23 พฤศจิกายน 2567, 07:13:45
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 27  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยวอีก  (อ่าน 285933 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #250 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2557, 13:13:02 »

ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ราชอาณาจักรสยามประกาศสงครามต่อเยอรมนี เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 1917 และตัดสินใจส่งกองทหารอาสา จำนวน 1,284 นาย ไปประเทศฝรั่งเศส

แล้วกลุ่มทหารเหล่านี้ เป็นใครกันบ้างและไปฝรั่งเศสได้อย่างไร ?

-กระทรวงกลาโหมได้ประกาศรับสมัครทหารอาสาและคัดเลือกจนเหลือ 1,284 นาย แบ่งเป็น 3 หน่วย คือกองทหารบกรถยนต์ กองบินทหารบก และกองพยาบาล

กองทหารอาสาทั้งหมดออกเดินทางจากท่าราชวรดิฐ ในวันที่ 19 มิถุนายน 2461 โดยเรือกล้าทะเลและเรือศรีสมุทรเพื่อไปขึ้นเรือแอมไพร์ ซึ่งฝรั่งเศสส่งมารับที่เกาะสีชังเพื่อเดินทางต่อไปสิงคโปร์ ลังกา สุเอซ ถึงเมืองมาร์แชลล์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2461



ทหารอาสาของไทย โดยเฉพาะกองทหารบกรถยนต์ได้มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติการรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารฝรั่งเศสอย่างกล้าหาญและได้รับคำชมเชยอย่างมาก

กระทั่งวันที่ 6 พฤศจิกายน 2461 เยอรมนีได้ติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตรขอเจรจาสงบศึก จากนั้นในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2461 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสงบศึกบนรถไฟ ณ เมืองคองเปียน ประเทศฝรั่งเศส
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #251 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2557, 13:25:13 »

การกลับสู่มาตุภูมิของวีรบุรุษไทยแห่งสงครามเป็นไปอย่างอบอุ่นและสมเกียรติ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวต้อนรับกองทหารอาสาเสร็จแล้วทรงประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีพระราชทานแก่ธงชัยเฉลิมพล และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญที่ระลึกในราชการสงครามทวีปยุโรปแก่ทหารอาสาทุกนายเพื่อบำเหน็จความชอบ

นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างอนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของสนามหลวงเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงเกียรติประวัติทหารอาสาของไทย รวมทั้งเป็นที่บรรจุอัฐิทหารที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติการรบจำนวน 19 นาย ซึ่งพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาคารวะดวงวิญญาณของทหารกล้าของชาติด้วยพระองค์เอง


                        

 เรื่องและภาพ....เดลินิวส์
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #252 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2557, 14:25:39 »

ข่าวจากออสเตรเลีย..โดย มติชน

ยิ่งกว่าละคร! ฮือฮา หญิงแต่งกับ"ผู้บริจาคอสุจิ"ผู้เป็นพ่อของลูก ดั้นด้นตามหา ก่อน"ตกหลุมรัก"



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หญิงออสเตรเลียรายหนึ่ง เตรียมแต่งงานกับผู้บริจาคอสุจิผู้เป็นพ่อของลูกเธอ ภายหลังได้ตามหาเขาและตกหลุมรักชายผู้นี้ ขณะที่ฮอลลีวุดเล็งจะนำเรื่องราวคล้ายละครนี้สร้างเป็นภาพยนตร์

รายงานระบุว่า นางอมินาห์ ฮาร์ท วัย 45  ปี ได้รับการบริจาคอสุจิเพื่อนำไปผสมเทียมให้กำเนิดลูก จากผู้บริจาคปริศนารายหนึ่ง หลังจากเธอมีเคยมีลูกกับสามีเก่า 2 คนแต่เสียชีวิตทั้งหมด เพราะเธอมีเชื้อพาหะของโรคทางพันธุกรรมบางประเภทที่จะส่งผลกระทบต่อลูกที่เป็นผู้ชาย โดยเธอได้เลือกอสุจิของผู้บริจาครายหนึ่งซึ่งศูนย์บริจาคระบุข้อมูลว่าเป็นโค้ชฟุตบอลและนักเพาะพันธุ์วัว 

ต่อมา เธอได้พยายามค้นหาตัวชายเจ้าของอสุจิจากการสืบค้นทางอินเตอร์เนท เพื่อหาชื่อของชายผู้นี้ จากข้อมูลที่เธอได้จากศูนย์บริจาคอสุจิ   และเธอได้ส่งรูปลูกสาวของเธอให้แก่ชายผู้นี้ ซึ่งปรากฎว่าเขารู้สึกซาบซึ้งผูกพันมาก เพราะหน้าตาของเด็กหญิงน้อยคล้ายกับเขามาก และทั้งสองได้พบกันครั้งแรกที่เมืองเมลเบิร์นหลัง 4 วันที่เธอให้กำเนิดลูกสาว ซึ่งชื่อว่า"ไลล่า"ก่อนที่ทั้งคู่จะตกหลุมรักซึ่งกันและกัน ก่อนประกาศหมั้นและเตรียมจะวิวาห์แต่งงานกัน

 

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #253 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2557, 15:26:47 »

นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #254 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2557, 15:29:32 »

กรณีพระราชสงครามยุโรป (สงครามโลก ครั้งที่ 1)
มีเหรียญที่ระฤกออกมาด้วยครับ
แต่ราคาแพง เนื่องจากหายากมาก
ได้แต่เฝ้ามองครับ ตกเหรียญละเกือบ 40,000 บาท
เพราะถือว่า ไปแล้วได้กลับ เป็นเหรียญปลอดภัยเหรียญหนึ่งทีเดียว


เพิ่มในห้องนี้ครับ




เหรียญรูปเสมา มีห่วงด้านบน
ด้านหน้า : รูปพระมหามงกุฎ มีตัว ร ประดับด้วยฉัตร 7 ชั้น

ด้านหลัง : มีข้อความ
                              "พระราชทาน
                                สำหรับงาน
                             พระราชสงคราม
                                   ๒๔๖๐"
เป็นเงิน ขนาด กว้าง 25.25 มิลลิเมตร ยาว 32 มิลลิเมตร

ส่วนภาพเหรียญที่เป็นเครื่องราชอิศริยาภรณ์ - ดูกระทู้ต่อไปของน้องเริงครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #255 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2557, 19:59:42 »

พี่เหยง

ใช้เหรียญนี้ไหม ฯ


เหรียญงานพระราชสงครามยุโรป

                                

ใช้อักษรย่อว่า ร.ส. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2461 สำหรับพระราชทานแก่ ผู้ไปพระราชสงครามในทวีปยุโรป คือสงครามโลกครั้งที่1
ลักษณะเป็นเหรียญเงินทรงกลม  ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระพักตร์เสี้ยว มีอักษรที่ริมขอบว่า รามาธิปติสฺยามินฺโท วชิราวุธวิสฺสุโต  ด้านหลังมีรูปวชิราวุธมีรัศมี พานรองสองชั้น มีฉัตรสองข้าง และมีอักษรที่ริมขอบว่า  งานพระราชทานสงครามในทวีปยุโรป  พระพุทธศักราช 2461 ห้อยกับแพรแถบสีเลือดหมู มีริ้วสีดำสองข้าง กว้าง 3.5 เซนติเมตร เหรียญนี้มีชั้นเดียว ไม่มีประกาศนียบัตร ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย.

 แต่ไม่มีภาพด้านหลังของเหรียญครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #256 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 08:54:10 »

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #257 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 08:58:17 »

จากอุโมงค์ใต้กำแพงเบอร์ลิน สู่อุโมงค์ในกรุงเทพฯ   

                ราล์ฟ คาบิช ตัดสินใจว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างหลังจากเขาและครอบครัวเดินทางกลับจากเมืองกอร์ลิตซ์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในเยอรมันตะวันออกติดกับชายแดนประเทศฮังการี ในราวเดือนพฤษภาคม 1964

                ในยุคนั้นถึงแม้เยอรมันถูกแยกออกเป็นสองส่วนแล้วก็ตาม แต่ชาวเยอรมันตะวันตกยังได้รับอนุญาตให้เดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องในฝั่งตะวันออกได้ด้วยการใช้หนังสือเดินทางพิเศษ แต่ชายแดนสู่ตะวันตกถูกปิดตายสำหรับชาวบ้านฝั่งตะวันออก

                “ด้วยความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ไร้เสรีภาพ และเต็มไปด้วยการกดขี่ ญาติพี่น้องผมไม่มีทางมีชีวิตรอดได้เลยถ้ายังอยู่ในฝั่งตะวันออกต่อไป”  ราล์ฟยังจำความรู้สึกตัวเองขณะนั้นได้

                สิ่งแรกที่ราล์ฟทำหลังจากเดินทางกลับมาเบอร์ลินตะวันตกคือการหาใครก็ตามที่สามารถช่วยญาติพี่น้องของเขาได้ โชคชะตาพาให้ราล์ฟไปพบกับนักศึกษาคนหนึ่งที่เป็นแกนหลักในขบวนการช่วยเหลือชาวเยอรมันตะวันออกลี้ภัยมาฝั่งตะวันตก “ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แต่ทันทีที่ผมเอ่ยปาก เขาตอบทันทีว่า ผมคิดว่าผมสามารถทำอะไรบางอย่างที่ช่วยคุณได้” ราล์ฟยังจำครั้งแรกของการพบปะกับนักศึกษากลุ่มนี้ได้

                ไม่กี่วันหลังจากนั้นราล์ฟก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนักศึกษาประมาณ 20-25 คน ที่ร่วมกันสร้างวีรกรรมที่ถูกจารึกเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กำแพงเบอร์ลินมาจนถึงทุกวันนี้
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #258 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 08:59:35 »

แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ราล์ฟและเพื่อนจะช่วยญาติๆ ให้ออกจากเบอร์ลินตะวันออกด้วยการหนีข้ามกำแพง มันสูงกว่าสามเมตร เป็นกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กที่วิ่งตลอดแนวแบ่งเขตแดนเกือบ 160 กม. แถมยังกั้นด้วยรั้วลวดหนาวอีกชั้น และยังมีป้อมยามและยามรักษาการณ์ตลอดแนว   มีชาวเยอรมันตะวันออกนับสิบแล้วที่กลายเป็นศพขณะพยายามหนีข้ามกำแพง

                เพราะฉะนั้นราล์ฟและเพื่อนจึงต้องคิดค้นวิธีที่ฝั่งตะวันออกนึกไม่ถึง นั่นคือการหนีด้วยการลอดใต้กำแพง และทางเดียวก็คือการขุดอุโมงค์

                เกือบหกเดือนเต็มๆ ระหว่างเดือนเมษายนถึงตุลาคม 1964 นักศึกษาหนุ่มกว่า 20 คน ช่วยกันใช้เครื่องมือทุกอย่างขุดอุโมงค์ลอดใต้กำแพงจากฝั่งเบอร์ลินตะวันตกไปสู่ฝั่งตะวันออก

                เป็นที่รู้กันดีว่าทุกความเคลื่อนไหวของชาวเบอร์ลินจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากตำรวจลับของรัฐบาลเยอรมันตะวันออกที่สร้างเครือข่ายการข่าวไว้ในทุกวงการ เพราะฉะนั้นราล์ฟและเพื่อนตระหนักดีว่าจะต้องทำให้ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความลับมากที่สุด  แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

                ปฏิบัติการนี้เริ่มจากการหาจุดที่จะเป็นปากอุโมงค์ ซึ่งโชคดีที่สามารถได้ร้านทำขนมปังเก่าร้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากกำแพงไม่มากนัก แต่ที่ยากคือการหาจุดที่จะเป็นปลายอุโมงค์ที่อยู่ฝั่งตะวันออก แต่ในที่สุดด้วยการประสานงานกับผู้ร่วมขบวนการในฝั่งตะวันออก ก็ได้บ้านเช่าหลังหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะปลอดภัย

                ราล์ฟเล่าให้ฟังว่า การขุดอุโมงค์ต้องทำในเวลางกลางคืนเท่านั้น เพราะกลางวันทุกคนต้องไปเรียนและพบปะผู้คนตามปกติเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย ที่สำคัญตำรวจลับฝั่งตะวันออกจะเฝ้ามองด้วยกล้องส่องทางไกลมายังฝั่งตะวันตกตลอดเวลาเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัย เวลาจะเข้าไปในบ้านก็ต้องแยกกันเข้าเป็นกลุ่มเล็กๆ ทีละสองสามคนเพื่อให้ดูเหมือนกับว่ากำลังเข้าบ้านเลี้ยงสังสรรค์กัน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #259 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 09:00:48 »

“อุโมงค์ที่เราขุดมีขนาดพอที่จะให้คนรอดผ่านได้ เพราะถ้าขุดใหญ่เกินไป เราก็ไม่รู้ว่าจะเอาดินและทรายที่ขุดขึ้นมาไปทิ้งที่ไหน” ราล์ฟเล่าถึงปฏิบัติการ ซึ่งในระหว่างนั้น ดินและทรายจากการขุดอุโมงค์ต้องเอาไปเก็บไว้ในตู้ลิ้นชัก และเครื่องอบขนมปังเก่า

                หลังจากขุดลงไปลึกประมาณ 12 เมตรและเจอะน้ำ ทีมงานก็เริ่มขุดเส้นทางตรงลอดใต้กำแพงไปยังจุดเป้าหมายฝั่งตะวันออก ในที่สุดในกลางเดือนตุลาคมปฏิบัติการขุดอุโมงค์ความยาวทั้งสิ้น 145 เมตรก็สำเร็จ ราล์ฟและเพื่อนกำลังเข้าสู่ปฏิบัติการขั้นที่สอง ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

                ผู้ร่วมขบวนการในฝั่งตะวันออกเริ่มส่งสัญญาณไปยังผู้ที่เตรียมตัวจะเป็นผู้ลี้ภัย ราล์ฟและทีมงานได้เตรียมรายชื่อของทุกคนไว้หมดแล้ว แต่การเคลื่อนไหวต้องทำด้วยความระมัดระวังเพราะตำรวจลับที่นั่นหูตาเป็นสับปะรด 

                บ้านเลขที่ 55 คือจุดนัดพบ เป็นจุดที่อุโมงค์จากฝั่งตะวันตกโผล่ขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางหลบหนี

                “ผู้ลี้ภัยทุกคนจะได้รับการนัดแนะเวลาเพื่อเดินทางไปที่จุดนัดพบ เมื่อถึงหน้าบ้านเลขที่ 55 ก็จะเคาะประตู พร้อมเอ่ยรหัสลับ คือคำว่า โตเกียว” ราล์ฟยังจำรายละเอียดทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

                มีคำถามแน่นอนว่าทำไมต้องเป็นคำว่า “โตเกียว” 

                “ปีนั้นเป็นปีที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก โดยจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว  เพราะฉะนั้นเราจึงเอาคำที่จำง่ายที่สุด เพราะอย่าลืมว่าในภาวะแบบนั้น ทุกคนจะอยู่ในภาวะกดดันและตื่นเต้น เราต้องเอารหัสลับที่ไม่ซับซ้อนเกินไป”  ราล์ฟเฉลย

                สองคืนเต็มๆ ที่ชาวเยอรมันตะวันออก 50 คน ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนหนุ่มสาว และผู้สูงอายุ ค่อยๆ ทยอยกันลอดใต้อุโมงค์ไปสู่เสรีภาพฝั่งตะวันตก ทุกอย่างดูจะเป็นไปตามแผนหมด แต่ในคืนที่สามเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #260 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 09:05:06 »

ตำรวจลับของเยอรมันตะวันออกค้นพบแผนการหลบหนี และบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 55 ขณะที่ผู้ลี้ภัยกลุ่มสุดท้ายกำลังหย่อนตัวลงไปในอุโมงค์ เกิดการต่อสู้กันขึ้น นักศึกษาคนหนึ่งยิงใส่ตำรวจเยอรมันตะวันออก

                “ตำรวจคนนั้นได้รับบาดเจ็บ แต่วันรุ่งขึ้นรัฐบาลเยอรมันตะวันออกประโคมข่าวว่าเพราะถูกนักศึกษายิงเสียชีวิต แต่การสอบสวนภายหลังพบว่าเขาตายเพราะลูกหลงจากตำรวจด้วยกันเอง” ราล์ฟเล่าถึงนาทีตื่นเต้น

                ราล์ฟทราบภายหลังว่า ที่ตำรวจลับล่วงรู้ถึงปฏิบัติการนี้ก็เพราะมีสายลับแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ร่วมขบวนการนี้ด้วย

                เหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้ปฏิบัติการของราล์ฟและเพื่อนต้องปิดฉากลง   “แต่ยังดีที่เราได้ช่วยญาติๆ และเพื่อนๆ 57 คน ให้ได้พบกับเสรีภาพ” ราล์ฟพูดถึงจำนวนคนที่ช่วยออกมาได้

                ถึงแม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาแล้วถึง 50 ปี แต่คนเยอรมันก็ไม่เคยลืมวีรกรรมอันกล้าหาญของเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น ถึงแม้จะไม่เหลือเค้าโครงเดิม บ้านเลขที่ 55 ก็ยังได้รับการรักษาไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจคนรุ่นหลัง

                ทุกวันนี้ ปฏิบัติการ “อุโมงค์ 57” ก็ยังเป็นชื่อที่นักประวัติศาสตร์ใช้เรียกขบวนการของราล์ฟและเพื่อน และยังเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการกลางแจ้งเกี่ยวกับความโหดร้ายของกำแพงเบอร์ลิน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #261 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 09:06:10 »

ไม่น่าเชื่อว่าหลังเหตุการณ์นั้น 38 ปี ราล์ฟยังต้องมาขุดอุโมงค์อีกครั้ง   แต่คราวนี้เป็นอุโมงค์ในกรุงเทพฯ และไม่ใช่เพื่อการหลบหนี แต่เพื่อเป็นเส้นทางรถไฟใต้ดิน

                “เมื่อมองย้อนกลับไป ผมถือว่าการขุดอุโมงค์ลอดใต้กำแพงเบอร์ลินเป็นการฝึกงาน” ราล์ฟเล่าติดตลก    

                ราล์ฟใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ สองปีระหว่าง 2002-2004 ในฐานะวิศวกรโยธาดูแลฝ่ายปฏิบัติของบริษัทซีเมนส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทที่สร้างระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าเขาจะรู้จักเส้นทางรถไฟใต้ดินของบ้านเรามากกว่าคนไทยทั่วไป

                ราล์ฟ ซึ่งปัจจุบันอายุ 72 ปี และครอบครัวยังกลับมาเที่ยวเมืองไทยเป็นระยะๆ เขาหลัก จ.พังงา เป็นสถานที่เที่ยวที่ราล์ฟโปรดปรานมากที่สุด

                เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อ 50 ปีที่แล้วให้ทุกคนที่สนใจฟัง เพราะราล์ฟเชื่อว่ามันจะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นถึงความเลวร้ายของสงครามและการปกครองประเทศแบบเผด็จการ เพื่อที่ความเลวร้ายแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก

---------------------------------------------

(หมายเหตุ : จากอุโมงค์ใต้กำแพงเบอร์ลิน สู่อุโมงค์ในกรุงเทพฯ  : เทพชัย หย่อง รายงาน)
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #262 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 09:20:59 »

ภาพเหรียญ อยู่ด้านบนครับ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #263 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 14:01:11 »

หนังสือเล่มนี้น่าสนใจนะครับ

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #264 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 14:42:04 »

ภาพสมัยที่ยังไม่มีอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ด้านประตูชุมพล

        
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #265 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 18:10:30 »

ต้องตามไปชิม....ไม่ไกลจากบ้านนัก

 ฮือฮา ก๋วยเตี๋ยวปทุมธานีชามละ 6 บาท คนแน่นร้านทุกวัน เผยขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 800 ชาม เสาร์-อาทิตย์ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชาม



          วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบก๋วยเตี๋ยวในราคา 6 บาท แม้ราคาสินค้าต่าง ๆ จะขึ้นราคาตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันก็ตาม ทราบชื่อเจ้าของร้านคือ น.ส.มานัส บุญตา อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 ซอยสมประสงค์ 8 ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่ง น.ส.มานัส บอกว่า ตนขายก๋วยเตี๋ยวมา 18 ปีแล้ว เมื่อ 3 ปีก่อนตนขายในราคา 5 บาท เพราะอยากให้เด็ก ๆ ซื้อหารับประทานได้

          ต่อมาปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ จึงเพิ่มราคาเป็น 6 บาท เพราะราคาสินค้าแพงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังสามารถขายได้กำไรอยู่ ปริมาณวัตถุดิบที่ใส่ในแต่ละชามก็ยังคงเท่าเดิมไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด และมีลูกค้ามาอุดหนุนมากทุกวัน ซึ่งทุกวันนี้ขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 800 ชามต่อวัน หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จะขายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชาม
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #266 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2557, 23:43:09 »

มีคนเปรียบเทียบให้ฟังครับ.........

เขาบอกว่า กาแฟรถเร่ (จยย.สองล้อเครื่องมีข้างอีก 1 ล้อ) แก้วละ 20 บาท กำไรครึ่ง/ครึ่ง
แล้วกาแฟสตาร์บั๊ค, กาแฟนกแก้ว อเมซอน แก้วละ 55 - 65 บาท กำไรเท่าไหร่ ??
งง งง
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #267 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2557, 08:18:33 »



สมเด็จพระเทพฯ‘ เสด็จฯ ตลาดเช้าอุทัยธานี พสกนิกรปลื้มปิติ

วันนี้(12 พ.ย.) บนโลกสังคมออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพจากสมาชิกเฟซบุ๊คชื่อ ทหารไทยไจกล้า ซึ่งได้โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า “สมเด็จพระเทพฯ ทรงเดินซื้อของตลาดเช้าที่ จ.อุทัยธานี และทรงทำบุญใส่บาตรพระที่ตลาดห้าแยก โดยมีพสกนิกร รอเฝ้ารับเสด็จอย่างมากมาย ”
ทั้งนี้หลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่มีชาวสังคมออนไลน์แชร์ภาพต่อออกไปเป็นจำนวนมากพร้อมกับโพสต์ข้อความว่า ‘ทรงพระเจริญ’


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #268 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2557, 20:49:47 »

พรุ่งนี้ไปงานหอฯช่วงภาคกลางคืน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #269 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2557, 16:13:15 »

เสาร์ที่ ๑๕ พย.ไปร่วมงานหอของเรา..อยู่ที่ถนนพญาไท







      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #270 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2557, 16:20:37 »










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #271 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2557, 16:32:34 »










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #272 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2557, 16:43:04 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #273 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2557, 16:47:33 »










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #274 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2557, 16:56:25 »




      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 27  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><