26 พฤศจิกายน 2567, 04:44:48
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: 3 Easy Ways พิชิตท้องผูกเรื้อรัง  (อ่าน 70154 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
myminion
Newbie
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2

« เมื่อ: 03 มกราคม 2557, 12:00:34 »



จะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนบอกว่า “ไม่มีความรู้สึกอยากขับถ่ายมากว่า 10 ปี” สารภาพตามตรงว่า ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ผู้เขียนก็อึ้งไปนานเหมือนกัน แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะถ้อยคำดังกล่าวมาจาก คุณหน่อย นงลักษณ์ มณีรัตน์ เวิร์คกิ้งวูแมนคนเก่ง วัย 58 ปี ผู้ช่วยผู้จัดการบริการและบัญชี รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ คุณหน่อยต้องผจญกับปัญหาสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะโรคภูมิแพ้ตัวเอง(SLE) โรคไทรอยด์ชนิดที่ไม่เป็นพิษ โรคไต ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง แต่เรื่องกวนใจที่สุด คือ อาการท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งส่งผลให้เธอไม่มีความรู้สึกอยากขับถ่ายมาเป็นเวลานาน

ปัจจุบัน คุณหน่อยสามารถพิชิตท้องผูกเรื้อรังที่ยาวนานนับสิบปีได้สำเร็จแล้ว โดยใช้วิธีดังต่อไปนี้

1 Exercise
กระตุ้นระบบขับถ่าย

การออกกำลังกายเป็นยาที่ดีกว่ายาขนานใดๆในโลก และสามารถรักษาได้สารพัดโรค รวมถึงอาการท้องผูกของคุณหน่อยด้วย

“ที่ผ่านมาก็แก้ไขโดยใช้วิธีสวน(การสวนทวาร คือ การใช้ลูกยางสวนทวาร เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและถ่ายได้ง่ายขึ้น) แต่ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะคิดว่าคงไม่เกี่ยวกันจนได้มาพบกับอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง และท่านได้อธิบายให้เข้าใจว่า ท้องผูกเกิดมาจากพฤติกรรมผิดๆของตัวเอง หลังจากวันนั้น ก็เลยกลับมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเริ่มจากการออกกำลังกายค่ะ แล้วก็พบว่า ได้ผลจริงๆค่ะ”

ด้วยชีวิตที่ต้องทำงานวันละ 8-9 ชั่วโมง ตลอดทั้งสัปดาห์ จึงทำให้คุณหน่อยเลือกที่จะออกกำลังกาย ในฟิตเนส เพราะใกล้ที่ทำงานและเดินทางสะดวก คุณหน่อยจะใช้เวลาหลังเลิกงาน ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง คือ วันจันทร์-พุธ-ศุกร์ เฉลี่ยประมาณครั้งละ 1 ชั่วโมง

วิธีที่เธอใช้ คือ การให้ร่างกายทุกส่วนได้ออกแรงเคลื่อนไหว เพราะทำให้อวัยวะภายใน โดยเฉพาะลำไส้ได้เคลื่อนไหวไปด้วย ลำไส้จึงบีบรัดตัวได้มากขึ้น ทำให้กากอาหารที่ค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร และลำไส้ สามารถเคลื่อนลงมายังส่วนล่างได้อย่างสะดวกมากขึ้น

ดังนั้น เธอจึงเลือกเล่นเป็นเครื่องประเภทเสริมกล้ามเนื้อ ฟิตบอล และจักรยานไฟฟ้า ซึ่งเป็นการออกแรงที่เหมาะสมกับวัย และไม่เหนื่อยจนเกินไปนั่นเอง

หากมีเวลา คุณหน่อยจะเปลี่ยนสถานที่ออกกำลังกาย เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและหาวิธีใหม่ๆ ที่ทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกมากขึ้น เช่น วิ่งในสวนสาธารณะ หรือตีสควอชในโรงยิมของโรงแรมใกล้บ้านแห่งหนึ่ง เป็นต้น

คุณหน่อยกำชับว่า สิ่งที่สำคัญสุดในการออกกำลังกาย คือ การรักษาวินัย เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นให้การทำงานของระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายดีขึ้น

และไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องการขับถ่ายเท่านั้น เพราะการออกกำลังกายยังช่วยลดระดับค่าคอเลสเตอรอลที่สูงประมาณ 280 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติอีกด้วย (น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร)


2 Healthy Diet
ปรับอาหาร เปลี่ยนชีวิต

เรื่องอาหารเป็นอีกหนึ่งที่คุณหน่อยให้ความสำคัญในการดูแลระบบขับถ่ายของเธอ โดยเธอได้นำหลักการที่อาจารย์สาทิสเคยให้ไว้มาปรับใช้

คุณหน่อยเป็นคนกินได้ทุกอย่าง แต่ก็แอบมีหลักเกณฑ์ในการเลือกกินอยู่เหมือนกัน คือ นอกจาก อาหารเหล่านั้นจะต้องดีต่อสุขภาพแล้ว ยังต้องช่วยบำรุงระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายอีกด้วย โดยเธอบอกว่า

“เวลากินอาหารกับเพื่อนๆตามร้านอาหาร จะเลือกเน้นสั่งเมนูผักที่มีกากใยสูง และรสชาติไม่จัด เช่น ผัดผักรวม ผัด บรอคโคลี่กับกุ้ง หรือแกงจืดเต้าหู้สาหร่าย หรือยำเห็ดรวมค่ะ ส่วนมื้อเย็น จะเลือกกินเป็นผลไม้แทน เช่น ส้ม ฝรั่ง มะม่วง มะละกอ กล้วยน้ำว้า เป็นต้น เพราะเป็นอาหารที่ไม่หนักเกินไป สบายท้อง และช่วยให้ขับถ่ายได้ดีค่ะ”

เธอเล่าต่อว่า

“เท่าที่ทดลองกับตัวเอง พบว่า เห็ด เป็นอาหารที่ช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน โดยเฉพาะเห็ดหูหนูขาว หรือเห็ดหลินจือ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานดีขึ้นค่ะ พอรู้ว่ามีประโยชน์ ก็พยายามกินมากขึ้น จนถึงขนาดมีเมนูประจำตัว คือ รวมมิตรเห็ดลวกจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด กินเมนูนี้ทีไร ถ่ายสบายตลอด”

และหากมีวันใดที่เดินผ่านร้านขายฟักทอง หรือมันเทศนึ่ง เธอย่อมไม่พลาดที่จะซื้อติดไม้ติดมือ ทุกครั้งไป เพราะผักทั้งสองชนิดนี้มีเส้นใยอาหารมาก ช่วยให้ย่อยง่าย และมีคุณสมบัติช่วยหล่อลื่นลำไส้ ดังนั้น เมื่อกินเข้าไปแล้ว จึงทำให้กากอาหารสามารถเคลื่อนไหลออกมาได้ง่ายขึ้น

แต่ถ้าวันไหน ตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วรู้สึกมีอาการท้องผูก คุณหน่อยจะงัดไม้ตายออกมา คือ การดื่มน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว หลังจากนั้นไม่นาน จะรู้สึกมีอาการอยากขับถ่ายทันที

หลังจากปรับอาหารแล้ว เธอรู้สึกว่าสุขภาพค่อยๆดีขึ้น อาการจากโรคอื่นๆก็ค่อยๆลดลง ระบบขับถ่ายก็มาตรงเวลา ไม่เคยเบี้ยวนัดเหมือนสมัยก่อน เธอบอกว่า ตอนนี้มีความสุขมาก เพราะเหมือนได้ชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง


3 Relaxation
ขจัดความเครียด ช่วยขับถ่ายสะดวก

คุณหน่อย ยังเล่าอีกว่า ตอนไปปรึกษาอาการท้องผูกกับอาจารย์สาทิส ท่านได้แนะนำว่า จิตใจและอารมณ์ส่งผลต่อโรคท้องผูกได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น จะต้องคอยหมั่นสังเกตอารมณ์ของตนเองให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดจนเกินไป

“เคยสังเกตตัวเองเหมือนกัน หากช่วงไหนที่งานยุ่ง หรือเครียดบ่อยๆ จะรู้สึกมีอาการจุกเสียด อึดอัด ไม่สบายท้อง แต่ถ้าช่วงไหนอารมณ์ดี ชิลล์ๆ จะเดินตัวปลิว แถมระบบขับถ่ายช่วงนั้นก็จะไม่มีปัญหา”

ในการทำงานย่อมเกิดภาวะตึงเครียดขึ้นได้เสมอ คุณหน่อยบอกสูตรแก้ความเครียดของเธอว่า

“ถ้าวันไหนทำงานหนัก หรืองานค่อนข้างยุ่ง จะหาโอกาสออกไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ดูผู้คนเดินไปมา หรือดูว่ารถบนถนนหายติดหรือยัง คือ พยายามเบนความสนใจออกจากงานบ้าง ประมาณ 10-15 นาที เมื่อความเครียดลดลง จึงค่อยกลับมาโฟกัสกับงานใหม่”

อีกทั้ง ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เธอจะอุทิศเวลาใปกับการพบปะเพื่อนฝูง หรือท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสุข และทำให้จิตใจผ่อนคลายดี

นอกจากนี้ หากมีครั้งใดที่รู้สึกขับถ่ายได้น้อยลง หรือไม่สบายท้อง คุณหน่อยจะใช้การดีท็อกซ์ด้วยกาแฟ เพื่อกำจัดพิษออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยให้เธอรู้สึกสบายตัวมากขึ้นอีกด้วย

ลองปรับชีวิตตามวิธีที่คุณหน่อยแนะนำ คราวนี้ อาการท้องผูกก็ไม่สามารถทำอะไรคุณได้แล้ว

อาจารย์สาทิสเคยให้หลักการกินอาหารสำหรับท้องผูกไว้ดังนี้

-ข้าวหรือแป้งไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวแดง ข้าวซ้อมมือ หรือขนมปังโฮลวีต ให้ได้รวมกัน 50 เปอร์เซ็นต์
-ผักสดและผักสุกอย่างครึ่ง รวมกันแล้วให้ได้ 25 เปอร์เซ็นต์ และเสริมผักที่มีเส้นใยสูง เช่น มันเทศ มันฝรั่ง เผือก ฟักทอง กระเจี๊ยบเขียว เป็นต้น
-โปรตีนจากพืช+ปลา+อาหารทะเล เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง โปรตีนเกษตร เป็นต้น รวม 15 เปอร์เซ็นต์ และควรทานปลาหรืออาหารทะเล สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
-เบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง จมูกข้าว งาคั่วป่น รำข้าวคั่ว และผลไม้รสไม่หวานจัด รวม 10 เปอร์เซ็นต์

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.photos.com/
ขอขอบคุณ นิตยสาร ชีวจิต ผู้สนับสนุนเนื้อหา
>> รวมสถานะกวนๆไว้ขึ้นเฟซ
      บันทึกการเข้า

ทีวีออนไลน์ 3,5,7,9 ดูได้ที่นี่ http://tv.sanook.com
CurseForU
Newbie
*

ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2

« ตอบ #1 เมื่อ: 13 สิงหาคม 2557, 10:12:54 »

ได้อะไรเยอะขึ้นเลยททีนี้
      บันทึกการเข้า

  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><