25 พฤศจิกายน 2567, 03:02:37
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: [1]   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เตือนภัย แท๊กซี่!!  (อ่าน 7886 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2550, 23:00:21 »

ได้อ่านหนังสือวันนี้ และเห็นว่า เป็นเรื่องที่ต้องเอามาบอกกันไว้ เตือนชาวเรา และครอบครัว และเพื่อนๆด้วยค่ะ

:twisted:  :twisted:  :twisted: เตือนภัยแท็กซี่มอมยา :twisted:  :twisted:
                                                                          จากหนังสือ พลอยแกมเพชร ฉบับ 371
ได้รับเมลจากเพื่อนคนนึ่งเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับพนักงานหญิงของฝ่ายจัดซื้อที่บริษัท ๓ คนถูกแท็กซี่มอมยาในระยะเวลาห่างกันเพียงเดือนเศษ
และเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นบริเวณรอบๆบริษัท (ปากน้ำ กิ่งแก้ว บางนา) ยังโชคดีที่พนักงานทั้งสามหนีรอดมาได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องจริงทั้งสองเรื่องนี้สามารถเป็นอุทาหรณ์ให้แก่สุภาพสตรีได้อย่างดีค่ะ
 Sad  Sad  Sad เรื่องแรก เป็นเรื่องการใช้บริการรถแท็กซี่(เขียวเหลือง)ค่ะ
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ หลังจากที่กลับจากทำธุระแถวๆถนนศรีนครินทร์ และได้มาขึ้นรถแท็กซี่จากหน้าปากซอยสุเหร่า(ปากน้ำ) ทะเบียน มข-๑๒๒๔ ขณะนั้นเวลาประมาณ 20.30 น.
พอขึ้นไปนั่ง คนขับเขาปรับกระจกก่อนเลย และปรับแอร์ให้ตรงมาที่เรา แต่ตัวเขาจะนั่งให้ชิดกับพวงมาลัยเลย
ซึ่งผู้ที่เจอเหตุการณ์นี้เล่าว่า เป็นคนที่ชอบอ่านเมล์จากคนที่เคยเจอประสบเหตุการณ์จากแท็กซี่ ก็ทำให้สังเกตพฤติกรรมของคนขับมาตลอด และเราก็พยายามชวนเขาคุย แต่ก็คุยตอบกลับมาน้อยมาก
พอนั่งไปสักประมาณ ๑๕ นาทีก็เริ่มหายใจไม่ค่อยออก และระหว่างทาง ผู้หญิงคนที่ประสบเหตุคนนี้ก็โทร.บอกที่บ้านว่าเธออยู่บนรถแท็กซี่ใกล้จะถึงแล้ว และเธอก็คอยมองกระจกตลอด
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มลืมตาไม่ขึ้น
ณ ตอนนั้นเลยคิดว่าต้องใช่แน่ๆเลย เจอกับตัวเองเข้าให้แล้ว ก็บอกให้คนขับแท็กซี่จอด และเราก็เปิดประตูรถออกไปเลย ซึ่งคนขับขับช้ามาก(คงจะรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อน)
คนขับก็ค่อยๆจอดนะ แล้วก็ถามผู้หญิงคนนี้ย้ำว่า จะลงตรงนี้เลยเหรอ ฝนยังไม่หยุดตกเลย
ผู้หญิงคนนี้ก็ยืนยันว่าจะลงตรงนี้แล้ว
คนขับก็ค่อยๆชะลอรถ แล้วก็จ่ายตังค์ค่าโดยสารไปด้วยนะ แล้วก็เดินลงมาได้ ๒-๓ ก้าว ก็เป็นลมหมดสติเลย
คนที่อยู่บริเวณนั้นเขาก็มาช่วยปฐมพยาบาลกัน แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้ผู้คนแถวนั้นฟัง ซึ่งพวกเขาก็ให้เธอรีบแจ้งรายการร่วมด้วยช่วยกัน และแจ้งที่สน.ท้องที่ที่เกิดเหตุ
ฉะนั้น เลยอยากเตือนทุกคนที่ใช้บริการรถแท็กซี่ ให้ระมัดระวังตัว ถ้าสังเกตว่ามีพิรุธให้ลงทันทีเพื่อความปลอดภัยค่ะ
 :oops:  :oops:  :oops: เรื่องที่สองจากปากคำให้การของผู้เสียหาย
เนื่องจากในวันที่ 20 พฤศจิกายน ดิฉัน...ได้ไปปฏิบัติงานที่เกตเวย์ โดยออกจากเกทเวย์ด้วยรถตู้ของบริษัท ในเวลา 20.30 น. และลงรถรถตู้ที่สี่แยกบางนาเวลา 22.00 น. โดยต่อรถแท็กซี่ทะเบียน ทพ ๘๘๕๙ สีน้ำเงินแดง ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามไบเทค
คนขับรถรูปร่างท้วม อายุสี่สิบกว่า ไว้หนวดและไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆ
เมื่อขึ้นรถ ดิฉันได้ตรวจสอบว่าทะเบียนในรถตรงกับนอกรถ
ดังนั้นจึงบอกแท็กซี่ว่า จะให้ไปส่งที่งามวงศ์วาน
ดิฉันสังเกตว่าแท็กซี่พูดโทรศัพท์มือถือว่า
“ผู้โดยสารขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว”เสร็จแล้วจึงออกรถ

 :evil:  :evil:  :evil: โปรดติดตามตอนจบ
บันทึกการเข้า
air14
มือใหม่หัดเมาท์
*


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185

« ตอบ #1 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2550, 13:06:31 »

ยัยอ้อย14 ทำไมทำหนังขาดอ๊ะ  :evil:
รีบเขียนตอนต่อไปให้จบซะดีๆ

น่ากลัวนิ  Sad
เดี๋ยวนี้ เศรษฐกิจไม่ดี โจรผู้ร้ายมาก
เราต้อง alert ตลอดเวลา
บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #2 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2550, 16:00:39 »

:twisted:  :twisted:  :twisted: ตอนจบของภัยแท๊กซี่
 :twisted:  :twisted:  :twisted:
 :evil:  :evil: จากนั้นได้โทรศัพท์บอกทางบ้านว่า ตอนนี้ขึ้นรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงบ้าน
เมื่อดิฉันวางสายโทรศัพท์ แท็กซี่ก็ทำเป็นกดปุ่มเปิดวิทยุ(ซึ่งสังเกตว่าไม่ใช่ จ.ส. 100 แต่เป็นช่องที่คลื่นไม่ชัดเหมือนวิทยุสื่อสารมากกว่า) คิดว่าคงจะเป็นปุ่มเปิดแอร์แรงๆ ทำให้ยาสลบทำงานด้วยค่ะ
 :roll:  :roll: จากนั้นสักประมาณ 5 นาทีเท่านั้น ก็รู้สึกว่าชาบริเวณท้อง และเริ่มหายใจไม่ออก อึดอัดมาก
โทรศัพท์คุยกับทางบ้านไปเรื่อย และเริ่มเปิดกระจกหน้าต่างเพื่อให้ลมภายนอกเข้ามาในรถ แต่รู้สึกว่าลมของแอร์ในรถจะมาปะทะหน้ามากกว่าเดิม เลยขอให้แท็กซี่จอดรถบนทางด่วนในตอนนั้น
 :evil:  :evil: คนขับทักท้วงเล็กน้อยว่ามันไม่ปลอดภัย แต่ผู้เสียหายยังคงยืนกรานจะลงรถให้ได้
ระหว่างนั้นก็พูดบอกในโทรศัพท์ด้วยว่าถูกแท็กซี่มอมยาอยู่บริเวณทางลงทางด่วนท่าเรือ ให้มารับด่วน แท็กซี่เลยจอดให้ลงจากรถ
ขณะนั้นผู้เสียหายรู้สึกชามาที่ขาและเวียนหัวมากๆ ส่วนแท็กซี่ก็ขับรถออกไป พยายามหาน้ำมาดื่มมากๆ เพื่อขับยาออกจากร่างกาย คืนนั้นดิฉันรู้สึกว่าคอแห้งทั้งคืนค่ะ
จุดสังเกตของเหตุการณ์นี้คือ
๑.แท็กซี่จอดรอผู้โดยสารที่บริเวณแยกบางนา ซึ่งอยู่ใกล้สถานีตำรวจมาก แต่ก็สามารถทำการได้
๒.เปิดแอร์แรงมากๆ และที่ช่องแอร์ฝั่งแท้กซี่มีกระดาษแข็งขนาดเท่าการ์ดปิดเอาไว้ด้วย
๓.หลังจากเปิดแอร์แรงๆจนรู้สึกมึนใชเวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้นผู้โดยสารเปิดกระจกและขอลงจากรถ แต่แท็กซี่ไม่ได้ถามเหตุผลแต่อย่างใด มีแต่ทักท้วงไม่ให้ลงในตอนนั้น
๔.เมื่อผู้โดยสารแจ้งในโทรศัพท์ว่าโดนมอมยา แต่แท็กซี่ก็ไม่ได้มีอาการตื่นกลัว กลับยิ้มแย้ม แสดงว่าทำมาหลายครั้งแล้ว

 :oops:  :oops: ฉันขอแนะนำเพื่อนผู้หญิงที่ต้องกลับบ้านด้วยวิธีนี้ตามลำพัง ฉันอยากให้ท่านพก สเปร์ยพริกไทย
 น้ำหอม เครื่องชอร์ตไฟฟ้า หรือนกหวีดเอาไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน พวกสเปร์ยน้ำทั้งหลายให้ฉีดเข้าตาคนร้าย
หากท่านสามารถไปเรียนวิชาป้องกันตัวเป็นวิชาเสริมได้จะดียิ่ง
หากท่านไร้อาวุธใดๆที่จะต่อสู้ ฉันขอแนะนำให้ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจิ้มที่ลูกกะตาของคนร้าย หรือใช้ข้อศอกของท่านกระทุ้งให้สุดแรงเกิด
คนร้ายมันคงไม่ตายคาที่หรอกค่ะ แต่โอกาสนั้นท่านจะมีเวลาพอที่จะวิ่งหนีหากท่านตั้งสติไว้ดี

 :shock:  :shock: จึงขอเตือน มายังชาวซีมะโด่งและครอบครัว  ขอให้รักษาตัวให้รอดปลอดภัยจากภัยสารพัดชนิดในเมืองหลวงด้วยค่ะ  :?  :?
บันทึกการเข้า
Nupu
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266

« ตอบ #3 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2550, 19:47:32 »

วันนี้นู๋ได้ข่าวคนขับแท็กซี่ขโมยปลาทู 70 เข่งจากแม่ค้าด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #4 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2550, 19:54:43 »

NuPU,
what will he do with 70 เข่งปลาทู???
may be he is a passionately ปลาทู fan!!
or may be he has a lot of cats at home!!
sell it?? will he be แม่ค้าปลาทู instead of...taxi??
or he may be sick!
nn
บันทึกการเข้า


Jiab16
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,267

เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 20 กรกฎาคม 2550, 20:49:43 »

:lol:  ha  ha  ha ! ...  ขำกลิ้งกับทั้ง 5 สมมติฐานของหนิงเลยอ่ะ    Cheesy   Cheesy   Cheesy
บันทึกการเข้า
อ้อย 14
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,055

« ตอบ #6 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2550, 10:21:26 »

ส่วนพี่สันนิษฐานว่า  ตาแท๊กซี่นี่ มีอาชีพรองคือ  ทำน้ำพริกปลาทูขาย  เลยปล้นปลาทูมาให้เมียทำเป็นเป็นวัตถุดิบซะเลย  เป็นการประหยัดต้นทุนอีกเปลาะหนึ่ง  
บันทึกการเข้า
khesorn mueller
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: 2527
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 71,885

« ตอบ #7 เมื่อ: 21 กรกฎาคม 2550, 13:41:03 »

Or both sides(taxi and แม่ค้าปลาทู)mouthtaek along the way..paid and go ...forget....figure out late later...herrr,where should I find her(thinks the taxi)?and weiiii,he stoles my  ปลาทู(thinks แม่ค้าปลาทู)!!
Not to lost her face...she sues him like that...NUPU please recover what you have read!!!
nn(who always mouthtaek to taxi)
บันทึกการเข้า


krongon2513
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,490

« ตอบ #8 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2550, 23:49:41 »

Cool  Cool  :roll:
อิฉันผู้ชอบนั่งรถไฟฟ้า อ่านข่าวมหันตภัยแท็กซี่ด้วยความตระหนก ตกตื่น พอมาถึงเรื่องปลาทูก็พลันหัวร่อขำกลิ้งทั้งน้องหนิงแลน้องอ้อย

เฮอ..อารมณ์ขันลุ่มลึกจริงๆเลย555
บันทึกการเข้า
Nupu
Full Member
**


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266

« ตอบ #9 เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2550, 13:49:13 »

เรื่องปลาทูเป็นข่าวที่ออกวิทยุและข่าว INN ในมือถือค่ะ  หลายคนได้ยินก็ขำเหมือนกันค่ะ  เข้าใจว่าเอาปลาทูไว้ท้ายรถนะคะ พอแม่ค้าปิดประตูรถเสร็จรถก็ออกไปเลยโดยไม่ยอมให้ปลาทู 70 เข่งซึ่งอยู่ท้ายรถ   ซึ่งเหมือนกับเรื่องจริงที่พระเล่าให้ฟังเรื่องนี้ค่ะ  มีพระสงค์ 5 รูป เดินรับบาตรเสร็จแล้ว บังเอิญวันนั้นได้ของใส่บาตรมากถือไม่ไหวเลยตกลงกันเรียกรถแท๊กซี่เพื่อกลับวัด โดยเอาบาตรใส่ไว้ท้ายรถพอถึงวัด พระทั้งหมดเดินลงมาจากรถพอปิดประตูรถเสร็จ คนขับรถรีบขับออกไปอย่างเร็วโดยไม่ยอมเปิดท้ายรถคืนบาตรให้พระ  คนขับรถเอาไปทั้งบาตรทั้งอาหารในบาตรเลยค่ะเป็นอันว่าวันนั้นพระไม่มีอาหารฉันพระรูปอื่นต้องแบ่งปันอาหารให้พระที่ถูกขโมยบาตรไปค่ะมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้วในสังคมทุกวันนี้ค่ะ
บันทึกการเข้า
  หน้า: [1]   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><