พี่นภ,
พี่เขียนBloggangมา 8 ปีแล้ว
เหมือนที่หนิงrunกระทู้GFGมา 7 ปี..เต็มๆ
ความตั้งใจจริงของพี่ที่ต่อเนื่องยาวนานคะ
คือตัวอย่างที่ดีที่พี่ทิ้งให้พี่น้องที่นี่ได้เลียนแบบ,
หนิงพบว่า,บันทึกสุดท้ายของพี่มีประโยชน์ต่อพี่น้อง
ผู้อาจไม่ได้เข้าเยี่ยมชมในBlogที่พี่เขียน ในบันทึกนี้
พี่เล่ารายละเอียดไว้ช่วงก่อนเข้าโรงพยาบาล จนการผ่าตัด
หลังผ่าตัด หนิงขออนุญาตพี่ นำบันทึกนี้มาลงให้พี่น้องที่นี่
ได้รำลึก นึกถึงพี่ เป็นครั้งสุดท้ายค่ะ
ไปพบแพทย์เฉพาะทาง
คิดถึงเพื่อนๆ ทุกคนเช่นเดียวกันครับ ... จขบ.ไม่ได้เข้าบล็อกประมาณ 18 วัน หลายคนคงจะแปลกใจว่าอยู่ดีๆ หายไปไหน ไม่มาเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ และไม่ยอมอัพบล็อกเรื่องใหม่ๆ เลย แต่ก็มีบ้างบางคนที่ทราบว่า จขบ.ไม่สบาย ต้องนอนพักแบบนอนกินเมืองกันทีเดียว ... บล็อกวันนี้จะขอเขียนเล่าให้ฟังนะครับ ซึ่งอาจจะไม่มีสาระมากนัก แต่ จขบ.อยากจะบันทึกเป็นประวัติในบล็อกเอาไว้ ... เพื่อนๆ ท่านใดที่ไม่ชอบอ่านเรื่องส่วนตัว กรุณาปิดบล็อกนี้ได้เลยนะครับ เกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ ... อย่างไรก็ตาม ในบล็อกนี้ จขบ.จะเขียนความคิดเห็นส่วนตัวเอาไว้ในตอนท้ายบล็อก ซึ่งอาจจะเป็นสาระประโยชน์แก่เพื่อนๆ ได้บ้าง
พฤติกรรม ... เมื่อวัยมากขึ้น ร่างกายจะลดทอนประสิทธิภาพการทำงานลงอย่างช้าๆ ทั้งสายตา การได้ยิน รวมทั้งกล้ามเนื้อจะลดความแข็งแรงลงตามธรรมชาติ ... อย่างไรก็ตาม ร่างกายอาจมีการปรับพฤติกรรมให้ไม่ต้องออกแรงมากแบบคนหนุ่มสาวเมื่อวัยมากขึ้น เช่น ไม่อยากออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกาย ไม่อยากเดินไกลๆ ไม่อยากวิ่งขึ้นบันได อยากจะขึ้นลิฟท์แทนการเดินขึ้นบันได เป็นต้น จขบ. ก็เริ่มเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ... โดยจะชอบพูดคำว่า 'ขี้เกียจ' เมื่อถึงเวลาจะต้องไปออกกำลังกาย ... ตลอดระยะเวลา 6 ปี อาจจะไม่มีใครเชื่อว่า จขบ.แทบจะไม่ได้ไปว่ายน้ำเลย เอาแต่นั่งค้นข้อมูล เซฟรูปภาพสวยๆ ชมคลิปยูทูป นับพันนับหมื่นคลิป ประมาณเวลาว่าน่าจะอยู่หน้าเครื่องคอมวันละ 10-12 ชั่วโมงทุกวัน ไม่ค่อยจะได้พักมือพักแขน และไม่ค่อยจะได้พักสายตาด้วย ... นั่งอยู่หน้าคอม ทำไปเรื่อยๆ เพลินๆ มีความสุขที่ได้ค้นข้อมูล เซฟรูปภาพ และชมคลิปยูทูป ... กาแฟ ชาเย็น ก็ดื่มที่หน้าจอคอม อาหารก็ชอบนั่งรับประทานที่หน้าจอคอม ทุกวัน ... พฤติกรรมนี้ทำภายหลังเริ่มเขียนบล็อก 2 ปี เพราะเริ่มเขียนบล็อกมาประมาณ 8 ปีแล้ว ... พฤติกรรมนี้ผู้จัดการสระ และเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ของสระก็แปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้นานนับ 15 ปี จขบ.ไปว่ายน้ำแทบทุกวัน
อาการ ... เมื่อปีที่แล้ว แขนขวาล้า ยกแขนไปด้านหลังไม่ได้ ก็ถามเพื่อนๆ ที่เป็นอาจารย์คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อนๆ บอกว่ากล้ามเนื้อคงจะล้ามาก เพื่อนๆ แนะนำวิธียืดคลายกล้ามเนื้อ ก็กายภาพบำบัดนั่นละ และแนะนำให้หยุดเล่นคอม นอนพักมากๆ ... ประมาณ 7 วันผ่านไป แขนขวาก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ... พอมาปีนี้ อิ อิ เป็นอีกแล้ว และยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย คือ 1. แสบตา น้ำตาเหนียวแบบไม่มีขี้ตาในตอนเช้า ซึ่งรักษาโดยการหยอดน้ำตาเทียม มีน้ำลายเหนียวในตอนเช้า ไม่ไอ ไม่ได้ติดเชื้อ และเหงื่อออกน้อย 2. ปวดปัสสาวะบ่อย แต่ปัสสาวะไม่ค่อยออก ถ้าออก จะออกน้อย นอนกลางคืนต้องลุกขึ้นไปห้องน้ำประมาณ 6 ครั้ง คุณหมอโรคทั่วไปบอกว่า น่าจะเกิดจากต่อมลูกหมากโต ตามอายุ แต่เป็นอาการปกติของการเสื่อมตามวัยที่มากขึ้น แค่สร้างความรำคาญ และสั่งยาให้มาทานเพื่อขยายหูรูดท่อปัสสาวะ เพราะต่อมลูกหมากที่โตจะขยายเบียดทำให้ปัสสาวะออกยาก ... คุณหมอบอกว่าหากจะรักษาให้หาย จะต้องผ่าตัด ... จขบ. ขอยอมใช้ยาดีกว่า พอยาหมดก็ไปซื้อยาขนานเดิมจากร้านขายยามาทานเองต่อ นานประมาณ 1 ปีแล้ว 3. ยกแขนขวาขึ้นไม่สะดวก มีอาการล้า ต้องใช้มือซ้ายช่วยแขนขวายก แต่ครั้งนี้ยกแขนขวาไปด้านหลังได้ อาการยกแขนขวาขึ้นไม่สะดวก ไม่มีอาการเจ็บปวด ไม่มีอาการเหน็บชา ไม่มีไข้ ไม่เคยพบอุบัติเหตุหรือถูกกระทบกระเทือน การคิด การพูด การตัดสินใจเป็นปกติดี ใบหน้า แขน รูปร่างก็เป็นปกติทุกอย่าง ... จะมีก็เพียงยกแขนขวาไม่ขึ้น เพราะ ล้า
พอเป็นอย่างนี้ จขบ.ก็เริ่มนอนพักอีก ... เริ่มนอนทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่วันอังคารที่ 8 ตุลาคม ไม่ได้ไปหาหมอหรอกครับ เป็นนิสัยที่ไม่ดี เป็นคนไม่ชอบไปหาหมอ เป็นแบบนี้มานานแล้ว เหมือนคุณพ่อและพี่ชาย ! ... ญาติหลายคนก็เป็นห่วง สุดท้ายน้องสาว 2 คนก็มารับตัวไปหาแพทย์เฉพาะทาง ที่รพ.พญาไท 2 เพราะอยู่ใกล้บ้าน ไปในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม โดยหวังจะให้ตรวจ 2 อาการ คือ ต่อมลูกหมากโต กับ แขนขวา ล้า ยกไม่ขึ้น
การตรวจอาการ ... ได้พบคุณหมอทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะก่อน มีชั่งน้ำหนัก วัดความดัน ขอปัสสาวะไปห้องแล็บ ก่อนจะเข้าไปพบคุณหมอ แต่ จขบ. ปัสสาวะยังไม่ออก ... จึงไปพบคุณหมอทางด้านกระดูกเสียก่อน คุณหมอตรวจแล้วบอกว่า แข็งแรงดี อาจจะเกี่ยวกับเส้นเอ็นที่หัวไหล่ ... จึงส่งตัวไปพบคุณหมอทางด้านเส้นเอ็น คุณหมอตรวจแล้วบอกว่า ยังไม่พบอาการผิดปกติที่หัวไหล่ แต่หากจะคาดคะเนไว้ก่อน อาจจะมีเส้นเอ็นที่หัวไหล่ขาดก็ได้ ต้องขอเอ็กซเรย์ 2 ท่า และต้องการให้นอนอุโมงค์ MRI วันนี้ เพื่อขอตรวจดูฟิล์ม MRI ... แล้วให้มาฟังผลจากคุณหมอในวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม
เมื่อได้ปัสสาวะแล้ว และส่งไปที่ห้องแล็บแล้ว จขบ.ก็ได้เข้าพบคุณหมอทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ คุณหมอสอบถามพฤติกรรม และตรวจอุลตร้าซาวน์ แล้วบอกว่า อาการไม่ได้เกิดจากต่อมลูกหมากโต ตามวัย เพราะยังมีขนาดต่อมลูกหมากปกติเท่ากับคนทั่วไป แต่เกิดจากพฤติกรรมการดื่มกาแฟมากเกินควร แล้วไม่ยอมดื่มน้ำต่อวันให้เพียงพอ ใช่เลย จขบ.ดื่มกาแฟเก่ง และดื่มชาเย็นด้วย แล้วไม่ชอบดื่มน้ำ ... หลังจากคุณหมอบอกให้ปรับพฤติกรรม หยุดกาแฟ ชา ไว้ก่อน แล้วดื่มน้ำต่อวันให้มากขึ้น แรงกระตุ้นให้ร่างกายขับกาแฟ ชา ออกจากร่างกายแต่ไม่มีน้ำปัสสาวะออกมาเพราะร่างกายขาดน้ำ ก็ไม่มี ... ตอนนี้อาการเป็นปกติดีแล้วครับ ... เฮ้อ ! ความไม่รู้แท้ๆ
วันเสาร์ 12 ตุลาคม ไปพบคุณหมอด้านเส้นเอ็นตามนัด ... คุณหมอชี้ให้ดูฟิล์มเอ็กซเรย์ และฟิล์ม MRI จากเครื่องคอม แล้วบอกว่าไม่เกี่ยวกับเส้นเอ็นที่หัวไหล่ ... บอกว่าจะขอส่งตัวให้ไปพบคุณหมอด้านระบบไขสันหลังและประสาท ก็รอพบวันนั้นเลย ... คุณหมอด้านระบบไขสันหลังและประสาทบอกว่า จะขอให้นอนอุโมงค์ MRI อีกครั้ง เพื่อขอตรวจสอบโดยเฉพาะที่หมอนรองกระดูกต้นคอ ... แต่เพราะคิว MRI ในวันนั้น จะตรวจ MRI ได้ ต้องเป็นเวลา 6 โมงเย็น และฟิล์มจะออกมาไม่ทันในวันเดียวกัน ... จึงมีการเลื่อนนัดเป็นวันพุธที่ 16 ตุลาคม เวลาสายๆ เมื่อฟิล์ม MRI ออกมาในตอนบ่าย ก็จะได้ทราบผลการตรวจจากคุณหมอด้านระบบไขสันหลังและประสาทเสียเลย จะได้มาโรงพยาบาลในครั้งเดียว
วันพุธที่ 16 ตุลาคม ไปโรงพยาบาลตามนัด มีการเจาะเลือด แล้วค้างเข็มที่หลังมือเอาไว้ คุณพยาบาลบอกว่า อาจจะต้องฉีดสีด้วยในขณะทำ MRI แล้วก็จริงอย่างคุณพยาบาลว่า ทำ MRI ครั้งแรกประมาณ 1 ชม. แต่ผลไม่ค่อยชัด ต้องทำการฉีดสี แล้วทำ MRI ต่ออีกครั้ง อีกประมาณ 30 นาที ... ขณะอยู่ในอุโมงค์แคบๆ ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ มีแสงสว่าง มีเสียงดังก้องพร้อมกับมีการเปลี่ยนความถี่หลายครั้ง สามารถนอนลืมตาได้ แต่เกรงว่าอาจจะมีรังสีในอุโมงค์ จขบ.ก็เลยนอนหลับตา รวมทั้งหมด 1.30 ชม.
ช่วงบ่าย พบคุณหมอด้านระบบไขสันหลังและประสาท คุณหมอให้ดูฟิล์ม MRI แนวด้านข้าง แนวด้านบน และแนวตัด พบว่ากระดูกคอมีอาการเบี้ยวขวา หมอนรองกระดูกข้อที่ 3-5 เสื่อมสภาพมาก และข้อที่ 6-7 เริ่มเสื่อมสภาพตาม ... ปกติหมอนรองกระดูกจะเป็นช่องว่าง แต่จากฟิล์ม MRI ไม่มีช่องว่างซีกด้านขวา ซีกด้านซ้ายยังมีช่องว่าง คุณหมอบอกว่าส่วนที่เสื่อมสภาพ ทำให้มีหินปูนเข้าไปช่วยเสริมแทนหมอนรองกระดูก เคสนี้ขอนับเป็นเคสวิกฤต เพราะหากรอช้า อาการล้า ยกแขนไม่ขึ้น อาจจะลามต่อไปที่ขาขวา ล้า ยกขาขวาไม่ขึ้นด้วย ควรจะมีการผ่าตัดด่วน ผ่าตัดที่ไหนก็ได้ แต่หากไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่น เกรงจะช้าเกินไป
จขบ. ตัดสินใจให้มีการผ่าตัด ... คุณหมอด้านระบบไขสันหลังและประสาท จัดการนัดให้ไปพบคุณหมอด้านศัลย์ประสาท ซึ่งได้พบคุณหมอในวันนั้นเลย คุณหมอยังหนุ่ม สุภาพ (ต่อมาเป็นเจ้าของไข้ในการรักษา) ได้อธิบายฟิล์ม MRI ให้ทราบอีกครั้ง ทำให้ จขบ.ทราบสาเหตุจนเข้าใจ คุณหมอบอกว่าจะร่วมงานผ่าตัดในครั้งนี้ 3 คน ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม เวลาประมาณ ตีห้าครึ่ง โดยขอให้มาแอทมิทที่โรงพยาบาล ในวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม เพื่อวัดความดัน เจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ และเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนผ่าตัด
ตอนเย็นวันพฤหัสบดี คุณหมอด้านวิสัญญีแพทย์ เป็นผู้ชาย เข้ามาแนะนำตัว บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงกังวลเรื่องการผ่าตัด ประกอบกับร่างกายของ จขบ.แข็งแรง งานผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดี จะใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 5 ชั่วโมง ... กลางคืนวันพฤหัสบดี คุณพยาบาลเข้ามาคอนเฟิร์มเวลาผ่าตัดอีกครั้ง พร้อมฉีดยานอนหลับให้เพื่อให้คลายกังวลก่อนนอน และปล่อยให้เข็มฉีดยาคาเอาไว้ที่หลังมืออีก ... เวลาประมาณตีสี่ คุณพยาบาลเข้ามาเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ่าตัด ให้นอนรอภายในห้องที่แอดมิท จนประมาณเกือบตีห้า ก็ให้เจ้าหน้าที่รถเข็นนำไปที่ห้องผ่าตัดใหญ่ ช่วงนั้น จขบ.รู้สึกตัวในลักษณะสะลึมสะลือ เมื่อไปถึงห้องผ่าตัดใหญ่ ยังไม่พบคุณหมอท่านใดภายในห้อง มีก็แต่คุณพยาบาลชุดใหม่กับเจ้าหน้าที่ มีการฉีดยาเพิ่มเติมที่เข็มที่คาอยู่หลังมือ อาจจะเป็นยานอนหลับก็ได้ ... เพราะจขบ.รู้สึกตัวตื่นในห้องพักฟื้นรอดูอาการ เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว ... ภายหลัง จขบ.ถามคุณพยาบาล จึงได้ทราบว่าการผ่าตัดครั้งนี้มีการให้ดมยาสลบด้วย แต่ไม่รู้ตัวว่าคุณหมอทำให้ในตอนไหน ... และมีการผ่าตัดหมอนรองกระดูกที่ลำคอ จากทางด้านหน้าของลำคอ รวม 4 ข้อ คือข้อที่ 3-6
เมื่อ จขบ.รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่ก็นำกลับมาที่ห้องพักแอทมิท โดยเข็นด้วยเตียงลูกล้อ สรุปว่าในห้องผ่าตัดใหญ่ไม่ได้พบคุณหมอท่านใดเลย ... ช่วงแรกๆ จขบ. นอนบนเตียงแบบยังง่วงๆ ไม่มีอาการเจ็บปวดที่แผล อาจจะเป็นเพราะมียาระงับอาการปวด ร่วมอยู่ในถุงน้ำเกลือที่แขวนอยู่ อาหารมื้อเที่ยงไม่หิว จึงไม่ได้รับประทาน ... ประมาณบ่ายโมง ปวดปัสสาวะ ก็ลุกขึ้นเดินจากเตียงไปที่ห้องน้ำ แต่ปัสสาวะไม่ออก ประมาณทุก 20 นาที ก็ลุกขึ้นเดินไปใหม่ ก็ยังปัสสาวะไม่ออก ... หัวหน้าพยาบาลประจำวอร์ดบอกว่า หากปัสสาวะไม่ออก จะต้องสวนท่อปัสสาวะในวันนี้ ... จขบ.ถามว่า ดื่มน้ำได้ไหม? เธอบอกว่า 'ได้' ... อ้าว ! แล้วทำไม ไม่บอก !
จขบ.ดื่มน้ำทันที 1 ขวด แป๊บเดียวก็ปัสสาวะออก ดื่มน้ำเพิ่มอีก แป๊บเดียวก็ปัสสาวะออกมาอีก ... อาหารมื้อเย็น จขบ.ได้ทานโจ๊ก ... คุณหมอบอกว่า ฟื้นตัวเร็ว ปัสสาวะออกง่าย เดินไปห้องน้ำเอง รับประทานอาหารเอง ใบหน้าผ่องใส ไม่มีอาการว่าเจ็บปวด หรือเป็นไข้ หรือแพ้ยา เพราะแข็งแรงตั้งแต่วันแรกที่ผ่าตัดเสร็จ
คุณหมอเข้ามาเยี่ยม จขบ.อีกในวันรุ่งขึ้น ทดลองให้ยกแขนขวา โอ ! ยกไม่ขึ้น คุณหมอบอกว่า เกิดจากอาการบวมที่เส้นประสาท เพราะตอนผ่าตัด ได้นำหินปูนออกจากกระดูก 4 ข้อที่ต้นคอ ซึ่งมักจะเกิดการกระเทือนที่กระดูกต้นคอ ทำให้มีอาการเส้นประสาทบวม อาการนี้จะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 3-5 วัน ช่วงนี้ขอให้ยังคงเคลื่อนไหวร่างกาย อย่านอนพักเพียงอย่างเดียว เพราะการเคลื่อนไหวร่างกาย ลำไส้จะทำงาน ตับ หัวใจ ปอด จะทำงาน ร่างกายจะฟื้นตัวเร็วขึ้น
จขบ. รับประทานอาหารอ่อนของโรงพยาบาล ซึ่งมีเมนูให้เลือกได้ ทานอาหารหมดถาดทั้งสามมื้อ รสชาติอร่อยดี ... นักกายภาพบำบัดของโรงพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือแนะนำ สาธิตการทำกายภาพบำบัดให้ทราบ
การผ่าตัด ดำเนินการในวันที่ 18 ตุลาคม ... วันที่ 20 ตุลาคม เวลาสายๆ คุณหมอเข้ามาตรวจอาการแขนขวา และแผลผ่าตัด สอบถามเรื่องอาการเจ็บปวดว่ามีบ้างไหม การขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะมีบ้างไหม ซึ่งก็บอกว่า ไม่เจ็บปวดอะไรเลย ขับถ่ายได้ตามปกติ เดิน ยืน บ่อยๆ ความดันปกติ 110 / 70 อุณหภูมิ 36 เซ็นเซียส ไม่มีไข้ ... คุณหมอบอกว่า งั้น สามารถกลับบ้านวันนี้เลยก็ได้ ... ห๋า !
รูปซ้าย ขอถ่ายรูปกับคุณหมอเจ้าของไข้
จขบ. บอกคุณหมอว่า จะขอนอนที่โรงพยาบาลต่ออีกสักคืน จะขอเช็คเอ๊าท์พรุ่งนี้ ... คุณหมอบอกว่า งั้น พรุ่งนี้ จะมาตรวจให้อีกครั้ง จะสั่งจ่ายยาเม็ดให้ จะนัดวันมาตรวจแผลที่ผ่าตัด และจะให้นักกายภาพบำบัดมาให้คำแนะนำการทำกายภาพบำบัดเพิ่มอีกครั้ง
การแอทมิทครั้งแรกในโรงพยาบาลของ จขบ. ... รายจ่ายในการพบแพทย์เฉพาะทาง ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันผ่าตัด นอนแอทมิทในห้องพักคนไข้ 4 วัน และได้รับยาเม็ดนำกลับมาบ้าน รวมรายจ่ายเป็นเงิน 551,140 บาท
ความคิดเห็นส่วนตัวของ จขบ. ... 1. การดื่มน้ำเปล่าๆ ต่อวันเยอะๆ ไต จะขับถ่ายดี และจะมีผลต่อเนื่องไปถึงระบบอื่นๆ ภายในร่างกาย เช่น ลำไส้ ตับ หัวใจ ปอด เป็นต้น ทำให้ทำงานแข็งแรง กาแฟ ชา น้ำอัดลม ดื่มได้ แต่อย่ามากชนิดเป็นเหยือกต่อวัน เพราะร่างกายจะไม่อยากดื่มน้ำเปล่า แล้วจะปัสสาวะยาก อุจจาระยาก เหงื่อจะไม่ค่อยออก ตาจะแห้ง ไม่ค่อยมีน้ำตา น้ำลายจะค่อนข้างเหนียว ผิวพรรณจะไม่ค่อยแจ่มใส ใบหน้าจะไม่ค่อยมีเลือดฝาด ... 2. ควรจะนั่งหน้าจอคอมประมาณ 1.30 ชม. แล้วพักเปลี่ยนอิริยาบท อาจจะไปห้องน้ำ อาจจะไปทำธุระอื่นๆ สัก 15 นาที ไม่เช่นนั้นร่างกายจะล้า ทั้งที่แขน และสายตา คือ สามารถนั่งหน้าจอคอมหลายช่วงได้ แต่ต้องมีการพักเปลี่ยนอิริยาบท ... 3. สังคมโซเชียลออนไลน์ มีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี ควรมีวิจารณญาณในการใช้ อาจจะ Unfriend ออกไปบ้าง ยกเลิก Fanpage ออกไปบ้าง เพราะบางคนก้าวร้าว บางคนแจ้งข้อมูล มาให้ หรือส่ง Link มาให้ หรือส่งรูปภาพมาให้ ชนิดสิ่งไร้ประโยชน์ เสียเวลาอ่าน เสียเวลาคอมเมนต์ อีเมล์ก็มากล้นหลามทุกวัน ทำให้สูญเสียเวลา นั่งหน้าคอมนานเกินไป ... 4. สุขภาพที่ดี เป็นสิ่งประเสริฐเหนือกว่าการมีเงินทอง เพราะจะมีความสุข มีอายุยืน ไปเที่ยวที่ไหน ไปทำอะไรก็ได้ และสุขภาพที่ดีไม่ได้เกิดจากการใช้ยา หากแต่เกิดจากการเคลื่อนไหวบ่อยๆ และการออกกำลังกายที่เหมาะสม
5. ความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องสุดท้าย ... จขบ .ขอท้าวความ งานในหน้าที่ของ จขบ. เล็กน้อยก่อนครับ หน้าที่ความรับผิดชอบของจขบ.ประมาณ 30 ปี คือ การบรรยาย การฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการเริ่มต้นอาชีพ ... ได้มีโอกาสช่วยเหลือ มหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ บริษัท โรงงาน ธนาคาร ทั่วประเทศ ... หลักสูตรฝึกอบรมที่ได้รับความสนใจ คือ การจัดเก็บเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพ ... ครั้งหนึ่งในอดีต จขบ. ได้ติดต่อขออนุญาตนำผู้เข้าฝึกอบรม ไปดูงาน เวชระเบียนของโรงพยาบาลพญาไท 2 ไม่ได้ไปดูข้อมูลในแฟ้มคนไข้ แต่จะขอดูวิธีจัดเรียงแฟ้ม วิธีให้เลขกำกับแฟ้ม วิธีให้สีกำกับแฟ้ม การแยกแฟ้มของคนไข้แอดมิท กับแฟ้มคนไข้ทั่วไป ... ซึ่งทางโรงพยาบาลพญาไท 2 ยินดีอนุญาต อาจจะเป็นเพราะว่า จขบ. เป็นเพื่อนกับผู้อำนวยการโรงพญาบาลพญาไท 2 ฝ่ายบริหาร ก็ได้ ... การดูงานครั้งนั้นราบรื่นด้วยดี ... จขบ.สอบถามเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า มีดารา นักร้อง นักการเมือง มาใช้บริการที่นี่เยอะไหม? ... เธอบอกว่า เยอะค่ะ ... อย่างเบิร์ด ธงไชย เคยมาที่นี่ไหม? เธอยิ้มและตอบว่า เคยค่ะ ... แล้วเบิร์ดมานานหรือยัง กี่ปีแล้ว เขาไม่สบายเป็นอะไรเหรอ? ... เธอยิ้ม และตอบว่า คงไม่สามารถบอกได้ค่ะ เป็นกฎของโรงพยาบาล ... ถูกต้องเลย ขอปรบมือให้ ... ข้อมูลส่วนตัวของคนไข้นั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลทางกฎหมาย ... อย่างลูกค้าฝากเงิน ถอนเงินธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารจะไม่เปิดเผยให้คนทั่วไปหรือสื่อมวลชนทราบ ... หรืออย่างลูกค้าซื้อสร้อยเพชร กี่เส้น กี่กะรัต เจ้าของร้านเพชรก็จะไม่เปิดเผยให้คนทั่วไปหรือสื่อมวลชนทราบเช่นเดียวกัน ... เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของลูกค้า และอาจเกิดอันตรายต่อลูกค้าได้ทีนี้มาถึง เคสของ จขบ. ... จขบ. ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตามปกติ สามารถตอบข้อมูลทุกอย่าง และสามารถรับฟังข้อมูลใหม่จากคุณหมอได้อย่างเข้าใจดี ... เมื่อคุณหมอต้องการจะตรวจสอบร่างกายของ จขบ. อย่างละเอียด มีการตรวจในร่มผ้า มีการซักถามประวัติในอดีต ... ในตอนนั้นญาติและเพื่อนบางคนอยู่ในห้องด้วย และบอกคุณหมอว่า จะขอดู ขอฟังด้วยได้ไหม? ... คุณหมอสบตา จขบ. ... จขบ. ก็สบตาคุณหมอ ... แล้วคุณหมอพูดกับญาติและเพื่อนของ จขบ.ว่า กรุณารอนอกห้องนะครับ ... หลังจากการตรวจเรียบร้อยแล้ว ญาติและเพื่อนเข้ามาบอกว่า ที่นี่ไม่ดีเลย ไม่ยอมให้ดู ไม่ยอมให้ฟังขณะตรวจ ... และในวันรุ่งขึ้น บอกว่าที่นี่ไม่ให้เกียรติ
หากท่านใด มีโอกาสนำคนไข้ไปโรงพยาบาล ... จขบ. คิดว่าควรจะรอหน้าห้อง ดีกว่าเข้าไป ขอดู ขอฟัง ... เพราะในบางเรื่องคนไข้จะไม่อยากเปิดเผย เช่น การกลัวเข็มฉีดยา การกลัวเมื่อถูกเจาะเลือด การอายเมื่อต้องถูกตรวจในร่มผ้า หรือการกลัวการขูดหินปูน ... จะไม่อยากให้คนอื่นทราบ ... หากคุณหมอต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากท่าน คุณพยาบาลจะเชิญท่านเข้าไปในห้องเอง.
สุขภาพที่ไม่ดีของจขบ.ในครั้งนี้ มีญาติพี่น้องและเพื่อนสนิททั้งใกล้และไกล มาเยี่ยมเยียนถึงห้องพักคนไข้ จำนวนมากทุกวัน ไม่ได้ขาด ไม่เหงาเลย อาหารเครื่องดื่มภายในห้องพักคนไข้มีเยอะแยะ บางคนโทร.มาบอกว่า ยังไม่ได้มาเยี่ยมเลย ทำไมรีบออกเสียล่ะ อ้าว ! เหรอ
อาการฟื้นฟูสภาพของ จขบ. ... คุณหมอบอกว่า คาดว่าจะเร็วกว่าคนทั่วไป สำหรับคนทั่วไปอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-1.30 เดือน ... ช่วงนี้ จขบ.จะหยุดอัพบล็อกชั่วคราว ต้องขออภัยด้วย แต่จะพยายามรีบกลับมาอัพบล็อกเรื่องใหม่แน่นอน เรื่อง 'ผู้ชายส้นสูง' ... ด้านเฟซบุ๊ค ด้านกดชัตเตอร์กล้อง และด้านได้รับการชักชวนให้ไปท่องเที่ยว ช่วงนี้ก็คงจะยังทำไม่ได้เช่นเดียวกัน จะขอพักผ่อนอยู่ที่บ้านนะครับ ... ขอขอบพระคุณ เจ๊ ของ จขบ. เป็นอย่างสูง ที่มอบความช่วยเหลืออภิบาลน้องชายคนนี้เป็นอย่างดียิ่ง ช่วงนี้ เจ๊ คงจะเหน็ดเหนื่อยมาก น้องชายขอบอกอย่างจริงใจว่า รู้สึกเห็นใจมาก ขอกราบขอบพระคุณ เจ๊ นะครับ.
จาก สิน yyswim
24 ตุลาคม 2556