23 พฤศจิกายน 2567, 10:47:08
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 13  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เชิญร่วมท่องเที่ยว "ทริป ไอหมอก ม่านเมฆ แห่งเมืองเชียงตุง"  (อ่าน 166770 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #125 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2557, 17:00:00 »

ตามเส้นทางกลับ ออกจากเชียงตุงไปแม่สาย ได้มีโอกาสแวะ "โป่งน้ำร้อน " แห่งนี้

ที่บ้านหล้าว เมื่อไปเชียงตุงในกลางปี ๒๕๕๖

น้ำร้อนไม่พุ่งแล้ว  มีห้องอาบน้ำ (ไม่ได้ถ่ายภาพไว้) และน้ำยังคงร้อนตัมไข่สุก




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #126 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2557, 14:55:20 »

อากาศวันนี้ที่เชียงตุง

วันพุธที่ 29 ตุลาคม
พายุฟ้าคะนอง. สูงสุด 27° C.
 
 วันพุธตอนกลางคืน
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. ต่ำสุด 12° C.
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #127 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2557, 20:33:45 »

โอ เค
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #128 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2557, 09:13:47 »

ภาพเก่าเชียงตุง

เจ้าจายหลวง เจ้าฟ้าลำดับที่ ๔๘ พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์มังราย แห่ง เชียงตุง"



เจ้าจายหลวง ประสูติในปี พ.ศ. 2470 พระราชบุตรในเจ้าฟ้ากองไท เจ้าฟ้าแห่งเชียงตุง ราชบุตรในเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลง ส่วนพระมารดาคือเจ้านางจ่ายุ้นท์ เจ้าจายหลวงมีพระพี่น้องด้วยกัน 5 พระองค์ ส่วนพระมหาเทวีของพระองค์ คือ เจ้านางจันแก้วมหาเทวี มีพระทายาทด้วยกัน 2 องค์

เจ้าพ่อคือเจ้าฟ้ากองไท ได้ถูกลอบปลงพระชนม์ตั้งแต่เจ้าจายหลวงยังพระเยาว์อยู่ เมืองเชียงตุงจึงมีผู้สำเร็จราชการแทน

เจ้าจายหลวงได้ไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ ปีต่อมาจึงได้บวชเป็นเจ้าส่างที่วัดหัวข่วงเป็นเวลา 15 วัน ต่

ในปี พ.ศ. 2484-2490 เจ้าจายหลวงไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2490 ได้ราชาภิเษกเป็นเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง แต่ต่อมาภายหลังใน พ.ศ. 2502
เจ้าจายหลวงได้สละพระยศเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงตามข้อตกลงของพม่า
โดยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2505 นายพลเนวิน ได้ยึดอำนาจการปกครองพม่า และได้ดำเนินนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะการยกเลิกระบอบเจ้าฟ้า โดยเจ้าจายหลวงได้ถูกคุมองค์ไปคุมขัง ณ กรุงย่างกุ้ง เป็นเวลา 6 ปี
และหลังจากนั้นมา ทางการพม่าก็ให้เจ้าจายหลวงประทับอยู่ในกรุงย่างกุ้งต่อมา จนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 14 กันยายน  2540


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #129 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2557, 09:15:55 »

ไม่มีคำบรรยายจากต้นฉบับ







      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #130 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2557, 09:44:49 »

เจ้าสุรินทร์ และ เจ้าแสนดา หลานของเจ้าแสนเมือง
ที่เกิดและโตในแคนาดาประเทศที่เจ้าเชียงตุงส่วนใหญ่ไปลี้ภัย






      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #131 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2557, 20:04:39 »

อากาศที่เชียงตุง วันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์นี้

Forecast as of 06:30 AM MMT วัน ตุลาคม 31, 2014

 วันศุกร์
พายุฟ้าคะนอง. สูงสุด 28° C. 
 วันศุกร์ตอนกลางคืน
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. ต่ำสุด 22° C.
 
 วันเสาร์
พายุฟ้าคะนอง. สูงสุด 29° C. 
 วันเสาร์ตอนกลางคืน
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. ต่ำสุด 14° C.
 
 วันอาทิตย์
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. สูงสุด 29° C. 
 วันอาทิตย์ตอนกลางคืน
หมอกคลุม. ต่ำสุด 13° C. 
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #132 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2557, 16:43:20 »

ดำเนินการ สามอย่างแล้ว

ส่งไปรษณีย์ด่วนสำเนาบัตรประชาชนและรูป อย่างละสาม




โอนเงินงวดแรกสี่พันบาท



ซื้อบัตรโดยสารกลับจากเชียงราย ๒๗ มกราคม ๕๘

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #133 เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2557, 16:59:00 »

จะต้องดำเนินการโอนเงินงวดสอง ๔,๙๐๐ บาท และจองตั๋วรถไฟตู้นอน เตียงล่างไปเชียงใหม่ ขบวนด่วนนครพิงค์  ล่วงหน้าภายในเวลา ๖๐ วัน

 คาดว่าวันที่ ๒๔ เดือนนี้คงเสร็จเรื่องรถไฟ


และเมื่อถึงเชียงตุง จะได้สู่บรรยากาศอดีตของหัวเมืองตอนเหนือของไทย ก่อนพ.ศ. ๒๕๐๐

บางท่านได้กล่าวว่าเชียงตุงถูกสต๊าปไว้
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #134 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2557, 20:36:21 »

ไม่ได้เข้ามาในห้องนี้หลายวัน
มีทั้งงานกฐิน งานศพ
เดี่ยวตามข้อมูลของน้องเริงและทุกคนก่อนครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #135 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2557, 13:21:13 »

รายการทัวร์นี้ไปเมืองลา ด้วย โดยห่างจากเชียงตุง 90 กม.



              เมืองลา เป็นเขตปกครองพิเศษที่ 4 ของพม่า  ประเทศพม่ามีการปกครองแบบเผด็จการ โดยทหารมีอำนาจสูงสุด  แบ่งการปกครองออกเป็น  7 รัฐ  7  มณฑล  4  เขตปกครองพิเศษ  เขตปกครองพิเศษเมืองลา เป็นเขตพิเศษกว่าเขตอื่นๆ เพราะไม่มีทหาร  ตำรวจ ของพม่า  ที่นี่พูดภาษาจีนไม่พูดภาษาพม่า  ใช้เงินหยวน  ไม่ใช้เงินจ๊าดของพม่า  และไม่ใช้กฎหมายของพม่า แต่ใช้กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของเมืองลาโดยตรง  จึงมีคำกล่าวของคนพม่าว่า  ถ้าจับผู้หญิงข่มขืน จะติดคุกแค่วันเดียวรุ่งขึ้นนำไปประหารชีวิตเลย  ก่อนประหารชีวิตนั้นจะมีการนำคนผิดแห่ไปรอบเมืองก่อนเพื่อประจาน ที่สำคัญคนที่โดนประหารชีวิตนั้นจะได้กินทุกอย่างที่ขอไว้ เช่นเมื่อแห่รอบเมืองผ่านร้านอาหารใด ผู้ทำผิดอยากกินร้านนั้น  ร้านดั่งกล่าวก็ต้องให้กิน การประหารชีวิตนั้นจะใช้การยิงเป้าเพียง 3 นัดเท่านั้น ในกรณีที่ไม่ตายรัฐจะรักษาให้ เพราะถือว่ายิง 3 นัดแล้วไม่ตาย  ส่วนการขโมยของผู้อื่นจะถูกตัดนิ้วทิ้ง  หรือทะเลาะเบาะแว้งกัน ตำรวจจับปรับทั้งคู่ ฝ่ายละ 25,000 บาทเงินบาทนะครับ

                   

            เมืองลา มีประวัติศาสตร์การต่อสู้กับทหารพม่ามายาวนานนัก  โดยมีจีนอยู่เบื้องหลังการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ตลอด ต้องยอมรับว่าประเทศพม่านั้นมีชนกลุ่มน้อยเป็นจำนวนมาก ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับพม่าเช่น  กะเหรี่ยง  ไทยใหญ่   หรือแม้แต่กลุ่มว้า  แต่กองกำลังติดอาวุธเมืองลา  ถือว่า  ได้บรรลุผลสำเร็จที่สามารถเจรจาวางอาวุธและ แบ่งเป็นเขตปกครองพิเศษได้   โดยจีนเป็นสปอนเซอร์ใหญ่นั้น  เมื่อปี  พ.ศ. 2534  มีนาย จาง ซี โฟ  หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธเมืองลา  เข้าร่วมเจรจาและได้เป็นเจ้าเมืองปกครอง เป็นคนแรกของเขตปกครองพิเศษเมืองลา  

             ดังนั้นเมืองลาจึงเป็นดินแดนของพม่า  แต่ปกครองโดยจีน  ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา  น่าสนใจมากเลย


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #136 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2557, 13:45:18 »

 เมื่อถึงเชียงใหม่ ก่อนไปเชียงราย แม่สายและเชียงตุง หากมีเวลาจะแวะชม 2 แห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดเกตและตามมาด้วยชมที่นี่ซึ่งเป็นบ้านพักเก่าของนายหลุยส์  ลูกชายของแหม่มแอนนา ที่ย่านวัดเกต ริมแม่น้ำปิง เลยสันป่าข่อยไปนิด ก่อนข้ามแม่น้ำปิง ซึ่งย่านเก่าของเมืองเชียงใหม่ เคยเป็นย่านการค้า สินค้ามาทางทางน้ำ และทางรถไฟ

ในหนังสือลูกผู้ชายชื่อนายหลุยส์  
 
หลุยส์ได้พักที่นี่เมื่อมาทำงานที่เชียงใหม่ หนังสือกล่าวถึงการดำเนินชีวิตของเขาที่บ้านหลังนี้




"ย้อนอดีตไปเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ในสมัยที่เชียงใหม่ยังอุดมไปด้วยป่าไม้สัก และมี “บริษัทอีสบอร์เนียว จำกัด” ของต่างชาติมารับสัมปทานทำป่าไม้

ในเชิงพาณิชย์โดยถูกกฎหมาย บริษัทอีสบอร์เนียวฯ ได้มาสร้างออฟฟิศแห่งแรกในเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889)

ในปีเดียวกันนี้บ้าน 137 เสา(ดั้งเดิม) ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นบ้านพักของ “คุณหลุยส์ ลีโอโนเว่นส์”

เหตุที่บ้านหลังนี้ได้ชื่อว่า บ้าน 137 เสา ก็เพราะบ้านนี้มีเสามากถึง 137 ต้นด้วยกัน

   บ้าน 137 เสา ถูกใช้เป็นบ้านพักของผู้จัดการบริษัทอีสบอร์เนียวฯ มาจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2470(ค.ศ. 1927)

กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ามาควบคุมเชียงใหม่ ทำให้ผู้จัดการบริษัทอีสบอร์เนียวฯในยุคนั้นต้องหลบหนีไปอยู่พม่า และปล่อยบ้านทิ้งไว้                            

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณวิลเลี่ยม เบน(บิดาของลุงจรินทร์(แจ็ค) เบน ผู้เป็นหัวแรงสำคัญในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัดเกตุ ได้เข้ามาซื้อบ้านหลังนี้ และสร้างครอบครัวอยู่ที่นี่

ผ่านมาในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ.2002) “คุณพนิดา วงศ์พันเลิศ” ได้เดินทางมาพักผ่อนในเชียงใหม่และได้พบกับบ้านหลังนี้  จึงทำการขอซื้อบ้านหลังนี้  ที่ขณะนั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม“บ้านดำ” เพื่อปรับปรุง พร้อมสร้างอาคารเพิ่มเติมเพื่อเป็นที่พัก

และได้เปลี่ยนชื่อจาก "บ้าน 137 เสา" เป็น “137 Pillars House”  ในราคาต่อคืนอย่างน้อย ฿13,595.49  


                           
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #137 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2557, 15:10:24 »

อีกแห่งคือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดเกต ซึ่งอยู่ระแวกเดียวกันกับบ้านพักนายหลุยส์



“ชุมชนวัดเกต” เป็นชุมชนโบราณที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนหลายเชื้อชาติไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ชาวฝรั่ง และชาวพื้นเมือง สถาปัตกรรมที่หลงเหลืออยู่ สามารถบ่งบอกได้ถึงความเป็นศูนย์รวมของหลายๆเชื้อชาติ เมื่อสมัยก่อนที่นี่จะเป็นท่าน้ำสำคัญองการเดินทางเรือระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์มายังเชียงใหม่



พิพิธภัณฑ์วัดเกต ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเกตุการามจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.พ.ศ. 2542 เดิมเป็นกุฏิเก่าของอดีตเจ้าอาวาส



 เปิดให้เข้าชมกันแบบฟรีๆ ใช้เป็นสถานที่เก็บพวกสมบัติเก่าๆของทางวัด เช่นพวกช่อฟ้า

ใบระกาซึ่งเป็นไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม พวกถ้วยชามสังคโลก ถ้วยชามฝาจีบ จักรยานโบราณ วิทยุโบราณ ผ้าไหมทอมือ ฯลฯ



และที่สำคัญเราได้มีโอกาสเห็นธงชาติไทยผืนแรกของเมืองสยามที่เดินเส้นด้วยทองคำ มีชื่อเรียกว่า “ธงช้างเผือก”  เป็นธงชาติเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5- ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นธงไตรรงค์ในสมัยรัชกาลที่ 7


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #138 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 08:11:58 »

อ่านข้อความที่ปิดไว้ที่ปิ่นโต

"แม่" อยากได้และรอคำตอบจาก "ลูก"
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #139 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 11:48:31 »

วัดเกตสร้างในปี พ.ศ. 1971 สมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน (พ.ศ. 1954-1985) พระราชบิดาของพระเจ้าติโลกราช ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 1981 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

                         

          วัดเกต มีศิลาจารึกหลักหนึ่ง ตั้งอยู่บนมุขด้านใต้ของพระวิหาร จารึกเป็นอักษรฝักขามบนหินทรายสีแดง กว้าง 58 เซนติเมตร สูง 176 เซนติเมตร หนา 21 เซนติเมตร ด้านหน้าลบเลือนไปหมด เหลือแต่ดวงศิลาจารึก ด้านหลังพออ่านได้ สรุปได้ว่า ศักราช 940 (ประมาณ มกราคม - กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2121) มีการบูรณะพระเกศธาตุเจดีย์ที่พังลง สันนิษฐานว่า น่าจะพังลงในปีเดียวกับยอดพระธาตุวัดเจดีย์หลวง คือ ปี พ.ศ. 2088 ที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เชียงใหม่ มีความรุนแรงขนาด 5.0 - 5.9 ริกเตอร์ พอศักราช 943 (ประมาณ ธันวาคม - มกราคม พ.ศ. 2124) มีงานฉลองพระเจดีย์แจ้งความกว้างความยาวของพระอาราม ถวายคนประมาณ 100 ครอบครัว เป็นข้าวัด พร้อมทั้งแจ้งชื่อหัวหน้าและสมาชิกและครอบครัวด้วย

          ยุคนี้เป็นยุคที่พม่าเข้ามาครองเมืองเชียงใหม่  จนถึงปีพ.ศ.2317 "พม่าได้ใช้นโยบายให้ประชาชนปฏิบัติไปตามจารีตเดิมของท้องถิ่น การกัลปนาหรือเจาะจงให้คนเป็นข้าวัดของวัดเกต การสร้างเจดีย์ก็ยังคงใช้ศิลปะแบบล้านนา อย่างไรก็ตาม ล้านนาก็ยังรับอิทธิพลบางอย่างจากพม่า เช่น เรื่องอาหารการกิน ประเพณีการสร้างรูปสิงห์ตามประตูวัดต่างๆ ส่วนวัดเกต เป็นวัดที่มีมาก่อนที่พม่าจะเข้ามา ทั้งยังเป็นวัดใหญ่และมีความสำคัญที่พม่ายอมรับการกัลปนาข้าวัดตามจารีตที่มีมาแต่เดิม จึงไม่มีการสร้างรูปสิงห์ที่ประตูวัด ส่วนรูปสิงห์ที่ประตูหลังวัดเกตนี้ พึ่งจะนำมาติดตั้งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2542 นี่เอง
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #140 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 11:53:50 »

 ชุมชนย่านวัดเกต เคยเป็นชุมชนนานาชาติ

                                  

ในสมัยก่อน วัดเกตเป็นย่านการค้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก เป็นชุมชนใหญ่ เนื่องจากย่านนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่มาหล่อเลี้ยงประชากรที่อาศัยอยู่ทั้งสองฟากฝั่ง ทุกบ้านที่ทำการค้าจะมีท่าเรือเป็นของตนเอง ใช้เรือหางแมงป่อง (หรือเรือสะดอ เรือสีดอ เรือแม่ปะ) เป็นพาหนะขึ้นล่องตามลำน้ำปิง



           ความเจริญรุ่งเรืองของย่านวัดเกตเริ่มซบเซาลง นับตั้งแต่กบฏพระยาปราบสงคราม (พญาผาบ) พ.ศ. 2432 เนื่องจากคนไทยภาคกลางขึ้นมาข่มเหง และถูกคนจีนที่เป็นนายอากรเก็บภาษีต้นหมากต้นพลู ก่อให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว พญาผาบจึงได้รวบรวมผู้คนก่อการกบฏขึ้นและคิดฆ่าคนจีนที่วัดเกตให้หมด คนจีนและลูกหลานคนจีนเกิดความเกรงกลัว พากันลี้ภัยข้ามไปอยู่ฝั่งตะวันตก (ปัจจุบันด้านถนนท่าแพ ข้ามแม่น้ำปิง)คงเหลือแต่เพียงครอบครัวนายหน้อย แซ่แต่เท่านั้นที่ยังอยู่ เพราะเคยช่วยเหลือรับซื้อครั่งจากพญาผาบและชาวบ้านอำเภอสันทราย จึงมีความรักใคร่ชอบพอกัน

          ต่อมาในปี พ.ศ. 2464มีการสร้างทางรถไฟมาถึงเชียงใหม่ และเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2477 มีอากาศยานมาลงที่สนามบินเชียงใหม่เป็นครั้งแรก การคมนาคมทางน้ำถูกลดบทบาทลง เนื่องจากมีความยากลำบากกว่า ทั้งยังกินเวลาและเสียค่าใช้จ่ายสูง ย่านวัดเกตจึงลดบทบาททางการค้ากลายเป็นย่านที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว คนที่อยู่ในย่านนี้ส่วนใหญ่ก็คือลูกหลานของคนที่มาตั้งถิ่นฐานดั้งเดิม และแม้จะมีบางคนย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีสายใยผูกพันกับย่านนี้อยู่

                     

          นอกเหนือจากคนจีนแล้ว ย่านวัดเกตยังมีคนเชื้อชาติอื่นอพยพเข้ามาอยู่ ได้แก่

          - ชาวอเมริกันที่เป็นคริสเตียน ได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนา มีการตั้งโรงพยาบาลแมคคอร์มิค โรงเรียนดาราวิทยาลัย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนเชียงใหม่คริสเตียน มหาวิทยาลัยพายัพ (พัฒนาจากวิทยาลัยพยาบาลและผดุงครรภ์แมคคอร์มิค) ทั้งยังตั้งโบสถ์คริสจักรหลายแห่งเพื่อเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของคริสเตียน

          - ชาวอังกฤษเข้ามาทำไม้ (บริษัทบอร์เนียว)

          - ชาวฝรั่งเศสเข้ามาเพื่อเหตุผลทางการเมือง
         

   ชาวซิกข์จากแคว้นปัญจาบในอินเดีย เมื่อ 90 ปีมาแล้วมาตั้งวัดอยู่คนละฝั่งถนนเล็กๆที่ติดกำแพงวัดเกต

          - คนจีนยูนนาน หรือเรียกว่า จีนฮ่อ มีทั้งฮ่อภาห้ากินเนื้อหมู นับถือศาสนาพุทธ ฮ่อภาษีกินเนื้อภาษีนับถือศาสนาอิสลาม

          - มุสลิมที่ไม่ใช่คนจีน มีโรงเรียนและสุเหร่าตั้งอยู่ในย่านนี้ด้วย

          - และผู้มีบทบาทสำคัญในด้านแรงงานยุคนั้นได้แก่ ขมุ ที่มาจากเมืองชัยบุรีในประเทศลาว

                    

        ทุกเชื้อชาติที่กล่าวมานี้ มีการแต่งงานผสมผสานกลมกลืนกลายเป็นคนเมืองย่านวัดเกต เป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน เอื้ออาทรต่อกันประดุจพี่น้อง นับได้ว่าบ้านวัดเกต เป็นศูนย์รวมคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างศาสนา โดยมีคนเชื้อสายจีนนับถือศาสนาพุทธเป็นคนส่วนใหญ่ในย่านนี้



          ปัจจุบันศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญของย่านวัดเกต คืออาคารบ้านเรือนที่งดงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าตลอดสองฟากถนน เช่น บ้านอรพินท์ บ้านนิมมานเหมินท์ บ้านสี่เสาหกเสา บ้านคุณารักษ์ บ้านท่าช้าง บ้านเหลี่ยวย่งง้วน (เดอะแกลลอรี่) บ้านเบนนิวาส ที่เคยเป็นสำนักงานบริษัทบริติชบอร์เนียว อาคารบางหลังยังคงใช้เป็นที่อยู่อาศัยแต่บางหลังก็ทำเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ผับ นอกจากนี้ บนถนนนี้ยังมีขนมของว่างดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงของวัดเกตุ เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู สูตรลุงจรและขนมตาลตระกูลเข็มเพชร์



      
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #141 เมื่อ: 05 พฤศจิกายน 2557, 12:39:28 »

        น้องเริง คุณเหยง พี่ป๋อง พี่หล้า ทริปนี้น่าสนุกมากยิ่งอ่านยิ่งชอบเชียงตุงเมืองลา ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ
          ว่ามีประวัติศาสตร์ มีไกด์กิตติมศกดิ์แบบพี่หล้าและน้องเริง เป็นทริปที่ยอดๆ
      บันทึกการเข้า

เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #142 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2557, 10:09:39 »

อากาศที่เชียงตุงวันนี้ ๖ ถึง ๙ พย. เริ่มเย็นแล้ว

 วันพฤหัสบดี
มีโอกาสเกิดฝนตก. สูงสุด 27° C. 
 วันพฤหัสบดีตอนกลางคืน
มีโอกาสเกิดฝนตก. ต่ำสุด 13° C. 
 วันศุกร์
ฝนตก. สูงสุด 25° C. 
 วันศุกร์ตอนกลางคืน
ฝนตก. ต่ำสุด 14° C. 
 วันเสาร์
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. สูงสุด 26° C. 
 วันเสาร์ตอนกลางคืน
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. ต่ำสุด 12° C. 
 วันอาทิตย์
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. สูงสุด 28° C. 
 วันอาทิตย์ตอนกลางคืน
มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง. ต่ำสุด 13° C. 
 
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #143 เมื่อ: 06 พฤศจิกายน 2557, 10:27:05 »

กลุ่มทัวร์เชียงตุง พักที่นี่หรือไม่เอ่ย

                                  


          
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #144 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:00:08 »

ครับ พี่ต้อย

ผมได้ยินชื่อเชียงตุงครั้งแรกๆ เมื่อเป็นเด็ก ด้วยคนแถวบ้าน 2 คน เขาเล่าว่าเขาเป็นทหารเกณฑ์ และไปรบที่เชียงตุง หนึ่งในสองท่านนี้ได้สาวเชียงรายมาเป็นภรรยาด้วย ลูกๆเขายังอยู่แถวบ้านจนถึงปัจจุบันนี้

ดังนั้น การไปเชียงตุงเป็นความตั้งใจเดิมๆอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับช่องแคบมะละกา ได้ยินมาเมื่อเป็นเด็กและได้ไปเห็นตามที่ตั้งใจแล้วเช่นกัน  


ไกลๆโน้นเป็นอินโดนีเซีย


แต่จะมีการสร้างสะพานข้ามช่องแคบนี้แล้ว
รัฐมะละกาของมาเลเซียปัดฝุ่นแผนสร้างสะพานยาวร่วม 50 ก.ม. มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท เชื่อมเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ภายใต้โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ
มุขมนตรีของมะละกา ไอดริส ฮารอน กล่าวเมื่อวันอังคารว่า รายละเอียดของโครงการเชื่อมโยงเมือง Teluk Gong ในมะละกาบนแหลมมลายู กับท่าเรือ Dumai บนเกาะสุมาตรา จะมีการเปิดเผยเมื่อจัดทำกลไกรองรับต่างๆแล้วเสร็จ
แผนการก่อสร้างสะพานข้ามช่องแคบมะละกา เชื่อมโยงมาเลเซียกับอินโดนีเซียทางรถยนต์
หากมีการก่อสร้าง สะพานแห่งนี้จะทอดข้ามเส้นทางเดินเรือที่จอแจที่สุด ด้วยความยาว 48.69 ก.ม. ซึ่งยังไม่รวมทางหลวงที่จะสร้างระหว่างดูไมกับปาเลารูปัต ซึ่งเป็นจุดเชื่อมที่ใกล้ที่สุด ระยะทาง 71.2 ก.ม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #145 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:37:57 »

เริง


พี่หลั่น-รัตนาพร ได้รับเอกสารแล้วครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #146 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:38:29 »

เมืองที่ชอบจะไปสองครั้ง (ก่อน) เช่น มะละกา ปีนังและเชียงตุง

แต่หลวงพระบางเพิ่งไปได้ครั้งเดียว น่าจะมีครั้งที่สองอีกแน่
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #147 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:40:10 »

อ้อ..เกือบลืมครับ


ได้รับเงินมัดจำงวดแรกแล้วด้วย
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #148 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:41:08 »

อ้างถึง
ข้อความของ Dtoy16 เมื่อ 05 พฤศจิกายน 2557, 12:39:28
        น้องเริง คุณเหยง พี่ป๋อง พี่หล้า ทริปนี้น่าสนุกมากยิ่งอ่านยิ่งชอบเชียงตุงเมืองลา ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ
          ว่ามีประวัติศาสตร์ มีไกด์กิตติมศกดิ์แบบพี่หล้าและน้องเริง เป็นทริปที่ยอดๆ

คุณต้อย

ยังทันนะครับ เพราะเห็นว่าเต็มที่ได้ 28 ที่
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #149 เมื่อ: 07 พฤศจิกายน 2557, 13:43:03 »

ครับผม ขอบคุณมาก

วันที่ ๒๓ เดือนนี้ จะซื้อตั๋วรถไฟไปเชียงใหม่ล่วงหน้าสองเดือน

ถึงเชียงใหม่จะไปย่านวัดเกตก่อน แล้วนั่งรถบัสไปเชียงรายตามเส้นทางที่ไม่ได้ผ่านหลายปีแล้วและนั่งยาวถึงแม่สายโดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๕ ชั่วโมง อาจถึงแม่สายประมาณ ๑ ทุ่มครับ
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 13  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><