ยังไง แม่ค้าก็ทำเหมือนตอนเพื่อนเรา เป๊ะ หยิบพวงมาลัยมาให้ พาเดินมาไหว้ บอกราคาเดี๋ยวค่อยคุยกัน เค้าก็คิดว่าคนไทยมีน้ำใจจัง แต่พอไหว้เสร็จ แม่ค้าเก็บเงิน คนละ 3,000 บาท เค้าสองคนถึงกับอึ้ง ทำตัวไม่ถูก ก็ต้องจ่ายยด้วยความเป็นนักท่องเที่ยว ก็กลัวเป็นเรื่องธรรมดา ระหว่างที่เรานั่งคุย นั่งรออยู่ คงมีคนคาบข่าวไปบอกแม่ค้า แม่ค้าคนนั้นก็มายืนเกาะลูกกรง บอกว่า มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เดือดร้อนอะไรหรอ คุยกันได้นะ ออกมาคุยกันข้างนอกสิ เรากับเพื่อนมองหน้ากัน ไม่เอา ไม่ออกนะแก เดี๋ยวโดนรุม ก็เลย นั่งเฉยๆ นิ่งไว้ๆ จนกระทั่งตำรวจมา เราก็เล่าให้ตำรวจฟังว่า นักท่องเที่ยวเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คุณตำรวจก็เรียกเรากับเพือนไปด้วย เรากับเพื่อน และนักท่องเที่ยวก็เดินตามคุณตำรวจไป พอไปถึงร้าน ยังไม่ทันจะพูดไรเลย คุณแม่ค้าบอกว่าเนี่ย ฉันให้โน่น ให้นี้ ให้นั้น เต็มไปหมด นักท่องเที่ยว ก็บอก ไม่ ไม่ ไม่ ฉันได้แค่นี้ คุณตำรวจก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรหรอกค่ะ มากันไม่ให้มีเรื่องมากกว่า คุณตำรวจพูดสั้นๆ กับแม่ค้าว่า “ นักท่องเที่ยวเค้าว่าราคามันแพงเกินไป ” ( แค่เนี่ย !!!! ช่วยได้มากเลยค่ะ ชื่อเสียงประเทศไทยป่นปี้ ) แม่ค้าเลยทำหน้าบึ้งๆ แล้วก็พูดว่า “ อ่ะ คืนให้คนละพัน ” ( เออ แพงไปไหมอ่ะ ) เพื่อนเราก็เลยพูดสวนไปว่า “ พวงมาลัยแค่เนี่ย แค่คนละพันก็แพงไปแล้วว นี้คนละสองพันเลยหรอ ” แม่ค้าหันไปพูดกับคุณตำรวจว่า “ โอ๊ย งั้นก็ไม่ได้กำไรพอดี งั้นคืนให้อีกคนละ 500 ก็ได้ ” สรุปได้คืนมา 3,000 บาท จาก 6,000 บาท เราก็เลยถามนักท่องเที่ยวว่าโอเคไหม คือนักท่องเที่ยวเค้าก็ไม่อยากมีปัญหา เค้าก็โอเค แล้วก็บอกขอบคุณเรากับเพื่อน พอเสร็จ เรากับเพื่อนขอบคุณ คุณตำรวจ แล้วก็รีบเดินออกมาอย่างทันที ระหว่างที่เดิน แม่ค้าร้านอื่นๆ มองกันตาเขม็ง พร้อมกับตะโกนถามว่า เพื่อนกันหรอ ? ( แล้วทำไมล่ะ ไม่ใช่เพื่อน แล้วช่วยไม่ได้หรือไงนะ แอบคิดอยู่แต่ไม่ได้พูดหรอก )
ต่อจากนั้นเรากับเพื่อนก็เดินไปไหว้พระพิฆเนศ ต่อ ผิดกับเหตุการณ์เมือกี้ ถ้าใครเคยไปไหว้พระตรีมูรติ หรือ พระพิฆเนศ บริเวณหน้า CTW จะทราบดีกว่า ธูปเทียนมีบริการให้ฟรี หรือจะหยอดเงินใส่ตู้ก็ได้ เรากับเพื่อนก็เตรียมของมา ถือมาเยอะแยะ แต่ขาดเทียนไม่ครบค่ะ เพื่อนเราก็เดินดูทีบริเวณจัดบริการธูปเทียนให้ว่ามีไหม ปรากฏว่าหมด เพื่อนเราก็จะเดินไปซื้อ เจ้าหน้าที่เห็นถือของเยอะ เดินมาบอกว่า “ หนูๆ ตรงนั้นมีถาดไปหยิบมาใส่ของสิ ” เรากับเพื่อนก็บอกว่า “ เดี๋ยวไปซื้อเทียนก่อนค่ะ ” เจ้าหน้าที่ “ เอาในกล่องสิ ” เพื่อนบอกว่า “ มันหมดค่ะ” เจ้าหน้าที่ “ เดี๋ยวไปเบิกมาให้ ” เรากับเพื่อนรู้สึกดีมากๆ ผิดกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อกี้ ลิบลับ
เราเลยอยากจะเตือนเพื่อนๆ ทุกคนที่คิดจะไปสักการะท้าวมหาพรหมนะว่า กรุณาตรวจสอบราคาให้แน่ใจก่อน อย่าไว้ใจใคร เพราะยุคนี้ ใครใครก็หาผลประโยชน์ใส่ตัว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ไม่อยากให้เพื่อนๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้ คนไทยกันเองยังทำร้ายกันเอง คนต่างชาติจะเหลืออะไร อยากให้ทุกคนช่วยกันดูแล ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวถ้าเจอปัญหา ในฐานะที่เราเป็นคนไทย นะคะ
|
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: 26 กันยายน 2553, 22:57:55 » |
|
When You are trapped in a lift … เมื่อคุณติดอยูในลิฟต์เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เกิดเหตุการณ์ลิฟท์ร่วง ที่โรงแรมในพัทยา มาติดตามข่าวกันค่ะ ... จาก :
http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:FfsbWD-hVpkJ:www.pattayadailynews.com/th/2010/07/26/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1/+%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87+%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2&cd=6&hl=th&ct=clnk&gl=th
ความคืบหน้าลิฟท์ร่วง ! โรงแรมดัง เจ็บระนาว
จากเหตุการณ์ลิฟท์ของโรงแรมเวลคัมจอมเทียน ร่วงลงมากระแทกยังชั้น G ของโรงแรม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 16 คน โดยอาการคนเจ็บที่หนักสุดแค่ขาหักจำนวน 1 คน ส่วนคนอื่นๆ แค่เจ็บเคล็ดขัดยอกตามร่างกาย เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น.วันที่ 24 ก.ค.53 ที่ผ่านมา
พัทยา - วานนี้ ( 25 ก.ค. 53 ) ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.ตัวแทนบริษัทดูแลลิฟท์เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผกก. ( สส. ) สภ.เมืองพัทยา เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดเหตุ แต่ยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของบริษัทให้กับทางผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่าเป็นบริษัทของชาวอเมริกาที่ร่วมลงทุนกับคนไทย โดยได้สร้างลิฟท์และดูแลโรงแรมที่เกิดเหตุมากว่า 10 ปี และไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไร
ส่วนสาเหตุในครั้งนี้นั้นยังสรุปไม่ได้ ต้องใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ เพราะยังไม่สามารถยกตัวลิฟท์ให้อยู่ในสภาพปกติได้ เนื่องจากสายสลิงเกิดหลุดออกจากตัวรอก ซึ่งโดยปกติลิฟท์จะรับน้ำหนักได้ประมาณ 1,000 กม. หรือถ้าเป็นคนไทยจะไม่เกิน 15 คน ซึ่งในเบื้องต้นทางบริษัทได้พูดคุยกับทางโรงแรมแล้ว ในการออกค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
ด้าน พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผกก. ( สส. ) กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้เรียกคนเจ็บทั้งหมดมาให้ปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเกิดเหตุ ซึ่งกรณีนี้ต้องมีคนรับผิดชอบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ในเบื้องต้นสาเหตุที่เซ็นเซอร์ไม่ทำงานเป็นเพราะอะไร ซึ่งในช่วงบ่ายในวันพรุ่งนี้ ( 26 ก.ค. 53 ) เจ้าหน้าที่วิทยาการเวรจังหวัดชลบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ช่างผู้ชำนาญของบริษัทดูแลลิฟท์จะร่วมกันตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง
ส่วนด้าน นายวัชระ พลศรีลา อายุ 29 ปี พนักงานขายที่เข้าร่วมสัมมนา เล่าเหตุการณ์ว่า พวกตนเป็นพนักงานขายของบริษัทมิตรบุรีรัมย์ เทรดดิ้ง ในเครือบุญรอด เดินทางมาสัมมนากว่า 400 คน ในขณะเข้าลิฟท์เพื่อจะลงมายังชั้นที่ 7 โดยเข้าไปจำนวน 20 คนแต่ไม่มีสัญญาณเตือน พอลงมาถึงบริเวณที่หมายชั้นที่ 7 ไฟเกิดดับลิฟท์ก็เลยลงไปกระแทกที่ชั้นจีอย่างแรง ส่วนตนเองนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากเพียงแค่ขาเคล็ดเท่านั้น
ทางด้านความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ ( 26 ก.ค. 53 ) เมื่อเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรรณพ ตปานนท์ รอง ผกก.กองวิทยาการเขต 13 ชลบุรี และกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในโรงแรมเวลคัมจอมเทียน โดยมีเจ้าหน้าที่ช่างเทคนิคจากบริษัท โอติส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ติดตั้งลิฟท์ดังกล่าว พาไป
ตรวจสอบที่ห้องควบคุมระบบบนชั้น 16 ของโรงแรม ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพไว้อย่างละเอียดเพื่อนำไปตรวจสอบอีกครั้งโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จึงแล้วเสร็จ
พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะโดยสารอยู่ในลิฟท์ประมาณ 20 คน จากชั้น 16 ลงมาชั้นล่าง เมื่อมาถึงชั้น 7 ลิฟท์เกิดกระตุกจนหยุด แต่ภายหลังก็ยังเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาถึงชั้น 4 ลิฟท์ได้หยุดอีกครั้งและไฟฟ้าดับ ก่อนที่ลิฟท์จะร่วงลงมากระแทกพื้น
นอกจากนี้ยังได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่เทคนิคของบริษัท โอติส จำกัด ทราบว่า ลิฟท์ดังกล่าวสามารถรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 1,000 กก. และได้มาทำการตรวจเช็คลิฟท์ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้ลิฟท์ขาดได้ คงต้องรอกระบวนการทดสอบจากช่างเทคนิคอีกประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะรู้ผล อย่างไรก็ตามสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าลิฟท์น่าจะรับน้ำหนักเกิน และคงเกิดความผิดพลาดจากตู้ควบคุมระบบที่ไม่ส่งสัญญาณเตือน ซึ่งจะได้ทำการสอบสวนเพื่อหาข้อสรุปของคดีนี้ต่อไป
เมื่อติดอยู่ในลิฟท์ และกำลังร่วงลงกระแทกพื้น เราจะทำยังไงดี ?
ยุพยงค์ - อักษร 18 ... ส่งมา
MUST read and remember ! ! ! ! What to do when you are trapped in a lift ? ! ! ขอให้อ่าน และจำไว้ คุณต้องทำอะไรบ้าง ? เมื่อคุณติดอยู่ในลิฟต์
We never know when and where accidents will happen to us OR people around us. Read on and hope this piece of information may help any of us when things do happen ! For ourselves, our friends and our loved ones. เราไม่รู้ว่าเมื่อไร และที่ไหนจะเกิดอุบัติเหตุกับเรา หรือกับคนใกล้ตัว ขอให้อ่าน และหวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยเรา และคนที่เรารักได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
One day, while in a lift, it suddenly breakdown and it was falling from level 13 in a fast speed. Fortunately, I remembered watching a TV program that has taught that you must quickly press all the buttons for all the levels. Finally, the lift stopped at the 5 level. While you are facing life and death situations, whatever decisions or actions you make decides your survival. วันหนึ่ง ขณะที่อยู่ในลิฟต์ มันเกิดหยุดกระทันหัน และร่วงลงจากชั้น 13 ด้วยความเร็วสูง โชคดีที่ผมจำได้จากทีวีที่สอนว่า คุณจะต้องกดทุกปุ่มสำหรับทุกชั้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดที่ชั้น 5 ขณะที่คุณกำลังเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย การตัดสินใจ หรือการกระทำใดๆ จะตัดสินความอยู่รอดของคุณ
If you are caught in a lift breakdown, first thought in mind may be ' waiting to die '.... But after reading the below, things will definitely be different the next time you are caught in a lift. ถ้าคุณติดอยู่ในลิฟต์ที่หยุดทำงาน สิ่งแรกที่นึกถึงมักจะเป็น ' รอความตาย ' แต่หลังจากอ่านคำแนะนำนี้แล้ว คุณจะแก้สถานการณ์ได้ เมื่อคุณต้องติดอยู่ในลิฟต์
First - Quickly press all the different levels of buttons in the lift. สิ่งแรก - ให้กดปุ่มให้ลิฟต์จอดทุกชั้น อย่างเร็วที่สุด
Second - Hold on tight to the handle ( if there is any ). สอง - ยึดมือจับให้แน่น ถ้ามี Third - Lean your back and head against the wall forming a straight line. สาม - พิงหลัง และศีรษะเข้ากับผนัง ให้เป็นเส้นตรง Fourth - Bend your knees. Reason - When the lift falls, you will not know when it will hit the ground, and it may result in whole body bone fracture. สี่ - งอเข่า เหตุผลก็คือเมื่อลิฟต์ตก คุณจะไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะกระแทกกับพื้น และอาจจะส่งผลให้กระดูกทั้งตัวแตกละเอียด เนื่องจาก :
Point 1 - When the emergency electricity supply is being activated it will stop the lift from falling further. ข้อแรก - เมื่อไฟฟ้าสำรองทำงาน ลิฟต์จะหยุดร่วง
Point 2 - It is to support your position and prevent you from falling or getting hurt when you lost your balance. ข้อสอง - ถ้าคุณเสียการทรงตัว การงอเข่าจะช่วยพยุง และป้องกันคุณไม่ให้ล้ม หรือบาดเจ็บ
Point 3 - Leaning against the wall is to use it as a support for your back spine as protection. ข้อสาม - การพิงผนังจะช่วยป้องกันกระดูกสันหลังของคุณ
Point 4 - Ligament is a flexible, connective tissue. It can be attached to the bone part of the activities, but limit the scope of their activities in order to avoid injury. Thus, the impact of fractured bones will be minimized fromt the severe pressure during fall. ข้อสี่ - เส้นเอ็นมีความยืดหยุ่น จะช่วยลดการบาดเจ็บ เนื่องจากกระดูกหัก เพราะแรงกระแทกในขณะลิฟต์ร่วง
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: 28 กันยายน 2553, 13:11:15 » |
|
ระมัดระวังตัว กันหน่อยเด้อ !เสรษฐวิทย์ - นิเทศ 16 ... ส่งมา (1) ถ้ามีใครขอให้ช่วยกด เอทีเอ็ม จงปฎิเสธ .... จงบอกให้เขาไปขอความช่วยเหลือ จาก พนง.ธนาคารดีกว่า ... เหตุผลคือ " มีกล้อง วงจรปิด ที่หน้าตู้ " .... ถ้าบัตรนั้นถูกขโมยมา ภาพของคุณจะปรากฎ แทนหน้าโจร ( งานเข้า กันล่ะคุณเอ๊ย ! )
(2) ถ้าบ้านคุณเกิดไฟดับ แต่เมื่อมองไป ไฟข้างๆ บ้านยังสว่างอยู่ ..จงอย่าผลีผลาม เปิดประตูบ้านออกไป เพื่อตรวจดูมิเตอร์ไฟเพราะคุณอาจเจอ คนถือมีด ยืนรอปล้นคุณอยู่ที่หน้าประตู
(3) คุณอาจเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน ... เห็นเด็กน้อยยืนร้องไห้ อยู่ข้างทาง บอกว่าหลงทางและขอให้พาไปส่งบ้าน ตามที่อยู่ในกระดาษเมื่อไปถึงบ้านเด็กที่หลงทาง ... คุณจะถูกไฟฟ้าดูด จนหมดสติ เมื่อเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูเมื่อได้สติ จะพบว่าตนเองอยู่ในสภาพเปลือย ในห้องที่ว่างเปล่า ** การเป็นคนใจดี ในสมัยนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังด้วย**
(4) วันหนึ่ง มีหญิงแก่มายืนที่หน้าบ้าน ถือถุงขนมมาด้วย 2 ถุง .. ตอนแรกคิดว่าเป็นคนในละแวกบ้านเอาขนมมาให้แต่พอเธอเอ่ยปากพูดจึงรู้ว่า เธอเป็นชาวต่างชาติ เพราะพูดภาษากันไม่รู้เรื่อง เลยปิดประตู เพราะคิดว่ามาขอเงิน**ภายหลัง จึงได้รู้ว่า หญิงแก่คนนี้ ได้ปล้นคนบางคน ในระแวกถนนนั้นได้สำเร็จ
(5) ขณะที่กำลังจะถอนเงินทีตู้เอทีเอ็ม ก็มีหญิงแกขอร้องให้ช่วยกดเงินให้เธอ เพราะเธอทำไม่เป็น ... เวลาเดียวกัน ... จะมีเด็กตัวเล็กมายืนข้างๆ เตรียมจะเอามือไปเตรียมหยิบเงิน" ของคุณ " --- ขณะที่หญิงแก่ พยายามดึงความสนใจของคุณไปจากหน้าตู้ * จงระวังและตื่นตัว ขณะกดเงิน*** และ ระวังคนที่ไม่น่าไว้ใจด้วย
(6) มีคุณแม่ผู้เกษียณแล้วอยู่บ้านเฉยๆ ได้เล่าให้ฟังว่า .. วันหนึ่งมีวัยรุ่นมาที่บ้านบอกว่าน้ำมันหมด แล้วขอกระป๋องโค๊ก เปล่าๆ ใบหนึ่ง เพื่อเอาไปซื้อน้ำมันที่ปั๊ม โดยจะจ่ายให้ 2 ริงกิต ( เงินมาเลย์ ) = 9.7 x2 บาทแล้วล้วงกระเป๋าเอาธนบัตร 100 ริงกิต ออกมาให้ .... แล้วให้ท่านทอนเงิน แต่โชคดีที่ท่านบอกว่า ไม่เอาเงินค่ากระป๋องเปล่า ให้ฟรีๆ โชคดีมากๆ เพราะ * เงินนั้นเป็นเงินปลอม * ถ้าทอนจะเสียเงินไป 98 ริงกิต
(7) เรื่องนี้เกิดที่บาหลี เมื่อสามีพาภรรยาไปเที่ยว แล้วภรรยาเกิดหายตัวไป .... ตอนแรกนึกว่า เล่นกัน แต่หายไปหลายชั่วโมง จนต้องแจ้งให้ตำรวจช่วยตามหา ... แต่ก็ไร้ผล หลายปีต่อมา ... สามีกลับมา บาหลีอีกครั้ง และได้ไปดูโชว์ " ของแปลก " ในบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง.... เขาไปเห็น มีหีบเหล็กที่สกปรกและขึ้นสนิม.... ในนั้นมี หญิงสาวผู้ ไร้แขนขา ... ทั่วใบหน้า และทั่วร่างเต็มไปด้วยแผลเป็นเมื่อเขาได้มองใกล้ๆ ก็ต้องตกใจ เพราะนั่นคือภรรยาที่หายไปของเขา ทีถูกจับขังเพื่อเป็นขอทาน
( ระวัง เสียงเด็กร้องไห้ เพราะคนร้ายจะอัดเทปเสียง เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดประตูออกมา ...
(9) มีคนหายไปจากแหล่งชอปปิ้งที่เซี่ยงไฮ้ หาไม่เจอ เวลาผ่านไปหลายปี ก็มีคนพบว่าเธอกลายเป็นขอทานข้างถนนในกรุงเทพ ในสภาพพิการไร้แขนขา และถูกล่ามโซ่
(10) ระวังเวลาไปเข้าห้องน้ำ คนเดียว คุณอาจจะถูกแก๊งค์ขายชิ้นส่วนมนุษย์จับไป โดยยัดไว้ใต้รถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาด
(11) แก๊งค์จะทำเป็นเอาธนบัตรหล่นไว้ล้อหลังของรถคุณ แล้วมาเคาะหน้าต่าง เรียกคุณลงไป " เก็บ " เงินทีคุณทำตกไว้เมื่อคุณลงไป คุณจะถูกปล้น ! ! !
อ่ะจ๊าก ! สยองทุกข้อเลยอ่ะ ... สมัยนี้ ต้องชั่งใจอย่างมาก ระหว่าง " การระมัดระวังตัวเอง " กับ " แล้งน้ำใจเกินไป รึเปล่า ? "
|
|
|
|
Kaimook
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: 29 กันยายน 2553, 00:14:08 » |
|
ขอบคุณพี่เจี๊ยบค่ะ ที่นำเรื่องดีๆ มาเล่า ให้ได้ระมัดระวังตัวค่ะ ...
|
|
|
|
Jiab16
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: 16 ตุลาคม 2553, 21:09:00 » |
|
จ้า น้องอ้อย มาช่วยกันเล่าด้วยนะคะ ...
ระวัง วิธีหาเงินแบบใหม่
นุชน้อย - อักษร 16 ... ส่งมา
อยากเล่าประสบการณ์ที่เพิ่งเจอมาเมื่อคืนนี้เอง ตอนประมาณ 1 ทุ่ม ขับรถกลับบ้านคนเดียวตามปกติ พอดีน้ำมันใกล้หมด เลยเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมัน จอดยังไม่ทันเติมเลย ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาพูดกับเด็กของปั้ม เด็กมาบอกเราว่า ' พี่ครับ ตะกี้พี่เลี้ยวเข้ามา หินกระเด็นโดนตาของพี่ผู้ชายคนนั้นครับ ' เราตกใจเปิดกระจกรถลงสุด แล้วมองไปที่ชายคนนั้น ดูที่ลูกตา มีเลือดไหลออกมาด้วย ชายคนนั้นพูดว่า ' ผมนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงทางเข้า รถคุณขับเข้าปั้ม ไม่รู้ว่า หินหรือแก้ว กระเด็นมาโดนตาผมครับ ' เรารีบบอกเค้าว่า ' โดนตาหรือค่ะ ขอโทษค่ะ ไม่ต้องห่วง เรามีประกัน เดี๋ยวเราเรียกประกันเรามา ' ในใจคิดว่าจะเอาเงินให้เค้าไปหาหมอก่อนดีมั้ย แต่คิดอีกทีแจ้งประกันก่อนดีกว่า เรารีบไปโทร.แจ้งประกัน ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ ชายคนนั้นก็เดินมาพร้อมทิชชูที่ซับตาอยู่ แล้วบอกเราว่า ' ผมจะไปหาหมอก่อนนะครับ ' เรารีบถามพี่ประกัน ( ในสาย) ว่า ' คนเจ็บจะไปหาหมอให้เค้าไปก่อนเลยได้ใช่มั้ย ' พี่ประกันก็บอกว่า ' ได้ครับ แต่พี่ไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้นนะ รอเจ้าหน้าที่ผมก่อน '
จากนั้นเราก็นั่งรอ และเข้าไปในร้านมินิมาร์ท กินน้ำ และ ยืนรอ ยังคุยให้คนขายฟังเลย คนขายบอกว่า ตะกี้ชายคนนั้นก็มาขอทิชชูไปซับเลือดเลย เรารู้สึกไม่ค่อยดี ไม่รู้เค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ประกันโทร.กลับมาบอกเราว่า เจ้าหน้าที่ Survey เค้าออกมาแล้ว รอแป๊ปหนึง เราบอกว่าเนี่ยคนเจ็บไปหาหมอยังไม่มาเลย พี่ประกันบอกว่า ' คงไม่มาแล้วล่ะครับพี่ เราพอจะมีข้อมูลอยู่ ทำไมเค้าต้องมานั่งสูบบุหรี่บริเวณนั้น แล้วทำไมรถผ่านไปมาตั้งมาก ทำไมต้องพอดีมาเป็นหินกระเด็นจากรถพี่ด้วย Case แบบนี้เราเจอมามากครับ เค้าทำงานกันเป็นแก๊งค์ แต่พี่ไม่ต้องห่วงถ้าเป็นเรื่องจริงทางบริษัทฯ ยินดีดูแลรักษาให้เต็มที่ รอเจ้าหน้าที่ผมก็นะครับ ' เราก็รอต่ออีกแป๊ปเดียว พี่ประกันอีกคนก็ขี่รถมาจอด สอบถามเรื่องราวกันเสร็จ ยืนรอ นั่งรอ จนเป็นชั่วโมงชายคนนั้นก็ยังไม่มา พี่ประกันก็เลยบอกให้เราไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ ( ไม่งั้นวันหลังอาจมีหมายมาตามว่าชนคนแล้วหนี ) เราให้เบอร์ติดต่อไว้ บอกท่านสารวัตร ( ใจดี ) ว่าเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง แต่คนเจ็บไม่กลับมาซะที
กลับไปที่ปั๊มน้ำมันอีก เผื่อว่าคนเจ็บจะกลับมา ถามเด็กของปั๊ม ก็ยังไม่มีใครกลับมา รวมๆ ทั้งหมด 2 ชั่วโมงแล้ว เลยฝากบอกเด็กไว้ว่า ถ้าชายคนนั้น ( ซึ่งเด็กเห็นกันหมดทุกคน ) กลับมาให้ติดต่อสถานีตำรวจได้เลย เพราะได้แจ้งความ และให้เบอร์ติดต่อกลับไว้ที่ตำรวจแล้ว เรายังฝากเรื่องไว้ที่พี่ร้านมินิมาร์ทอีกด้วย
พี่ประกันบอกว่า ถ้ามองในแง่ร้าย พวกนี้เค้าทำงานกันเป็นทีม และ เลือกเฉพาะรถที่ผู้หญิงขับคนเดียว ซึ่งเมื่อตกใจส่วนใหญ่ก็จะรีบให้เงินคนเจ็บไปหาหมอก่อน หรือ หากใจดีมากก็จะเอาคนเจ็บขึ้นรถไปหาหมอเองเลย ทีนี้ก็จะเข้าแผนพวกมัน สามารถจี้ตัวไปปล้นหรือทำอะไรได้มากมาย
เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยควรจะระวังตัว คิดในแง่ร้ายไว้ก่อน แล้วรอเจ้าหน้าที่มาจะดีที่สุด เราเลยอยากแชร์เรื่องราวที่เจอเองเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่รักของเราทุกคนรู้จ้า จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ ช่วยส่งต่อๆ กัน เพื่อจะได้ระวังตัวนะค่ะ
|
|
|
|
|