26 พฤศจิกายน 2567, 23:00:11
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 57 58 [59] 60 61 ... 131   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: ตามครูไปเที่ยว  (อ่าน 926372 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1450 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 19:58:11 »

อดีตอันรุ่งเรืองของที่นี่








      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1451 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 20:02:55 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1452 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 20:08:36 »










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1453 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 21:02:25 »

ชมของเก่าแล้ว ได้เวลากลับสู่ปัจจุบัน ฮ่า ฮ่า

ภาพบางส่วนของที่นี่ ทราบว่ามีร้านค้า ๑,๕๐๐ ร้าน มีพื้นที่ ๗๐ ไร่และเป็นของ"ช้าง"

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1454 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 21:05:51 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1455 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 21:11:24 »




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1456 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556, 21:16:09 »

พัก



และกลับทางถนน..ในเวลานี้


      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1457 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 09:24:04 »




อีสต์เอเชียติ๊ก แปลงร่างเป็น East India Company

บริษัทที่แปลงร่างของอังกฤษ ก่อตั้งที่อินเดียด้วยเช่นกัน
มีการผลิตเหรียญเงินขึ้นใช้ แทนเงินรูปีของอินเดีย
ด้วยเนื้อเงินที่ดีกว่า มีน้ำหนักตรงกว่าเงินรูปี จนคนอินเดียไม่เชื่อถือเงินรูปี
ที่สุด อิสต์เอเชียติีก ก็ยึดประเทศอินเดียได้ทั้งหมดและเป็นอาณานิคมของอังกฤษไปในที่สุด




      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1458 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 09:52:59 »




บริษัท อีสต์ เอเชียติ๊ก ก่อตั้งในปี พ.ศ.2427 โดยบริษัทแอนเดอร์แซน แอนด์ โก ของนายฮันส์ นิลล์ แอนเดอร์เซน ชาวเดนมาร์ก ซึ่งรับราชการเป็นผู้บังคับการประจำเรือหลวงในรัชกาลที่ 5 เพื่อทำการค้าไม้สักไปต่างประเทศ และขนส่งผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างประเทศด้วย [สำหรับอาคาร "บริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน)" ปัจจุบันนี้เป็นอาคารอนุรักษ์ มีตราสัญลักษณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ติดไว้ด้านหน้า อนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ราวปี 2528 เป็นต้นมา และได้ขายตึกนี้ให้กับเจ้าพ่อน้ำเมา ไปเมื่อ 20 ปีก่อนแล้วย้ายไปที่ทำการใหม่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามบ่อนไก่ ปัจจุบันนี้ 2553 ทราบว่าบริษัทได้ขายให้กับคนอื่นไปแล้วโดยเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นไป อันเป็นการปิดตำนาน 100 กว่าปี

บริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มีความชำนาญด้านการเดินเรือสมุทร และเข้ามาก่อตั้งกิจการในประเทศไทย โดยตั้งทำการอยู่ที่ตรอกโอเรียนเต็ล ทำกิจการค้าไม้สักจนร่ำรวย และควบคู่กับกิจการเดินเรือระหว่างประเทศ บริษัทรับใช้ระดับพระราชวงศ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน

  อาคารประกอบด้วยกลุ่มอาคาร 2 หลัง และเชื่อมกันด้วยสะพานเชื่อมกันบริเวณชั้นสองของตัวตึก อาคารมีสามชั้น พื้นชั้นล่างเทปูนหินขัด ส่วนชั้นบน และชั้นสาม ตลอดจนบันได ทำด้วยไม้สักทั้งสิ้น โดยเฉพาะบันไดมีขนาดใหญ่ แข็งแรง ลูกกรงกลึงรูปทรงแจกัน เป็นไม้ทั้งท่อน ส่วนพื้นชั้นสองและชั้นสาม เป็นไม้สักที่เป็นชิ้นโตสัก 50 ซม ได้วางขัดกันไป

ผนังอาคารแบบโบราณ ก่ออิฐและผนังมีความหนามาก เหมือนอย่างวัดโบราณ และเคยทราบมาว่า การวางเสาเข็มของทั้งสองอาคาร ก็เป็นแบบเอาไม้ซุงมาวางขัดกัน รองไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแข็งแรงและอยู่ริมน้ำมาจนทุกวันนี้ ถนนรอบตึกได้ถมสูงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก่อนเวลาเข้าอาคารต้องเดินขึ้นบันได 3 ขั้นแล้วเข้าสู่ตัวอาคาร

ด้านหน้าเป็นบันไดปีกสองข้าง เดินเข้าไปจะเป็นห้องที่ทำงานของ "นายห้าง" ซึ่งเป็นฝรั่งชาวเดนมาร์ค และลึกเข้าไปก็เป็นพนักงานฝ่ายบัญชี ริมอาคารมีทางเดินเล็กๆ ลงไปห้องน้ำชั้นล่าง ซึ่งห้องน้ำมีความเก่าแก่พอกับอายุตึก คือ กรุด้วยกระเบื้องดินเผาสีแดง สุขภัณฑ์โถนั่งที่ชักโครกเป็นถังสูงอยู่เหนือหัวเรา เวลากดน้ำก็กระตุกโซ่ให้น้ำไหลลงมา

ลานหน้าอาคารเป็นลานคอนกรีตขนาดเล็ก ติดกับท่าเรือโอเรียนเต็ล มีแขกยามเฝ้า ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบเก่า ใช้แขกปาทาน ห่มขาว นุ่งโสร่งขาว หนวดปั้นน้ำมันเรียวแหลม คอยเฝ้ายามอย่างดี เคยล้อว่า "บาบู" ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด้วยรั้วติดกันแต่เปิดโล่งถึงกัน ก็เป็นอาคารของธนาคาร อินโดจีน แต่สมัยที่ผมกล่าวนี้ คงเปลี่ยนเป็นที่ทำการของคริสจักรไปแล้ว ซึ่งหน้าอาคารมีต้นไทรขนาดใหญ่ นั่งเล่นบนหลังเขื่อนได้ ดูน้ำเจ้าพระยาซัดหาตลิ่งมิรู้เบื่อ

ต่อด้วยท่าเรือที่ยื่นด้วยโป๊ะลงในแม่น้ำ แต่ก่อนมี สองโป๊ะ ภายหลังยุบเหลือโป๊เดียว ซึ่งโป๊ะเรือนี้จะมีบริการเรือข้ามฟากของบริษัท ข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ที่ทำการของนมดูเม็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และติดกับบริษัท ดูเม็กซ์ จะเป็นลานพักสินค้าของบริษัท เสริมสุข (เป็บซี่) กองขวดไว้มากมาย ท่าเรือหน้าบริษัท อีสเอเซียติ๊ก นี้ได้รับเกียรติจากเจ้านายเชื้อพระวงศ์เดนมาร์คมาหลายพระองค์ รวมทั้งโป๊บสันตะปาปาจอนห์ปอลที่ 2 ก็เสด็จมาขึ้นที่ท่าน้ำแห่งนี้






      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1459 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 13:18:02 »

แอนเดอร์ซั่นกับอีสเอเซียติค  -เยอะแยะ- ฮ่า ฮ่า

บริษัทอี๊สต์เอเชียติ๊ก (อีเอซี) เป็นบริษัทการค้าระหว่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก ปัจจุบันมีพนักงานทั้งหมดเกือบ 30,000 คน และมีบริษัทในเครือกว่า 130 แห่ง กระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก

อี๊สต์เอเชียติ๊ก จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2440 หรือเมื่อ 87 ปีที่แล้ว แต่ถ้าจะพูดถึงจุดกำเนิดจริงๆ ก็คงต้องย้อนเหตุการณ์กลับไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาของไทยบริเวณใกล้ๆ กับโรงแรมโอเรียนเต็ลในปัจจุบัน ในครั้งที่กัปตันหนุ่มชาวเดนมาร์กชื่อ ฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซ่น ได้ก่อตั้งบริษัทแอนเดอร์เซ่น แอนด์ โก ขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2427 หรือ 100 ปีล่วงมาแล้ว

แอนเดอร์เซ่น เข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2413 ขณะที่เขาเพิ่งจะมีอายุเพียง 28 ปี และด้วยความช่วยเหลือจากคนเดนมาร์กในราชสำนักกรุงสยาม ก็ทำให้แอนเดอร์เซ่นได้ทำงานในกองทัพเรือ มีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการประจำเรือหลวง “ทูลกระหม่อม”
เขาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวสองปี จึงกราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1460 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 13:20:14 »

แอนเดอร์เซ่นเริ่มจับธุรกิจแรกด้วยการซื้อโรงแรมโอเรียนเต็ลมาดำเนินการ พร้อมๆ กับการเป็นนายหน้าค้าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปจรดปลายถนนเจริญกรุง

เขาประสบความสำเร็จงดงามมาก เพราะช่วงนั้นกรุงเทพฯ กำลังมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งก็รวมถึงการค้าและการลงทุนด้วย

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2427 ขณะที่แอนเดอร์เซ่นมีอายุ 32 ปี เขาก็ได้ก่อตั้งบริษัทการค้าขึ้นมาบริษัทหนึ่งชื่อว่า บริษัทแอนเดอร์เซ่น แอนด์ โก

ธุรกิจหลักและก็เป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรมหาศาลให้กับบริษัทแอนเดอร์เซ่น แอนด์ โก ก็คือ การส่งออกไม้สักไปต่างประเทศ

ปี พ.ศ. 2437 แอนเดอร์เซ่นขยายกิจการโรงแรมโอเรียนเต็ลออกไป และในปี 2440 ก็ได้มีการประชุมจัดตั้งบริษัทอี๊สต์เอเชียติ๊กขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกน นครหลวงของประเทศเดนมาร์กโดยใช้สินทรัพย์ของบริษัทแอนเดอร์เซ่น แอนด์ โก ในกรุงเทพฯ เป็นรากฐานในการก่อตั้งครั้งนี้

ต่อมาบริษัทแอนเดอร์เซ่น แอนด์ โก ก็เปลี่ยนสภาพเป็นบริษัทอี๊สต์เอเชียติ๊กสาขาประเทศไทย และเพิ่งจะได้มีการโอนสาขาประเทศไทยแห่งนี้เป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยเพื่อให้คนเจ้าของประเทศได้มีส่วนเป็นเจ้าของบ้างเมื่อปี พ.ศ. 2520 นี่เอง

ความสำเร็จของอี๊สต์เอเชียติ๊กนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเข้าดำเนินการธุรกิจเดินเรืออย่างจริงจังตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1461 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556, 13:37:28 »

เมือผมอายุประมาณ ๑๒ ปี ได้เห็นป้ายสวนยางพาราของบริษัทอิสต์ เอเซียติค หลายๆไร่ที่จันทบุรี  

เพราะมีการทำยางพาราของบริษัทนี้ นี่เอง (ตามข้อความนี้)


"การควบคุมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญหลายเส้นทางไว้ในมือนี่เอง ได้ทำให้กิจการค้าทั้งด้านการส่งออกไม้สัก ยางพารา และการนำเข้าเครื่องจักรเคมีภัณฑ์ ในยุคแรกๆ ของบริษัทอี๊สต์เอเชียติ๊กสาขาประเทศไทยประสบผลสำเร็จอย่างมากๆ "
      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #1462 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 01:29:17 »



น้องเริง
พี่ส่งข้อความไปให้น้องอ่านแล้วยังครับ
โชคดีมีชัยนะน้องนะ  จะให้รับใช้อะไรทางโน้นก็บอกไปนะคร้าบ
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1463 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 05:03:06 »

สวัสดี พี่ติ๋ม

รับทราบแล้ว ขอขอบคุณครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #1464 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 05:27:57 »

สวัสดี น้องเริง


เข้าเว็ปแต่ตีห้าเลย
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1465 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 15:31:39 »

ด้วยมีรายการจะไปทอดผ้าป่าที่วัดไทยในรัฐเกดะห์ของมาเลเซีย

      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1466 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 15:44:19 »

เมืองไทรบุรีก่อนที่จะเป็นของมาเลเซีย

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อังกฤษเข้ามามีอำนาจในดินแดนมาลายู โดยเจ้าเมืองไทรบุรีมีแผนการณ์หวังที่จะให้อังกฤษโดยมีข้อแม้ว่าต้องช่วยเมืองไทรบุรีให้ปลดปล่อยออกอำนาจของสยาม โดยเจ้าเมืองไทรบุรีมีข้อแลกเปลี่ยนคือยกเกาะหมากหรือเกาะปีนังในปัจจุบัน ให้กับอังกฤษ แต่อังกฤษสนใจเฉพาะการค้าเท่านั้นไม่มีต้องการมีเรื่องกับสยามเพราะการค้าของอังกฤษในสยามกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จึงปฏิเสธเจ้าเมืองไทรบุรีไปโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของประเทศอื่น ปีนังจึงอยู่ในการปกครองของต่อไป ต่อมาอังกฤษยึดอินเดียและพม่าเป็นรัฐอารักขาได้แล้ว และมีแผนขยายอำนาจอังกฤษจึงยอมรับข้อตกลงรับเกาะหมากหรือเกาะปีนังจากเมืองไทรบุรี โดยเรื่องนี้เมืองไทรบุรีไม่ได้แจ้งให้สยามซึ่งมีอำนาจเหนือเมืองไทรบุรีในขณะนั้นทราบ ทางสยามเมื่อทราบจึงส่งกองทัพยกกำลังเพื่อมาจับเจ้าเมืองไทรบุรีเพื่อพิจารณาโทษที่กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเจ้าเมืองไทรบุรีหนีเข้าไปอยู่ในเขตของอังกฤษ โดยสยามในขณะนั้นมีนโยบายไม่อยากเป็นศัตรูและรู้ว่าไม่สามารถทัดทานอำนาจของอังกฤษได้ ซึ่งผลทำให้เกาะปีนังตกเป็นของอังกฤษตั้งแต่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2329 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยต้องการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่ได้เคยทำไว้กับอังกฤษโดยต้องการให้ได้มาซึ่งอำนาจ ศาลไทยที่จะพิจาณาคดีและบังคับคดีความผิดของคนอังกฤษและคนในบังคับอังกฤษซึ่งขณะนั้นได้สร้างปัญหามากมายกับสยาม โดยอังกฤษมีข้อแลกเปลี่ยนคือสยามจะต้องยกสี่รัฐมาลัยให้เป็นของอังกฤษ ประกอบด้วย กลันตัน,ตรังกานู,ไทรบุรี,ปะริด ซึ่งสยามได้พิจารณาและตัดสินใจยอมยกสี่รัฐมาลัยให้แก่อังกฤษเมื่อ 10 มีนาคม 2441 เพื่อแลกเปลี่ยนตามเงื่อนไข ด้วยเหตุนี้เมืองไทรบุรีก็ตกอยู่ภายใต้รัฐมาลายูของอังกฤษ เมื่อเมืองไทรบุรีได้เข้าไปรวมอยู่รัฐมาลายูของอังกฤษซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม จึงได้เปลี่ยนชื่อไทรบุรี เป็น เกดะห์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1467 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 15:46:30 »

ดังนั้นจึงมีคนไทยติดแผ่นดินอยู่มาก มีวัดไทยหลายๆวัด สอนภาษาไทยและกิจกรรมตามประเพณีของไทยต่างๆด้วย  เช่นที่วัดนี้

วัดบุญญาราม เขตปาดังเซรา เป็นที่ตั้งของโรงเรียนภาษาไทย ซึ่งเปิดการเรียนสอนมานานกว่า ๖๐ ปี โดย พระเทพมงคลญาณ อดีพเจ้าอาวาสดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยทำหน้าที่ในการสอนภาษาไทยแก่คนไทยมาเลย์ทั้งหลายที่มีอยู่จำนวนมากใน ละแวกวัดนี้ รวมทั้งการอบรมสั่งสอนให้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และความรู้ความเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง  วัดบุญญาราม นี้จึงถือเป็นศูนย์กลางของคนไทยมาเลย์ในรัฐเกดะห์ที่พวกเราคนไทยในเมืองไทย ควรจะสนับสนุนในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ถวายเครื่องอัฏบริขารต่างๆ รวมจนถึงหนังสือภาษาไทย ทั้งที่เป็นตำราเรียน และหนังสืออ่านประกอบอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยมาเลย์มีความต้องการมากที่สุด เพื่อให้ลูกหลานคนไทยที่นั่นมีหนังสืออ่านเขียน ไม่ลืมภาษาไทยของบรรพบุรุษ เป็นความปรารถนาของหลวงพ่อก่อนที่ท่านจะมรณภาพ
      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1468 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 16:28:44 »

ตัวอย่างหนังสือเรียน










      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1469 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 17:00:38 »

อาคารเก่าของวัดต่างๆที่ครั้งยังเป็นเมืองไทรบุรี เหมือนวัดที่จังหวัดสงขลา





      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1470 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 21:32:17 »

จีนโหวตทางเน็ตฯ สมเด็จพระเทพฯ มิตรดีที่สุดในโลก
  

จีนโหวตทางเน็ตฯ สมเด็จพระเทพฯ มิตรดีที่สุดในโลก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับการเทิดทูนและยกย่องจากชาวจีนให้เป็น "มิตรที่ดีที่สุดในโลก" อันดับที่ 2 โดยทรงได้รับคะแนนโหวตจากชาวจีนทั่วประเทศถึงกว่า 2 ล้านคะแนน คนไทยสุดปลื้มปีติ..

ที่ทรงได้รับการถวายพระเกียรติ หลังจากก่อนหน้านี้ทรงได้รับการถวายพระสมัญญาว่าเป็น "ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน" และทรงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนแน่นแฟ้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ จากการเสด็จฯเยือนจีนจนครบหมดทั่วทุกมณฑลของจีนที่กว้างใหญ่ไพศาล ... ทรงพระเจริญ
 


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1471 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 21:44:03 »

10 อันดับพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโลก 2012

อันดับที่ 1
            ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช พระองค์ทรงเป็นพระมหามหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโลก นั้นคือ 66 ปี และทีมงาน toptenthailand ทุกคนขอให้พระองค์ทรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน


      บันทึกการเข้า
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
***


เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692

« ตอบ #1472 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556, 21:57:21 »



น้องเริง
กระทู้นี้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ
Keep up the good work.


 ชอบนะ ชอบนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

ติ๋ม จันทร์ฉาย
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1473 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 17:37:35 »

ไปทำภารกิจแถวถนนสามเสน  เสร็จแล้วจึงเดินเล่น

เริ่มแยกบางขุนพรหม ถนนวิสุทธิกษัตริย์


      บันทึกการเข้า
เริง2520
Cmadong ชั้นเซียน
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,341

« ตอบ #1474 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2556, 17:45:34 »

ไปตามถนนสามเสน ผ่านร้านค้าเดิมๆก่อนที่จะข้ามคลองบางลำภูด้วยสะพานนี้







      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 57 58 [59] 60 61 ... 131   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

สมาคมนิสิตเก่าหอพักนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มวลสมาชิกสมาคม คณาจารย์ และนิสิตเก่าทุกคน ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย  พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ <;))))><