Dtoy16
Hero Cmadong Member
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2516
คณะ: อักษรศาสตร์
กระทู้: 1,424
|
|
« ตอบ #3075 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2557, 17:43:48 » |
|
น้องเริงค่ะได้ชมของหาดูยากแล้วในยุคนี้ สงสัยแทบทุกจังหวัดของไทย มีของโบราณเก็บอยู่ ดูได้ไม่เบื่อค่ะ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3076 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2557, 20:07:59 » |
|
ครับ หลายๆที่น่าจะมีของเก่าอย่างนี้เช่นกัน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3083 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2557, 07:33:03 » |
|
ยังไม่เชื่อใจกัน หลังสงครามโลกมาก็หลายปีแลัว
ระทึก เยอรมันจับพลเมืองเป็นสปายให้สหรัฐ แฝงตัวในหน่วยข่าวกรองฯ รบ.ชี้"ร้ายแรงมาก"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ทางการเยอรมันได้จับกุมพลเมืองชาวเยอรมันรายหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นสายลับจารกรรมความลับให้แก่สหรัฐ โดยทำงานในหน่วยงานข่าวกรองของเยอรมัน เพื่อสอดส่องการทำงานของคณะกรรมการที่สอบสวนกรณีการเปิดโปงว่า หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐได้ดักฟังโทรศัพท์ของนางแองเจล่า แมร์เคิล ผู้นำเยอรมัน
โดยโฆษกรัฐบาลเยอรมันกล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง และทำให้อัยการกลางเยอรมันต้องเข้ามาสอบสวนคดีนี้ ขณะที่ทางการเยอรมันยังได้เรียกทูตสหรัฐมารับการตำหนิต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ขณะที่นักการเมืองเยอรมันระบุด้วยว่า การกระทำของสหรัฐถือว่ารัฐบาลวอชิงตันไม่ใช่มิตรประเทศที่แท้จริงของเยอรมัน ส่วนสื่อท้องถิ่นเยอรมันระบุว่า ชายเยอรมันดังกล่าวได้ทำงานเป็นสายลับให้แก่สหรัฐ เพื่อแลกกับเงินเป็นการตอบแทน
หากการสอบสวนพบว่า ชายเยอรมันรายนี้ว่าเป็นสายลับที่ทำงานให้แก่สหรัฐจริง จะนับเป็นคดีอื้อฉาวด้านการจารกรรมความลับระหว่างเยอรมันและสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเยอรมันและสหรัฐต้องตึงเครียดหลังจากนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางการสหรัฐได้ดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำเยอรมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฎิบัติการสอดแนมของสหรัฐต่อเยอรมัน
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุการณ์นี้อาจกระทบต่อแผนของสหรัฐที่ต้องการจะให้เยอรมันช่วยคัดค้านปฎิบัติการของกลุ่มแยกดินแดนในยูเครน รวมทั้งคัดค้านแผนพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วย... ข่าวมติชน
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3084 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2557, 16:09:08 » |
|
รอนนี่-ดอนนี่ แฝดสยามอายุมากสุดในโลก 62 ปี
รอนนี่ และ ดอนนี่ เกลเลียน แฝดสยามจากสหรัฐฯ เตรียมขึ้นเป็นฝาแฝดร่างติดที่มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ หากผ่านพ้นวันเกิดครบ 63 ปี ในเดือนตุลาคมนี้
วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ มีรายงานว่า รอนนี่ และ ดอนนี่ เกลเลียน แฝดสยามวัย 62 ปีจากรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ แฝดสยามที่มีอายุยืนที่สุดในโลก กำลังจะกลายมาเป็นคู่แฝดร่างติดที่มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ ทุบสถิติของคู่แฝด จิอาโคโม และ จิโอวานนี่ บัตติสตา ทอชชี ที่บันทึกโดยกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด หากพวกเขาสามารถมีอายุยืนถึง 63 ปีในเดือนตุลาคมนี้
แต่ก่อนที่จะกลายเป็นแฝดสยามที่มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ ในวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา รอนนี่-ดอนนี่ ซึ่งมีอายุครบ 62 ปี 8 เดือน และ 7 วัน ก็สามารถทำลายสถิติคู่แฝดอิน-จัน ของไทยที่เสียชีวิตในขณะที่มีอายุ 62 ปี 8 เดือน และ 6 วันได้แล้ว
ทั้งนี้ สำหรับฝาแฝดสยามหรือฝาแฝดที่มีร่างกายติดกันนั้น มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ 1 ในทารก 2 แสนคน และมีอัตรารอดชีวิตเพียง 2-25% เท่านั้น แต่จนปัจจุบันก็ยังมีแฝดสยามหลายคู่ที่สามารถรอดชีวิตและเติบโตมาได้อย่างคนปกติ ดังเช่น รอนนี่-ดอนนี่ เป็นต้น ข่าวจากกระปุก
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3085 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2557, 16:19:02 » |
|
ที่มาของชื่อ แฝดสยาม
อิน-จัน (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 — 17 มกราคม พ.ศ. 2417) เป็นชื่อของฝาแฝดสยาม ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเป็นที่มาของคำว่า "แฝดสยาม" เนื่องจากเกิดที่ประเทศสยาม (ประเทศไทย) [1][2] ฝาแฝดที่มีหน้าอกติดกันและใช้ตับร่วมกัน เป็นฝาแฝดคู่แรกของโลกที่สามารถดำรงชีพเหมือนคนธรรมดาได้ตลอดชีวิต
อิน-จันได้สัญชาติอเมริกันเมื่อปี พ.ศ. 2382 และใช้นามสกุลว่า บังเกอร์ (Bunker) มีลูกหลานสืบตระกูลมาจนถึงทุกวันนี้ ชื่อเสียงของอิน-จัน ทำให้เกิดคำเรียกแฝดตัวติดกันว่า แฝดสยาม (Siamese twins) ตามชื่อเรียกประเทศไทยในเวลานั้น
ฝาแฝดอิน-จัน เป็นฝาแฝดที่มีตัวติดกันทางส่วนหน้าอก (บันทึกของชาวตะวันตกบอกว่า เนื้อที่เชื่อมกันระหว่างอกนี้สามารถยืดได้จนทั้งคู่สามารถหันหลังชนกันได้
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3086 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2557, 16:24:45 » |
|
ประวัติอินและจัน..น่าสนใจ
ฝาแฝดอิน-จัน เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 ตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีบิดาเป็นชาวจีนอพยพแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 ชื่อ นายที มารดาเป็นคนไทยชื่อ นางนาก (บันทึกของชาวตะวันตกเรียกว่า นก (Nok)) ซึ่งฝาแฝดคู่นี้สามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แตกต่างไปจากแฝดติดกันคู่อื่น ๆ ที่มักเสียชีวิตหลังคลอดได้ไม่นาน
ตามกฎหมายในเวลานั้น ทั้งคู่ต้องถูกประหารชีวิตเนื่องจากความเชื่อที่ว่าเป็นตัวกาลกิณี แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็หาได้มีเหตุการณ์ใด ๆ ตามความเชื่อไม่ โทษนั้นจึงได้รับการยกเลิก
เมื่อทั้งคู่อายุได้แค่ 2 ขวบ บิดาก็เสียชีวิตลงด้วยอหิวาตกโรค ภาระจึงตกอยู่ที่มารดาแต่เพียงผู้เดียว แฝดทั้งคู่จึงช่วยเหลือมารดาเท่าที่เด็กในวัยเดียวกันจะทำได้ เช่น จับปลา ขายน้ำมันมะพร้าว และทำไข่เค็มขาย จนในปี พ.ศ. 2367 ความพิเศษของเด็กทั้งคู่ทราบไปถึงพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นางนากและอิน-จันเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วในปี พ.ศ. 2370 ก็มีพระบรมราชานุญาตให้อิน-จันได้เดินทางร่วมไปกับคณะทูตเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศโคชินไชน่า (เวียดนามในปัจจุบัน) ภาพวาดฝาแฝดอิน-จัน บังเกอร์ ราว ค.ศ. 1836ในปี พ.ศ. 2367 นายโรเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษ หรือที่คนไทยสมัยนั้นเรียกว่า "นายหันแตร" ได้นั่งเรือผ่านแม่น้ำแม่กลอง และได้พบแฝดคู่นี้กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ ด้วยความประหลาดและน่าสนใจ นายฮันเตอร์จึงคิดที่จะนำฝาแฝดคู่นี้ไปแสดงโชว์ตัวที่สหรัฐอเมริกา จึงเข้าทำความสนิทสนมกับครอบครัวของฝาแฝดอยู่นานนับปี จนพ่อแม่ของทั้งคู่ไว้วางใจ ในที่สุดนายอาเบล คอฟฟิน กัปตันเรือสินค้า เดอะ ชาเคม (The Sachem) ซึ่งขณะนั้นได้เข้ามาทำการค้าในประเทศไทย ก็เป็นผู้นำตัวคู่แฝดออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2372 ขณะนั้นอิน-จัน อายุได้ 18 ปี โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 138 วัน จึงถึงเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และที่นี่เองที่คู่แฝดได้ทำการเปิดตัว ก่อนจะออกเดินทางแสดงทั่วอเมริกาและยุโรปอีกร่วม 10 ปี (เอกสารบางฉบับบอกว่า ไม่ได้เริ่มที่บอสตัน แต่ไปตั้งหลักที่รัฐแคลิฟอร์เนีย) โดยสัญญาที่ทำไว้กับนายฮันเตอร์และนายคอฟฟินสิ้นสุดลงเมื่อทั้งคู่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ โดยในช่วง 2 ปีแรก ทั้งคู่ก็ได้รับส่วนแบ่งค่าตอบแทน แต่ก็มีบางครั้งก็ถูกเอาเปรียบด้วย เมื่อเป็นอิสระทั้งคู่ก็เปิดการแสดงเอง และได้แสดงไปทั่วสหรัฐอเมริกา
ภรรยาและลูกของอินและจัน
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3087 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2557, 16:28:59 » |
|
การแสดงของคู่แฝดไม่ได้มีจุดขายอยู่ที่ความแปลกประหลาด หรือได้แต่เดินไปมาให้ผู้ชมดูความเป็นแฝดตัวติดกันของตนเท่านั้น แต่อยู่ที่ความสุภาพ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถอันน่าทึ่งของทั้งคู่ โดยทั้งสองได้ออกแบบการแสดงเองเพื่อให้เห็นถึงความว่องไวและพละกำลัง เช่น อิน-จันสามารถตีลังกาไปข้างหน้า-กลับหลังได้พร้อมๆ กัน และท้าผู้ชมมาดวลหมากกระดานกันสดๆ กลางเวที เล่นกายกรรม ตีแบดมินตัน
อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2378 (ค.ศ. 1835) อิน-จันก็ได้มีโอกาสไปปรากฏตัวในประเทศฝรั่งเศส แฝด อิน-จัน ทำงานกับคอฟฟินจนกระทั่งครบสัญญาในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2375 (ค.ศ. 1832) หลังเขาทั้งสองได้แยกตัวออกจากคณะมหรสพอย่างเป็นทางการ และเปิดการแสดงอย่างอิสระ ตระเวนออกแสดงทั่วสหรัฐฯ และอังกฤษ เนื่องจากจับได้ว่าคอฟฟินโกงเงินค่าตัวและดูแลพวกเขาไม่ดีพอทั้งที่พวกเขาสร้างรายได้ให้แก่คอฟฟินอย่างมหาศาล ความอดทนของพวกเขาถึงขีดสุดเมื่อคอฟฟินจัดให้พวกเขานอนใน "ห้องคนใช้" ภายในเรือโดยสารที่จะไปเดินสายแสดงในต่างประเทศ
หลังจากพวกเขาแยกออกมาแสดงเอง ทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้นจนมีฐานะร่ำรวย หลังจากการตระเวนแสดงให้คนดูในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่หลายปี แฝดอิน-จัน ได้พบเห็นบ้านเมืองและภูมิประเทศต่างๆ มากมาย พร้อมกับได้เรียนรู้ภาษาและขนบธรรมเนียมของอเมริกันชนจนเจนจบ ทั้งคู่จึงตกลงใจเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน และการตระเวนเปิดการแสดงตามที่ต่างๆ ทำให้พวกเขาพอมีเงินที่จะซื้อที่ดินได้ โดยทั้งสองทำรายได้ทั้งหมดประมาณ 60,000 เหรียญสหรัฐฯ ดังนั้นเมื่อทั้งคู่มีอายุได้ 28 ปี ใน พ.ศ. 2382 จึงได้ลงหลักปักฐานที่ตาบลแทรพฮิลล์ ในมลรัฐนอร์ท แคโรไลนา โดยซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่ และสามารถซื้อที่ดินทำไร่เป็นของตัวเองบนเนื้อที่ 150 เอเคอร์
อิน-จันหันไปทำไร่ยาสูบจนประสบความสำเร็จ มีฐานะร่ำรวยขึ้น ต่อมาพวกเขาได้ใช้นามสกุลว่า บังเกอร์ (Bunker) ในปี พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) เพื่อให้มีสิทธิเป็นชาวอเมริกัน เพราะทางการไม่ยอมให้โอนสัญชาติหากไม่มีชื่อสกุลเป็นคริสต์ ทั้งคู่เป็นคนไทยค่แรกที่ขอโอนสัญชาติ เมื่อมีอายุได้ 31 ปี อินและจันได้พบรักและแต่งงานพร้อมๆ กัน อินแต่งงานกับมิสซาร่า เยสท์ หรือแซลลี เยตส์ อายุ 20 ปี ส่วนจัน แต่งงงานกับมิสอาดิเลด เยสท์ อายุ 19 ปี โดยทั้งสองคู่ได้ท าพิธีแต่งงานที่โบสถ์เมธอดิสท์ ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2386 (ค.ศ. 1843) โดยอิน-จันปลูกบ้านให้ภรรยาอยู่คนละหลัง ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร
แรกทีเดียวทั้งสี่คนนั้นอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน ภรรยาของแฝดอิน-จันเป็นลูกสาวของหมอสอนศาสนา ทั้งคู่ได้มีบุตรคนแรกในเวลาไล่เลี่ยกันโดยห่างกันเพียง 6 วัน อินมีลูก 11 คน จันมีลูก 10 คน ระยะเวลาเพียงสิบกว่าปี สองครอบครัวมีลูกรวมกัน 21 คนพอดี ไม่ปรากฏว่าลูกคนใดมีความผิดปกติ นอกจากมีบันทึกว่า 2 คนเป็นใบ้ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างมีลูกได้ 3 คนแล้ว ภรรยาทั้งสองก็ขอแยกไปอยู่ต่างบ้าน ด้วยเหตุผลแรกที่ต้องการพื้นที่เลี้ยงดูลูกมากขึ้น และสาเหตุที่สองคือเพราะภรรยาทั้งสองเริ่มทะเลาะเบาะแว้งกัน อิน-จันจึงลงเอยด้วยการสร้างบ้านใหม่ขึ้นอีกหลังหนึ่ง แล้วไปอยู่บ้านละ 3 วันสลับกันเมื่อผู้หญิงทั้งสองคนต้องมีสามีตัวติดกันจึงจำเป็นต้องตกลงแบ่งสรรปันส่วนเวลากัน โดยจะผลัดกันอยู่บ้านละ 3 วันเพื่อไม่ให้เสียเปรียบได้เปรียบกัน นอกจากนี้ยังมีการตกลงกันว่า ระหว่างที่อยู่บ้านใครคนนั้นเป็นเจ้าของบ้านถือว่าผู้นั้นใหญ่สุด เจ้าของบ้านจะทำอะไรอีกฝ่ายต้องตามใจทุกอย่าง
การที่อิน-จันมีครอบครัวนำมาซึ่งความสงสัยของคนโดยทั่วไปว่า เมื่อเวลาอินหรือจันมีความสัมพันธ์กับภรรยา อีกคนหนึ่งจะอยู่ในลักษณะใด และจะปฏิบัติตัวเช่นไร ซึ่งอินและจันก็ไม่เคยตอบคำถามนี้แก่ใครเลย แต่เรื่องที่เล่ากันก็คือ เพื่อให้เป็นไปตามครรลองของประเพณีอันดีงามและหลีกเลี่ยงคำครหาในยุคนั้น แฝดอิน-จันใช้วิธีขึงผ้าไว้ตรงกลางเวลาหลับนอนกับภรรยา เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเห็นรายละเอียดขณะหลับนอน เนื่องจากทั้งสองมีระบบประสาทที่แยกต่างหากจากกัน ฉะนั้นจึงไม่น่าที่อีกฝ่ายจะพลอยตื่นเต้นขึ้นมากมายไปกับความรู้สึกต่างๆ นานาในระดับเดียวกันโดยปริยายไปด้วย อิน-จัน มักเข้านอนเวลาเดียวกันหลับเวลาเดียวกัน ต่างกันเพียงเวลาตื่น จันตื่นนอนก่อนอินประมาณหนึ่งชั่วโมง จันชอบทำงานบ้าน ส่วนอินชอบออกไปดูไร่ ที่น่าแปลกก็คือคนสองคนนี้แม้ว่าจะดูเป็นคนๆ เดียวกันแต่กลับถือนิกายต่างกันอินเป็นแบบติสต์ ส่วนจันถือโรมันคาทอลิค แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธจะเข้าโบสถ์ที่อีกคนหนึ่งเข้าเป็นประจำระหว่างสงคราม กลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ในประเทศอเมริกา อินเข้ากับฝ่ายเหนือ จันถือหางฝ่ายใต้ถึงขนาดส่งลูกชายเข้าร่วมรบในสงครามด้วย หลายปีต่อมาหลังแต่งงาน จันกลายเป็นคนติดเหล้า ส่วนอินติดไพ่ และสองพี่น้องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างไม่หยุดหย่อน ว่ากันว่าอินกับจันนิสัยไม่ค่อยเหมือนกัน อินเป็นคนเรียบร้อยชอบอยู่เงียบๆ ว่านอนสอนง่าย ช่างฝัน ใจเย็น และมักจะเป็นฝ่ายยินยอมอ่อนตาม แต่มีข้อเสียคือชอบเล่นไพ่ ส่วนจันเป็นคนโผงผาง ใจร้อน โมโหง่าย เป็นผู้นำ และชอบกินเหล้า บ่อยครั้งที่ทั้งสองมีความคิดที่จะผ่าตัดแยกตัวแต่ก็ต้องล้มเลิกไปทุกครั้ง
พ.ศ. 2414 แฝดอิน-จัน มีอายุได้ 60 ปี จึงหยุดการแสดงโชว์ หลังจากนั้นอินและจันเกิดป่วยเป็นอัมพาตซีกขวา อินทั้งดื่มสุราจัดด้วย จึงทำให้สุขภาพของจันเสื่อมโทรมลงไปด้วย แพทย์ตรวจพบว่าจันป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ มีอาการรุนแรงและทรุดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในคืนวันที่ 17 อินเห็นดังนั้นจึงขอร้องให้จันไปนอนพักผ่อน แต่จันอ้อนวอนอินให้นั่งหน้าเตาผิงเป็นเพื่อนเขาต่อไป ในเวลาต่อมาเมื่อจันรู้สึกดีขึ้นเขาจึงยอมเข้านอน เมื่อจันเข้านอนได้ไม่นานนัก อินก็พบว่าจันได้ตายจากเขาไปเสียแล้ว ไม่มีใครรู้ซึ้งถึงจิตใจของอินว่าความผูกพันด้านจิตใจของเขาต่อคู่แฝดที่จาก ไปนั้นมันล้ำลึกแค่ไหน อินนอนกอดศพจันที่หมดลมหายใจไปแล้วอยู่ตลอดเวลา จนอีกสองชั่วโมงต่อมาอินก็ตายตามจันไปอย่างสงบ รวมอายุ ได้ 62 ปี ศพของคนทั้งคู่ฝังอยู่ที่สุสานของโบสถ์ไวท์เพลนส์ เมืองเมาท์แอรี สหรัฐอเมริกา
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3088 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2557, 07:30:36 » |
|
มาฟื้นความจำ พี่เคยซื้อหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นของเครือมติชน อ่านไปเมื่อหลายปีก่อน เสียดายที่ อิน-จัน ไปอยู่สหรัฐนานจนจำญาติในเมืองไทยไม่ได้
|
|
|
|
supichaya
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2524
คณะ: เศรษฐศาสตร์
กระทู้: 213
|
|
« ตอบ #3089 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2557, 13:43:48 » |
|
อาคารบ้านเรือนยังสวยงามแบบดั้งเดิมเลย พี่เริงถ่ายรูปมาให้ดูทุกมุมเลย รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ยังดูดี โดยเฉพาะตู้ ดีกว่าของใหม่มากเลยค่ะ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3090 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2557, 20:04:19 » |
|
หลายวันก่อนไปแถวคลองด่าน คลองที่แยกมาจากคลองบางบอกใหญ่ใกล้ตลาดพลู...เพื่อชมวัด
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3091 เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2557, 20:07:33 » |
|
วัดที่ว่านี้คือวัดนางนองฯ วัดหนังฯและวัดราชโอรสฯ (รอบนี้เท่านี้ก่อนครับ)
วัดหนังฯและวัดราชโอรสฯอยู่ฝั่งขวา ส่วนวัดนางนองฯอยู่ฝั่งซ้ายของคลองด่าน ภาพนี้ถ่ายจากสะพานข้ามคลอง
|
|
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #3095 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2557, 10:11:55 » |
|
คุณต้อย
ของโบราณอยากให้อยู่รวมกัน เคนอยู่ที่ไหน-ก็อยู่ที่นั่น แยกย้ายจากกันเมื่อไหร่ ก็จะสูญหายไปเมื่อนั้น เพราะมันต่างยุด ไปรวมอยู่กับยุคอื่น ก็ดูไม่เด่น
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3097 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2557, 18:31:52 » |
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #3098 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2557, 18:40:31 » |
|
|
|
|
|
|
|