khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1925 เมื่อ: 10 กันยายน 2556, 19:42:35 » |
|
พี่เหยงขา, ยิ่งฉิ่งฉับทัวร์ ยิ่งชาวบ้านชาวบ้าน.. ยิ่งต้องใช้คำที่ตรง เข้าเป้าทันทีกับเค้า ไปห้ามเค้าเดินเพ่นพ่านไม่ได้ใช่มั้ยคะ? แต่ห้ามส่งเสียงได้ เพื่อไม่ให้รบกวนสถานที่
ความจริง,ตรงท่าจอดรถนั่นแหละคะ ควรที่จะบอกกล่าวกันก่อนปล่อยลง!
อย่าว่าแต่ฉิ่งฉับคะพี่ท่าน... งานศพเค้ายังระรื่นฮาหัวกันม่วนซื่น ใช่จะรักษาอาการกันที่ไหน??
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1926 เมื่อ: 10 กันยายน 2556, 19:47:28 » |
|
พี่เริง, 3 วันช่วงไหนคะ 3-23 หนิงลองclickหาตั๋วดู เผื่อได้ตาราง ได้connection เพราะที่เที่ยวBristolแยกๆกัน เดินเท้าไม่ได้ค่ะ
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #1927 เมื่อ: 10 กันยายน 2556, 19:48:26 » |
|
|
|
|
|
khesorn mueller
|
|
« ตอบ #1928 เมื่อ: 10 กันยายน 2556, 19:54:17 » |
|
พี่ พี่, ที่ตึกเค้าเขียนว่าอะไรนะคะ? "ศุลกสถาน" ศุลกากรนะคะ?? customs?
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #1929 เมื่อ: 10 กันยายน 2556, 20:07:29 » |
|
วัดป่าบ้านตาด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2498 ต่อมากระทรวงศึกษาธิการ ประกาศตั้งขึ้นเป็นวัดในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2513 ให้ชื่อว่า วัดเกษรศีลคุณ ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในนาม วัดป่าบ้านตาด ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ห่างจากตัวเมืองอุดรธานีไปทางทิศใต้ ประมาณ 16 กิโลเมตรโดยมีศรัทธาญาติโยมชาวบ้านตาดถวาย พื้นที่ในกำแพงล้อมรอบประมาณ 163 ไร่ และบริเวณรอบกำแพงที่มีผู้ซื้อที่ถวายอีกหลายแปลง ตลอดทั้งทางวัดซื้อที่เพิ่ม อีกประมาณ 140 ไร่ รวมประมาณ 300 ไร่ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อันสงบเรียบง่าย ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่นานาพันธุ์ เป็นสถานที่พึ่งพิงของสัตว์น้อยใหญ่ ในเขตอภัยทานหลากชนิด อาทิ ไก่ป่า กระรอก กระแต กระต่าย เต่า แย้ นก ฯลฯ
ภายในวัดมีศาลาการเปรียญซึ่งเป็นศาลาไม้หลังใหญ่ เดิมทีเป็นศาลาชั้นเดียวยกพื้นเตี้ย แต่ภายหลังถูกยกให้สูงขึ้น 2 ชั้น เพื่อจะใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ด้านบนศาลานั้น ให้เป็นที่ประดิษฐาน ของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เป็นพระประธานของวัด ใช้เป็นที่แสดงธรรมอบรมแก่พระภิกษุสามเณรในวัด ตลอดจนเป็นที่ประชุมทำสังฆกรรมร่วมกัน เช่น สวดพระปาฏิโมกข์ อธิษฐานเข้าพรรษา สวดปวารณา และกรานกฐินเป็นต้น ตู้ด้านขวาขององค์พระประธาน นั้น เป็นที่ประดิษฐานอัฐิธาตุของ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงตามหาบัว รวมทั้งอัฐิธาตุของครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ ส่วนด้านล่างศาลานั้นใช้เป็นที่สำหรับฉันภัตตาหารเช้า สถานที่ที่หลวงตามหาบัวใช้ในการแสดงธรรมเทศนาและปฏิสันถารกับศรัทธาฆราวาสญาติโยม ที่มาจากทุกสารทิศอย่างไม่ขาดสายไม่เว้นแต่ละวัน
กุฏิของพระภิกษุสามเณรแต่ละรูป เป็นกุฏิเรียบง่าย พอแก่การบังแดด ลม ฝน จะสูงจากพื้นดิน ประมาณ 1 เมตร เพื่อกันการรบกวนจากสัตว์เลื้อยคลาน ความชื้นจากพื้นดิน ฯลฯ มีขนาดเพียงพอ สำหรับอยู่เพียงองค์เดียว ฝาผนังส่วนใหญ่ใช้จีวรเก่าขึงแทน เพื่อกันลม กันฝน ใช้มุ้งกลดกันยุง ภายในกุฏิจะมีเพียงกลด เสื่อปูนอน ผ้าห่ม เครื่องอัฏฐบริขาร ตะเกียงหรือเทียนไข และของใช้ ที่จำเป็นอื่นๆ ด้านหัวนอนจะมีพระพุทธรูปหรือรูปครูบาอาจารย์ติดไว้ เพื่อกราบไหว้บูชาเป็น กำลังใจในการบำเพ็ญภาวนา ทุกกุฏิจะมีทางเดินจงกรมอย่างน้อย 1 เส้น ยาวประมาณ 25 ก้าว อยู่ใต้ร่มไม้ดูร่มเย็น ในยามค่ำคืนการเดินจงกรม จะใช้โคมเทียนจุดสว่างพอให้เห็นทาง กุฏิแต่ละหลัง จะมองไม่เห็นกันประหนึ่งว่า อยู่ท่ามกลางป่าเพียง องค์เดียว เพื่อให้สัปปายะสะดวกในการบำเพ็ญ สมณธรรม
กุฏิที่สร้างถาวรมีอยู่รวมประมาณ 10 กว่าหลัง เป็นกุฏิของหลวงตา ภิกษุสูงอายุ กุฏิของญาติโยม ตามปกติญาติโยมทั้งหญิงและชายมักมาขออยู่พัก ปฏิบัติธรรมภาวนา เป็นช่วงเวลาสั้นๆ โดยเฉลี่ยอยู่ในระหว่าง ประมาณ 50-100 คน จัดแยก เขตกันระหว่างพระภิกษุสามเณร ญาติโยมชายและหญิงอย่างเป็นระเบียบ
สำหรับวัดป่าบ้านตาดนี้ หลวงตาท่านเน้นย้ำถึงเรื่องมหาภัย 5 ประเภทที่ไม่ให้พระเกี่ยวข้องเด็ดขาด คือ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ วิดิโอ โทรศัพท์ เพราะเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญสมณ ธรรมโดยตรง อีกทั้งไฟฟ้า ก็ไม่ให้ต่อเข้ามาในวัด มีเพียงเครื่องปั่นไฟ เพื่อใช้ในบางกาล ที่ประชาชนมาทำบุญมาก เป็นกรณีพิเศษในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น
กิจวัตรประจำวันหลักของพระเณรก็คือ การนั่งสมาธิภาวนา เดินจงกรม เพื่อฝึกสติปัญญา และชำระกิเลสตัวร้อนรุ่มกระวนกระวายภายในจิตใจให้เหือดแห้งไป พระในวัดนี้จะไม่รับกิจนิมนต์ ไปฉันในที่ต่างๆ เพื่อมีเวลาสำหรับบำเพ็ญเพียรภาวนาเพียงอย่างเดียว
หลวงตาได้ พยายามสอนพระเณรอยู่เสมอ ในเรื่อง ความเรียบง่าย มักน้อยสันโดษ การใช้สอย ปัจจัยสี่ที่ศรัทธาญาติโยมถวายมานั้น ให้เป็นไปด้วยความประหยัด ใช้สอยในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น หลายท่านที่ตั้งใจจะมากราบหลวงตาที่วัด อาจจะแปลกใจหากไม่พบป้ายชื่อวัด แต่นั่นก็อาจจะทำให้หลายคนได้นึกคิดจาก ปริศนาธรรมนี้ว่า หลวงตาท่านทำมีความหมายอย่างไร หลายคนอาจจะตีความหมายไปต่างๆนานา มีบางท่านตีความหมายนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเข้าทีที่สุดว่า การเดินทาง ถ้าเดินตามแผนที่ที่บอกเป็นระยะ ว่าเส้นทางจะผ่านจุดที่สำคัญจุดไหนบ้าง เป็นลำดับ จนกระทั่งการเดินทางตามเส้นทางไปถึงจุดหมาย ถึงแม้จุดหมายจะไม่มีชื่อบอกก็ตาม ทุกคนที่เดินทางไปก็จะทราบเองว่า ถึงจุดหมายหรือยัง ชื่อก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป หรือเส้นทางไปสู่วิมุตตินิพพานก็เช่นกัน ปฏิบัติไปตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าวางไว้ เมื่อไปถึงแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องถามใครว่าถึงจุดมุ่งหมายหรือไม่ ปริศนาธรรมนี้ อาจทำให้ผู้มีปัญญาทั้งหลายพอจะทราบว่า หลวงตาท่านสอนอะไร ตั้งแต่เริ่มก้าวเข้ามาในวัดนี้
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #1930 เมื่อ: 10 กันยายน 2556, 20:22:58 » |
|
ตารางยังไม่แน่นอนทั้ง ๒๐ วันครับ
แต่เท่าที่ทราบมีอิสระให้ ๓ วัน อาจจะรวมกลุ่มกันไปเมื่องอื่นก็ได้ แต่ที่ลอนดอนอยู่ในรายการแล้ว
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1931 เมื่อ: 11 กันยายน 2556, 10:00:04 » |
|
NN
อาจจะถูกต้องน่ะ ศุลกสถาน คือ สถานที่ ศุลกากร อาจหมายถึง เจ้าหน้าที่ หรือพิธีการ ซึ่งต่อมา คำเรียกง่ายกว่า ศุลกสถาน จึงหายไป เหลือเพียงป้ายและสถานที่เก่า
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1933 เมื่อ: 11 กันยายน 2556, 18:53:43 » |
|
ถ้าไม่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน มีหวังโดนพวกรื้อและสร้างใหม่เป็นแน่ ??
|
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1935 เมื่อ: 12 กันยายน 2556, 11:18:02 » |
|
น้องเริง
วันนี้พาไปไหนต่อ ??
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #1936 เมื่อ: 12 กันยายน 2556, 13:28:33 » |
|
ไม่ได้พาไปไหนครับ
๑๖ - ๒๐ กย. มีไปอยุธยา..เมืองเก่า คงมีภาพและเรื่องราวมาชมกัน
อย่างน้อยที่ป้อมเพชรที่มีหลักฐานผลงานของพระยาโบราณฯทำไว้
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #1938 เมื่อ: 13 กันยายน 2556, 20:50:57 » |
|
|
|
|
|
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
Hero Cmadong Member
เป็นญาติพี่น้องกับซีมะโด่ง
ออฟไลน์
รุ่น: 2516
กระทู้: 1,692
|
|
« ตอบ #1940 เมื่อ: 13 กันยายน 2556, 22:14:15 » |
|
ไปเที่ยวกับน้องเริงอีกค่ะ
|
ติ๋ม จันทร์ฉาย
|
|
|
Pete15
|
|
« ตอบ #1941 เมื่อ: 14 กันยายน 2556, 00:34:42 » |
|
มาครับน้องเริง กำลัง สนุกกับตำนาน.....ครับ Thank
|
|
|
|
|
เริง2520
|
|
« ตอบ #1943 เมื่อ: 14 กันยายน 2556, 17:37:35 » |
|
แม่น้ำโขง
แม่น้ำโขง (คำเมือง: ) มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านมณฑลชิงไห่ ประเทศจีน และบริเวณที่ราบสูงธิเบต ไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ ผ่านประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม มีความยาวทั้งหมด 4,880 กิโลเมตร เป็นความยาวในประเทศจีน 2,130 กิโลเมตร ช่วงที่แม่น้ำไหลผ่านประเทศจีนมีชื่อเรียกว่า แม่น้ำหลานชางเจียง หรือ แม่น้ำล้านช้าง และเมื่อไหลผ่านเข้าเขตประเทศพม่า และประเทศลาว เรียกว่า แม่น้ำของ ในภาษาไทยเรียกว่า แม่น้ำโขง ยังเป็นเส้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาวด้วย
ลักษณะสำคัญของแม่น้ำโขงคือ มีตลิ่งที่สูงชันมากทั้งสองฝั่ง ไหลเลี้ยวเลาะไปตามไหล่เขา กระแสน้ำจะไหลจากทางเหนือลงสู่ทางใต้ตลอดทั้งปี ระดับน้ำในฤดูฝนกับฤดูแล้งจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก ความเร็วของกระแสน้ำขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล ดินในแม่น้ำโขงเป็นดินทราย มีเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่าหนึ่งร้อยแห่งเรียงรายตลอดแม่น้ำ การที่แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศต่างๆหลายประเทศเช่นเดียวกับแม่น้ำดานูบในยุโรป ทำให้บางคนเรียกว่าแม่น้ำน้ำนานาชาติ และทำให้ได้รับการขนานนามว่า แม่น้ำดานูบตะวันออก
สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญและพบได้เฉพาะในแม่น้ำโขงได้แก่ ปลาบึก (Pangasianodon gigas)
|
|
|
|
เหยง 16
|
|
« ตอบ #1944 เมื่อ: 14 กันยายน 2556, 17:42:19 » |
|
โขง-ไทย, ของ-ลาวเดี๋ยวนี้ ปลาบึกพอหากินได้ในภาคกลาง จากการปล่อยพันธุ์ปลาบึกลงแหล่งน้ำ ตัวที่พบล่าสุด 60-80 กก.แล้ว 19700
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|