23 พฤศจิกายน 2567, 07:05:49
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 27  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยวอีก  (อ่าน 285894 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #550 เมื่อ: 10 มีนาคม 2558, 18:46:47 »

ค่ำแล้ว ไม่ได้ไป..กลับก่อน

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #551 เมื่อ: 13 มีนาคม 2558, 10:44:01 »

ที่จันทบุรี



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #552 เมื่อ: 13 มีนาคม 2558, 21:26:06 »



      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #553 เมื่อ: 13 มีนาคม 2558, 21:37:14 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #554 เมื่อ: 13 มีนาคม 2558, 21:41:58 »

ถนนสายสำคัญ...แยกจากเส้นหลักสู่น้ำตกพลิ้ว. หรือว่าเป็นเส้นทางเสด็จประพาสเดิม





ถนนสายสำคัญนี้

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #555 เมื่อ: 13 มีนาคม 2558, 21:54:30 »

โบราณสถาน

อดีตตึกบัญชาการของฝรั่งเศส








      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #556 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 06:32:05 »

กลับล่ะ




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #557 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 09:10:39 »

และซื้อสินค้าชุมชนกลับด้วย

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #558 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 20:12:43 »

ครับ
เหมือนกับประเทศที่พระองค์ท่านได้เคยเสด็จ
มีถนน"จุฬาลงกรณ์ "

ตรงไปน้ำตกพลิ้ว




ต้นถนน



 
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #559 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 20:21:31 »

สวัสดีเริง

ไม่ได้เข้า "มาตามครูไปเที่ยว" นานเป็นครึ่งเดือนทีเดียว
ภาระนอกบ้านยังมากอยู่ครับ
ต้องออกจากบ้านก่อน 8 โมงเช้าเป็นประจำ กลับก็มีย่ำค่ำเช่นกัน
ถึงวันพุธหน้าทีเดียว
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #560 เมื่อ: 14 มีนาคม 2558, 20:23:02 »

เวลาเปิดไลน์ยังไม่มีเลยครับ
เป็นการทำงานในฐานะ กรรมการธรรมภิบาลจังหวัดนครสวรรค์
ออกไปสอดส่องการใช้งบประมาณปี 2558 ของงบจังหวัดนครสวรรค์
ในการก่อสร้าง 15 อำเภอของจังหวัด
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #561 เมื่อ: 15 มีนาคม 2558, 15:39:42 »




ถนนจุฬาลงกรณ์ที่สวีเดน. ตั้งชื่อตามที่พระองค์ได้เสด็จเมื่อพ.ศ.2440
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #562 เมื่อ: 16 มีนาคม 2558, 09:16:34 »

รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสยุโรปถึง 2 ครั้ง ในครั้งแรกพ.ศ.2440  เสด็จประพาสสวีเดนด้วย พระองค์เสด็จยังกรุงสต็อกโฮล์ม (Stockholm) เมืองหลวงของสวีเดน แล้วเสด็จขึ้นไปทางตอนเหนือด้วยเรือและรถไฟ กระทั้งถึงบิสโกเด้น (Bispgarden) เมืองเล็กๆ ในรากุนดา ซึ่งมีถนนสายหนึ่งที่พระองค์ท่านเคยเสด็จพระราชดำเนินผ่านในขณะนั้น เป็นเพียงถนนสายเล็กๆ เรียกกันว่า ถนนจุฬาลงกรณ์ (King Chulalongkorn’s Road) ซึ่งเป็นการเรียกขานชื่ออย่างไม่เป็นทางการในเวลาต่อมา

 หลังจากนั้นราวอีก 50 ปี ทางรัฐบาลสวีเดนร่วมกับหน่วยงานภาคธุรกิจเอกชนได้ทำการบูรณะ ติดตั้งป้ายชื่อถนนจุฬาลงกรณ์ไว้อย่างเป็นทางการ ต่อมาเมื่อมีคณะนักศึกษาระดับปริญญาเอกเดินทางไปศึกษาต่อที่สวีเดน ด้วยความที่เป็นนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทางคณะอาจารย์ที่มหาลัยสวีเดนจึงบอกกับนักศึกษากลุ่มนั้นว่า ที่นี่มีถนนชื่อจุฬาลงกรณ์ด้วย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #563 เมื่อ: 16 มีนาคม 2558, 14:41:46 »

ถนนสยามที่ฝรั่งเศส




ถนนสยาม (ฝรั่งเศส: Rue de Siam) เดิมชื่อ ถนน Saint-Pierre (ถนนนักบุญปีเตอร์) เป็น ถนนที่ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นอนุสรณ์ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงส่งคณะทูต (นำโดย โกษาปาน) ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่พระราชวังแวร์ซาย โดยมีกำหนดการเข้าเฝ้าเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2229

คณะราชทูตสยามเดินทางมาโดยทางเรือ มาขึ้นบกที่ท่าเรือเมืองแบร็สต์นี้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2229 ถือเป็นจุดแรกที่เข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส และเดินทางผ่านถนนสายดังกล่าว ต่อมา ชาวเมืองจึงได้เปลี่ยนชื่อถนนเป็นถนนสยาม เพื่อระลึกถึงการเดินทางของคณะราชทูตครั้งนี้ โดยเริ่มใช้ชื่อดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2354
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #564 เมื่อ: 16 มีนาคม 2558, 14:52:07 »

ครับ ชื่อถนนทั้งสามสายต่างมีที่มาในประวัติศาสตร๋อย่างน่าสนใจยิ่ง .ต่างประเทศ..ต่างเวลาและต่างที่มาของชื่อ

_ถนน ร.5 เสด็จ
_ถนนจุฬาลงกรณ์
_ถนนสยาม
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #565 เมื่อ: 19 มีนาคม 2558, 21:12:57 »

ยังมีอีก  1 แห่งทีเมืองปีนังมีชื่อซอยว่ากรุงเทพ

เป็นแหล่งพักดั้งเดิมของคนสยาม ใกล้กับวัดไทย.ที่นั่นด้วย



สภาพบ้านในซอยนี่้


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #566 เมื่อ: 21 มีนาคม 2558, 06:06:32 »


การปฏิรูปการศึกษาของไทย เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานมากสำหรับสถาบันการศึกษาไทย ไม่ว่าจะมองในมิติใดก็กลายเป็นเรื่องที่ล้มเหลวและเหลวไหลในทุกๆ มิติ มองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ล้าหลัง เป็นเรื่องของความด้อยพัฒนา เป็นเรื่องของการให้เสมียนบริหารการศึกษา เพราะว่ามีเสมียนเป็นใหญ่ พยายามที่จะทำให้นักวิชาการกลายเป็นเสมียน ความเหลวไหลนำการศึกษาไปผูกกับประเพณีและพิธีกรรม การศึกษาไทยมีรสนิยมต่ำ มิติของการศึกษาที่สร้างคนให้เป็นขอทาน มิติของการวิ่งตามโลก "ตามเขาว่าเก่ง ทำเองว่าโง่" สรุปรวมๆ แล้วเห็นว่าการปฏิรูปศึกษาไทยเป็นเรื่องที่เหลวไหลและเลื่อนลอย

สิ่งสำคัญก็คือ ผู้บริหารการศึกษาไม่รู้จักการศึกษาที่มีคุณภาพ ไม่รู้ว่าคุณภาพที่ดีนั้น จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร เมื่อพูดถึงการปฏิรูปการศึกษา คนที่มีอำนาจกลับเป็นบุคคลที่ล้าหลัง อยู่ในโลกอดีต เชย ไม่มีรสนิยม ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาไทยจึงเป็นการสร้างปัญหา สร้างระเบียบมากกว่า เป็นการสร้างภาระต่อทุกคน และเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลง พูดอีกกี่ครั้ง พูดอีกกี่ปี ก็ไม่สามารถปฏิรูปได้สำเร็จ

ความล้าหลังของกระทรวงศึกษาธิการ มีตั้งแต่ความล้าหลังของคนทำงานที่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ความล้าหลังของโครงสร้างกระทรวง ความล้าหลังของประเพณีและพิธีกรรม ความล้าหลังเรื่องวิถีชีวิตของคนในกระทรวง ความล้าหลังของความรู้เทคโนโลยีในกระทรวง ความล้าหลังของสิ่งแวดล้อมทั้งในและรอบๆ กระทรวง และความล้าหลังของขั้นตอนในการทำงานของคนในกระทรวง เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการศึกษาทั้งสิ้น

เมื่อเวลาผ่านไป การปฏิรูปการศึกษาก็กลายเป็นเรื่องที่เหลวไหลและเลื่อนลอย ไม่น่าเชื่อถือและไม่มีใครฟังอีกต่อไป



การศึกษาไทยเป็นเมืองขึ้นตะวันตก เป้าหมายของการศึกษาไทยคือเพื่อความสำเร็จ ความสำเร็จคือให้ได้กำไร "เรียนเพื่อให้รวย" ความร่ำรวยก็คือกำไร และกำไรก็คือเงิน คนมีเงินได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ คนมีเงินทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ความจริงของการศึกษาไทย ศึกษาเพื่อหาความร่ำรวย แม้ทำโดยการเอาเปรียบคนอื่นก็ทำ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน เมื่อมีเงินแล้วก็จะแสวงหาเกียรติ เมื่อได้เกียรติแล้วก็จะแสวงหาอำนาจ เมื่อคนได้เงิน ได้เกียรติ และได้อำนาจแล้ว ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แม้ว่าคนที่มีอำนาจจะนั่งตายบนอำนาจก็ตาม

เมื่ออยากรวยเร็ว ก็ต้องจัดการศึกษาที่จะประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุด ก็คือ "การซื้อความสำเร็จ" นำความสำเร็จมาใช้ ซื้อทั้งความรู้ ซื้อทั้งระบบ บางครั้งการศึกษาก็ไม่เหลือตัวตนอีกต่อไป

การศึกษาไทยจึงต้องปีนป่ายเพื่อไปอยู่ในที่สูงๆ ให้ได้ เพื่อให้อยู่เหนือคนอื่นๆ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะฉกฉวยโอกาสได้มาก ฉกฉวยทุกอย่างในชีวิต ทั้งเงิน เกียรติ และอำนาจ การใช้เงินซื้ออำนาจ ซื้อความรู้ ซื้อเกียรติ วิธีการที่นิยมใช้มากคือการซื้อความรู้ ไทยจึงตกเป็นเมืองขึ้นทางการศึกษา แม้แต่ความฝันก็ยังฝันเป็นเมืองขึ้น

ปรัชญาการศึกษาไทย "ตามเขาว่าเก่ง ทำเองว่าโง่" เนื่องจากการจัดการศึกษาเป็นเรื่องของโอกาส "มือใครยาว สาวได้สาวเอา" คนที่มีโอกาสก็จะทำอะไรได้ง่ายกว่าและมากกว่า เมื่อคนที่มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างดีจากประเทศมหาอำนาจ คนที่มีโอกาสเหล่านั้นก็จะนำโอกาสน้อยๆ มาให้กับเด็กไทยทั่วไป เด็กไทยได้รับการศึกษาแบบอาณานิคม โดยมีความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นโดยธรรมชาติ คนที่ได้รับการศึกษาที่สูงส่งเหล่านั้นก็พยายามที่จะรักษาสภาพความเหนือกว่า จึงต้องชื่นชมการศึกษาของมหาอำนาจ ชื่นชมรสนิยมมหาอำนาจ ทำให้การศึกษาไทยตกเป็นเมืองขึ้น ตกเป็นอาณานิคมทางการศึกษา ตกเป็นอาณานิคมทางวัฒนธรรม และตกเป็นอาณานิคมวิถีชีวิต รู้สึกภาคภูมิใจเมื่อได้เลียนแบบ รังเกียจตัวเองแต่กลับชื่นชมความเป็นอื่น

การจัดการศึกษาไทยสร้างคนให้เป็นขอทาน เมื่อการศึกษาถูกตัดรากเหง้าของการเรียนรู้ ก็ต้องรอคอยความรู้ รอคอยทุกอย่างให้คนอื่นมาช่วยเหลือ คอยหนังสือแจก คอยนมแจก คอยดินสอแจก คอยคอมพิวเตอร์แจก คอยเสื้อผ้าแจก คอยอาหารกลางวันแจก คอยความรู้ทางไกลแจก ฯลฯ ครูไม่สามารถช่วยตัวเองได้ นักเรียนก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ครูอ่านหนังสือไม่ออก นักเรียนก็อ่านหนังสือไม่ออก ต้องคอยเครื่องมือที่จะช่วยให้อ่านออก ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาอย่างยถากรรม สร้างให้เด็กไทยเป็นขอทานคอยของแจก เมื่อไม่มีใครแจกก็จะร้องเรียกสิทธิ โดยไม่คิดที่จะช่วยตัวเอง สร้างให้เด็กไทยงอมือและงอเท้า

การจัดการศึกษาเพื่อให้คนออกไปหางานทำ เด็กจึงตกงาน แต่การศึกษาไม่ได้สร้างคนที่ฝีมือเพื่อให้คนช่วยตัวเองได้ สร้างคนออกไปหางาน ซึ่งจะต้องมีฝีมือ มีความคิดสร้างสรรค์ ขยันเรียนรู้ เอาใจใส่และตั้งใจทำงาน

การศึกษาไทยสอนให้คน "ชั่วจนโง่" การศึกษาของเด็กที่โรงเรียน พบว่าเด็กเรียนแล้วเป็นคนดีน้อยลง เห็นแก่ตัวมากขึ้น ชั่วมากขึ้น ทั้งๆ ที่เด็กทุกคนเกิดมาเป็นเด็กที่บริสุทธิ์สดใส เมื่อไปโรงเรียนแล้วเด็กติดเชื้อความชั่วมาจากโรงเรียน ทั้งๆ ที่พ่อแม่จะต้องใช้เงินซื้อการศึกษาให้กับลูก เมื่อส่งลูกให้ได้รับการศึกษาแล้ว พ่อแม่มีฐานะยากจนลง ไปโรงเรียนมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เด็กมีแต่ค่าใช้จ่าย เด็กไม่สามารถสร้างงานเพื่อเป็นรายได้ให้กับครอบครัวได้ ครอบครัวกลับยากจนลง และเด็กไม่สามารถเรียนรู้อะไรที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น กลับเอาตัวไม่รอด ช่วยชีวิตตัวเองไม่ได้ มีแต่จะโง่มากขึ้น

ในขณะที่ผู้บริหารการศึกษากลับมีฐานะดีขึ้น มีตำแหน่งสูงขึ้น มีเงินเดือนมากขึ้น มีความสะดวกสบายขึ้น มีอำนาจมากขึ้น ได้สิ่งตอบแทน ได้เรียนต่อสูงขึ้น อยู่ห่างไกลจากชาวบ้านมากขึ้น ส่วนการศึกษาของเด็กส่วนใหญ่กลับแย่ลง ครูที่สอนเด็กก็มีความรู้น้อย รายได้น้อย ไม่มีแม้แต่ตำแหน่ง ไม่มีหลักประกัน



นโยบายการศึกษาไทย โง่อย่างมีหลักการ ทำให้การศึกษาล้มเหลวอย่างเป็นระบบ กระบวนการจัดการศึกษาของไทยเป็นเรื่องของคำสั่งและอำนาจจากข้างบนลงข้างล่าง ในขณะที่ธรรมชาติของการศึกษาเป็นเรื่องของความเจริญงอกงาม เกิดจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ค่อยๆ โตขึ้นๆ เมื่อกระบวนการสวนทางกับธรรมชาติก็ทำให้การศึกษาชุลมุนชนกัน สูงขึ้นก็ไม่ถึงยอด ต่ำลงก็ไม่ถึงดิน ชนกันหน้าเยินอยู่ตรงกลาง ผู้มีอำนาจก็มีผู้นำอยู่คนเดียว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเสมียนที่จะต้องทำตามคำสั่ง

หากผู้นำการศึกษาเป็นผู้รู้ "ผู้รู้เป็นผู้ชี้" รับรองได้ว่าการศึกษาไทยต้องเจริญ แต่ผู้นำการศึกษาไทยส่วนใหญ่แล้วไม่รู้ คือ "ไม่รู้ไม่ชี้" และ "ไม่รู้แล้วชี้" ซึ่งเป็นอันตรายต่อการศึกษาชาติอย่างรุนแรง เพราะโง่อย่างเรื้อรัง จึงไม่มีโอกาสที่จะพัฒนาให้การศึกษาชาติก้าวไปข้างหน้าได้

เด็กที่มีพ่อแม่แข็งแรงก็จะก้าวไปได้ตามกำลังของพ่อแม่โดยไม่ต้องง้อหน่วยงานการศึกษาของรัฐ ส่วนเด็กที่เป็นชนชั้นล่าง ก็ต้องอาศัยการศึกษาของรัฐ ซึ่งก็จะได้รับการศึกษาที่พัฒนาไปอย่างยถากรรม เพราะต้องขึ้นกับนโยบายรัฐ การศึกษาไร้ความแน่นอน เชื่อถือไม่ได้ คาดเดาไม่ได้ การศึกษาไทยจะเป็นอย่างไร จะไปทางไหน เรียนจบแล้วจะออกไปทำอะไรไม่รู้ บอกได้แต่เพียงว่าเด็กได้ไปโรงเรียนแล้ว เรียนรู้อะไรบ้างก็ไม่รู้ จบออกไปทำมาหากินอะไรก็ไม่รู้

หากผู้นำการศึกษาไทยใจกว้างพอ ยอมปล่อยให้แต่ละชุมชนจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ตามความจำเป็นและความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น โดยรัฐให้การสนับสนุนเรื่องงบประมาณ แน่นอนว่าการศึกษาจะเติบโตในอัตราที่แตกต่างกันและไม่เหมือนกัน ในที่สุดการศึกษาทุกท้องถิ่นก็จะเจริญตามความต้องการของชุมชน ผู้บริหารการศึกษามีหน้าที่เพียงให้การสนับสนุนให้เจริญเท่านั้น

หากขาดเงินในการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขอเสนอให้ยุบกระทรวงศึกษาธิการให้เล็กลง จาก 6,000 คน ให้เหลือ 600 คน เอาไว้เฉพาะฝ่ายนโยบายและเสมียน ที่เหลือส่งให้ไปสอนหนังสือเด็กให้หมด ต่อมาก็ยุบสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ยกให้สภามหาวิทยาลัยต่างๆ ทำงานแทน ยุบสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ปล่อยให้โรงเรียนและชุมชนจัดการเรื่องคุณภาพการศึกษา ยุบสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) โดยมอบให้ทุกโรงเรียนและชุมชนทำหน้าที่ประกันและประเมินแทน

และสุดท้ายขอให้ยุบสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเสีย เพราะไม่มีงานทำมานานแล้ว หากทำได้เช่นนี้ กระทรวงศึกษาธิการจะมีงบประมาณเหลือให้กับโรงเรียนอีกจำนวนมาก

 
โดยสุกรี เจริญสุข มติชน. 20 มีค.
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #567 เมื่อ: 22 มีนาคม 2558, 11:02:43 »

ศาสตราจารย์ศรีราชา วงศารยางกูร ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่ควรจะมีซูเปอร์บอร์ดเข้ามาบริหารจัดการระบบ แต่จะต้องปราศจากนักการเมือง เพราะนักการเมืองทำระบบการศึกษาเสีย ทุกวันนี้กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงเกรดเอ เพราะเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุด แต่มีคุณภาพต่ำ เพราะทุกครั้งที่มีการปรับรัฐบาลก็จะมีการปรับเงินเดือนข้าราชการครู ทำให้ครูและนักการเมืองเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้น ในการจะปฏิรูปการศึกษาจะต้องมีการล้มล้างระบบเดิมทิ้งไปให้หมด และพัฒนาโรงเรียนและครูให้มีประสิทธิภาพ โดยจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้และคุณธรรมจริยธรรม โดยเฉพาะระบบการศึกษาในท้องถิ่น

นอกจากนี้ ส่วนตัวยังเห็นว่าควรจะเลิกระบบการกวดวิชา และดึงบุคลากรเหล่านั้นมาช่วยผลิตสื่อการเรียนการสอนป้อนให้กับการศึกในระบบ เพราะถือเป็นผู้ที่มีคุณภาพ

มติชน..21 มีค.
      บันทึกการเข้า
Dtoy16
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424

« ตอบ #568 เมื่อ: 24 มีนาคม 2558, 12:33:36 »

           ตามครูมาเที่ยวไม่ทันเที่ยวตั้งหลายๆวัน
           ด้วยงานๆๆแต่ที่ปลื้มคือเจอน้องหอ2520
           ที่งานรับเสด็จพระเทพ และส่งมอบศูย์การเรียนรู้
          ร.รเขาส่องกล้อง บ้านนา นครนายก

          จะเป็นใตร น้องน่ารักมากพอบอกเป็นพี่ซีมะโด่งหอ
          ดร.กมล รอดคล้าย
      บันทึกการเข้า

เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #569 เมื่อ: 24 มีนาคม 2558, 12:51:44 »

เขารหัส  2520. ครับ



      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #570 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 10:58:06 »

สวัสดี เริง

เข้ามา"ตามครูไปเที่ยวอีก"
หลังจาก หายหน้า-หายตา ไปหลายวัน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #571 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 10:59:43 »

ืครับ
เข้ามาชมบ่อยๆนะครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #572 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 11:03:22 »

ภาพบ้านเคยอยู่ประจำจนถึงอายุ16 ปี  ก่อนมาเรียนที่โรงเรียนทวีธาภิเศก ใกล้วัดแจ้ง

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #573 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 11:19:14 »

คงเข้าได้บ่อยครั้งขึ้นครับ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สายโทรศัพท์ยังเร่ยดินอยู่เลย
ไฟฟ้ากำลังเปลี่ยนเสาไฟอยู่ครับ
ระยะทางนับสิบกิโล
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #574 เมื่อ: 26 มีนาคม 2558, 18:21:32 »

26 มีนาคม




วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2558 เป็นวันครบรอบ 98 ปี แห่งการสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ

ผมได้รับเอกสารจากศูนย์สื่อสารองค์กรจุฬาฯแจ้งว่าจะมีการจัดงานเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา จึงขออนุญาตนำมาสรุปให้ชาวจุฬาฯได้รับรู้รับทราบไว้ เผื่อจะมีใครแวะกลับไปเยี่ยมเยียนสถาบันเก่าตามห้วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผมจะขอไล่เรียงไปตามลำดับ ตั้งแต่เช้าจดคํ่าดังที่เคยปฏิบัติมานะครับ

จริงๆแล้วผมตั้งใจจะเขียนให้ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อให้ศิษย์เก่าเตรียมตัวล่วงหน้า...เผอิญมีข่าวด่วนเข้ามาว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวนยู รัฐบุรุษของสิงคโปร์ถึงแก่อสัญกรรม ผมก็เลยต้องรีบเขียนถึงท่านเสียก่อนเพื่อไม่ให้ตกข่าวใหญ่

แต่ยกมาเขียนวันนี้ก็ยังทันครับ สำหรับท่านที่อ่านกรอบล่วงหน้า หรือแม้แต่อ่านกรอบประจำวันก็ยังทันอยู่ดี เพราะเขามีงานตลอดทั้งวัน

เริ่มจาก 07.00 น. จะมีพิธีทำบุญตักบาตร ณ บริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระปิยมหาราช และ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ซึ่งในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯทรงบาตรด้วยในเวลาดังกล่าว

เวลา 08.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะผู้เข้าร่วมบรรพชาและอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 เข้าเฝ้า เพื่อกราบถวายบังคมลาบรรพชาและอุปสมบท ณ ห้อง 114 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จากนั้นเวลา 10.00 น. เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงดนตรีไทยป่ีพาทย์ดึกดำบรรพ์ ณ หอประชุมจุฬาฯ

ในช่วงบ่ายเริ่มจาก 13.00 น. ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดแพรคลุมป้าย ศูนย์ “เพชรรัตน์” นิติทรัพยากร ณ คณะนิติศาสตร์ เวลา 13.30 น. ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “อาคารมูลนิธิสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” และ เวลา 14.00 น. ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา”

ส่วนในช่วงเย็นตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานรอบศาลาพระเกี้ยว จะมีงาน “98 ปีคืนเหย้า เพราะใจเราคือจุฬาฯ” มีทั้งอาหารการกิน และการแสดงรื่นเริงบันเทิงใจไปเรื่อยๆ เหนื่อยเมื่อไรก็เลิกเมื่อนั้น.  ไทยรัฐ 26. มีนาคม
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 27  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><