23 พฤศจิกายน 2567, 15:08:41
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: มาอ่านเรื่องประดับความรู้กัน...จะเล่าให้ฟัง  (อ่าน 20119 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
นายป้อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,124

« ตอบ #25 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2550, 00:15:10 »

:lol: ต่อๆ....

สักครู่หนึ่ง มหิทธิกะก็พาพระเถระมายืนอยู่ตรงหน้าภูเขาใหญ่ สีดำทมึนลูกหนึ่ง ซึ่งตั้งขวางปิดทางเดินอยู่ ทันทีที่หัวหน้าปิศาจหยุดยืนกึกลงตรงเชิงเขา เจ้าภูเขาลูกนั้น ก็มีอาการเคลื่อนไหวยวบเยียบ ราวกับมีวิญญาณ และ ก่อนที่พระเถระผู้เดินตามหลังมาจะทัน รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ปรากฏมีหน้าอันรกรุงรังด้วยหนวดเครา และผมเผ้ายาวเฟื้อย แต่ตรงตากับจมูกกลวงโบ๋ เลื่อนออกมาจากอีกด้านหนึ่ง พร้อมกับปากอันเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม ไมต่างอะไรกับเขี้ยวสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งเผยออก

"สวัสดีขอรับ ท่านหัวหน้าท่านจะไปไหนขอรับ?"

"เออ! สวัสดี อ้ายภูเขา" หัวหน้าปิศาจตอบ "ข้าพาพระคุณเจ้ามาลัยมาเยี่ยมเอ็ง"

"โอ! พระคุณเจ้ามาลัยผู้ใจดี" มันอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น พลางผงกศีรษะหงึกๆ เป็นเชิงแสดงความเคารพ "ข้าขอไหว้ขอรับ พระคุณเจ้า"

"นี่คือปิศาจภูเขาขอรับ พระคุณเจ้า" หัวหน้าปิศาจแนะนำขึ้นก่อนที่พระเถระจะตอบมันประการใด "รูปร่างมันใหญ่โตเท่าภูเขาใหญ่ๆ ลูกหนึ่ง แต่มีหัว มีหน้าตานิดเดียว"

"คงเคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้นะซี?" พระเถระถาม

"ไม่ได้ขอรับ" มันต้องจมอยู่ที่นี่ชัวกัปป์ชั่วกัลป์"

"เจ้าทำบาปทำกรรมอะไรไว้หนักหนาหรือ เจ้าภูเขา?" พระเถระหันไปถามเจ้าปิศาจ

"ข้าเป็นคนไม่มีศาสนา เห็นผิดเป็นชอบ เที่ยวหลอกลวงชาวบ้านชาวเมืองให้หลงเชื่อ กราบไหว้บูชาต้นไม้ ภูเขา โดยเอาเครื่องเซ่นไหว้ ไปกราบกรานทุกวี่ทุกวัน แล้วข้าก็ไปเก็บเอากินเสียเอง ข้าเลี้ยงชีวิตแบบนี้มานาน จนกระทั่งตาย จึงได้มาเกิดเป็นปิศาจภูเขา เฝ้าแผ่นดินอยู่ที่นี่ เคลื่อนไหวไปไหนก็ไม่ได้ หิวแสนหิวก็ไม่มีอะไรมาให้กินขอรับ" ปิศาจภูเขาเล่าประวัติอันชั่วช้าของมัน "หากพระคุณเจ้ามีทางใดจะช่วยให้พ้นกรรม พ้นทุกข์ทรมานก็ได้โปรดเวทนาข้าด้วยเถิดขอรับ"

"ก็ได้ ถ้าเจ้าทำตามที่เราบอกได้" พระเถระว่า

"ทำอย่างไร พระคุณเจ้า?" ปิศาจภูเขาย้อนถามอย่างตื่นเต้นดีใจ "พระคุรเจ้าโปรดสั่งมาเถอะ ข้าจะพยายามทำให้ได้ทุกอย่าง"

"เจ้าจงระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณอยู่เสมอ ไม่ช้าไม่นานเจ้าก็จะพ้นทุกข์ทรมาน"

"ขอรับ ข้าจะทำตามที่พระคุณเจ้าบอกทุกอย่าง" ปิศาจยืนยันอย่างมั่นใจ

หลังจากที่ออกจากที่ของปิศาจภูเขามาได้ไม่นาน มหิทธิกะก็พาพระเถระมาถึงป่าใหญ่ อันเต็มไปด้วยความมืดครึ้ม และมีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง ฟุ้งออกมาจนแทบสำลักแห่งหนึ่ง เพื่อให้พระผู้เป็นเจ้าเดินเข้าไปในอาณาบริเวณแห่งนั้นได้อย่างสบาย หัวหน้าปิศาจผู้มีฤทธิ์ก็บันดาลให้ความมืดครึ้ม และกลิ่นอันแสนเหม็นนั้นหายไปในบัดดล แล้วก็พาพระเถระย่างเหยียบเข้าไปในป่าแห่งนั้น และทันทีทันใดที่เข้าไปถึง พระเถระก็ได้พบร่างผอมโซ ของพวกปิศาจพวกหนึ่ง มีหัวติดอยู่ที่ท้อง กำลังงมมะงาหรา เที่ยวเก็บซากศพทั้งสัตว์ ทั้งคน ซึ่งแข็งทื่อ ขึ้นอืด เน่าเปื่อย ระเกะระกะอยู่บริเวณแถวนั้น มาฉีกเนื้อกินอย่างเอร็ดอร่อย

"นี่คือปิศาจศพขอรับ พระคุณเจ้า" หัวหน้าปิศาจแนะนำ "อ้ายพวกนี้มีหัวติดอยู่กับท้อง และหน้าที่ของมันอย่างเดียว คือเที่ยวไปเก็ฐศพทั้งสัตว์ทั้งคน จารที่ต่างๆ มากองไว้ที่นี่ รอให้ขึ้นอืดเน่าเปื่อยเสียก่อน แล้วจึงค่อยฉีกเนื้อกินขอรับ"

"ทำยังไงจะคุยกับเขาได้เล่า ท่าน?" พระมาลัยถาม

"เดี๋ยวข้าจะเรียกมา" หัวหน้าปิศาาจว่าพลางหันไปทางเจ้าปิศาจศพตัวหนึ่ง ซึ่งเพิ่งจะกัดเนื้อเน่าก้อนหนึ่งเข้าปากเคี้ยวกลืนลงท้องเรียบร้อย "เฮ้ย! เจ้านั่น เข้ามานี่หน่อยซิ มากราบพระคุณเจ้าพระมาลัยเสีย ข้าพาท่านมาเยี่ยม"

เจ้าปิศาจผู้พิศมัยเนื้อเน่า คลานเข้ามากราบพระมาลัยอย่างว่าง่าย

"พระคุณเจ้ามาจากไหนขอรับ?" มันทักทายขึ้นเป็นประโยคแรก

"เรามาจากเมืองมนุษย์" พระเถระตอบ "เจ้าอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือ?"

"นานแล้วขอรับ"

"อาหารของเจ้า มีแต่ศพอย่างเดียวเท่านั้นหรือ?"

"ขอรับ อย่างอื่นถึงมีก็กินไม่ได้"

"เจ้าทำบาปทำกรรมอะไรไว้ จึงได้มากินศพอยู่เช่นนี้?"

เจ้าปิศาจศพเมื่อถูกถามเช่นนั้น ก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเล่าประวัติอันแสนชั่วของมันด้วยเสียงเศร้า น่าสงสารว่า

"เมื่อข้าพเจ้าเป็นมนุษย์เป็นมหาอำมาตย์ผู้มีอำนาจ ของกษัตริย์องค์หนึ่ง ข้าใช้อำนาจเที่ยวกดขี่ข่มเหง ประชาราษฎร์ ขูดรีดภาษี เบียดบังเอาทรัพย์สินของราษฎรมาบำรุงความสุข ความสำราญของตน โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนยากเข็ญคนอื่น เมื่อข้าตายลงก็ไปตกนรกหมกไหม้ อยู่เป็นเวลานาน พอพ้นนรก ก็ยังมาเกิดเป็นปิศาจ คอยเก็บซากศพกินเป็นอาหารเช่นนี้ขอรับ"

"เจ้าจะให้เราช่วยอะไรบ้างไหม?" พระเถระถามต่อไป ด้วยความสงสารเห็นใจ

"ช่วยไปบอกญาติขอข้าชื่อนั้น อยู่ที่เมืองนั้นให้ตั้งหน้าทำความดี อย่ากดขี่ข่มเหงคนอื่น และขอให้เขาทำบุญทำทานอุทิศส่วนกุศลให้ข้าด้วยเถอะ พระคุณเจ้า"

"เอาละ ถ้างั้นเรากลับไปถึงแล้ว เราจะบอกให้" พระเถระรับคำ

พอดีกับที่พระเถระพูดจบนั่นเอง ก็มีปิศาจสองตัว ตัวหนึ่งปากเขรอะด้วยขี้มูกน้ำลาย ส่วนอีกตัวหนึ่งปากเปรอะไปด้วยอุจจาระ พากันวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา พร้อมกับละล่ำละลัก บอกหัวหน้าปิศาจว่า

"เจ้านายขอรับ ได้โปรดช่วยข้าด้วยเถิด"

"เรื่องอะไรวะ?" มหิทธิกะย้อนถาม

"อ้ายปากเข็มกับอ้ายปากไฟ มันมารังแกข้าทั้งสอง และกำลังไล่กวดข้าทั้งสองมา" ปิศาจทั้งสองบอกเสียงกระเส่า พร้อมกับหันหน้ามองทางเบื้องหลัง "โน่นไง มันวิ่งมาโน่นแล้ว"

"เอาละ เจ้านั่งเฉยๆ ก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจัดการกับมันเอง"
บันทึกการเข้า
นายป้อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,124

« ตอบ #26 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2550, 00:15:58 »

:lol: ต่อ...

"หัวหน้าปิศาจบอก พอดีปิศาจปากเข็ม กับปิศาจปากไฟวิ่งกวดติดตามมาถึง และครั้นมันเหลือบมองเห็นเจ้านายยืนจ้องมันอยู่ มันหยุดกึกและเตรียมจะหันหลังถอยกลับ

"หยุดก่อนอ้ายปากเข็ม อ้ายปากไฟ" มหิทธิกะตวาด "เอ็งทั้งสองมาหาข้าซิ"

ปิศาจอันธพาลทั้งสองเดินคอตก เข้ามาหาอย่างว่าง่าย

"มันเรื่องอะไรกันวะ หากินอยู่คนละที่แท้ๆ ทำไมต้องมารังแกกัน?" เจ้านายปิศาจเริ่มสอบสวน

"ข้าหิว อยากจะกินเลือดของเจ้านี่"  เจ้าปากเข็มตอบอย่างตรงไปตรงมา "จึงเอาเข็มทิ่มหลังมัน เจาะเลือดมันกิน แต่มันไม่ยอมขอรับ"

"ข้าก็หิวเหมือนกัน หาไฟที่ไหนกินไม่ได้ จึงเอาไฟมาพ่นเผาไอ้นี่" ปิศาจปากไฟก็ตอบตามตรงดุจเดียวกัน "พอเนื้อตัวมันไหม้แล้ว ข้าก็จะได้เปลวไฟกินจนอิ่ม"

"แต่เอ็งทั้งสองไม่น่าจะมารังแกพวกเดียวกัน" เจ้านายตัดบท "เลือดที่อื่น และไฟที่อื่นมีแยะ เอ็งทำไมไม่ไปหามากินวะ?"

"ข้าทั้งสองไปหาแล้ว มันไม่มีขอรับนาย" ปิศาจปากเข็มเถียง "สงสัยจะขาดตลาด หรือไม่งั้นก็ถูกพ่อค้าสมองใสเก็บกักตุนเสียหมด"

"เอ็งพูดยังกับว่าเอ็งเป็นพ่อค้ายังงั้นแหละ" หัวหน้าปิศาจหัวเราะเบาๆ "เอายังงี้ดีกว่า เลิกรังแกกัน และมากราบพระผู้เป็นเจ้ามาลัยเสีย ข้าพาท่านมาเยี่ยมพวกเอ็ง"

"มาโปรดพวกข้าด้วยหรือเปล่า พระคุณเจ้า?"

ปิศาจพวกนั้นร้องถามขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ขณะที่พากันทรุดนั่ง และยกมือทั้งสองไหว้พระเถระ

"เจ้าทำบาปกรรมอะไรไว้หรือ?" พระเถระเอ่ยถามปากเข็มขึ้นก่อนที่จะตอบคำถามพวกมัน "เล่าให้เราฟังหน่อยซิ แล้วเราจะช่วย"

เจ้าปากเข็มยกมือไหว้ประหลกๆ ขึ้นอีกครั้ง พลางเล่าประวัติของมันขึ้นว่า

"ก่อนนี้ข้าเป็นคนมีเงิน มากและออกเงินให้กู้ ขูดรีดเอาดอกเบี้ย อย่างไม่เมตตาปรานีคนยากคนจนขอรับ ครั้นตายลงมาเกิดเป็นปิศาจปากเท่ารูเข็มอยู่ที่นี่ ข้าได้รับความทุกข์ทรมานมาก เพราะกินอาหารอะไรอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเที่ยวดูดเลือดคนอื่นกิน และเมื่อหาเลือดจากคนอื่นไม่ได้ ก็ต้องเอาปากทิ่มเนื้อตัวเอง ดูดเลือดตัวเองกินแทนขอรับ"

"แล้วเจ้าปากไฟนั่น?" พระเถระหันมาทางอ้ายปากไฟ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ "ก่อนนี้เจ้าทำบาปกรรมอะไรไว้?"

"ข้าเป็นนักวางเพลิงขอรับ พระคุณเจ้า" อ้ายปากไฟเล่าประวัติตัวเอง "ที่โลกมนุษย์นั้นพระคุณเจ้าก็ทราบ ดีว่าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงเพียงไหน คนมีเงินที่มีที่ดินมากๆ ก็เอาเงินให้กู้ เอาที่ดินให้คนจนเช่าปลูกบ้านสร้างเรือนอยู่ ครั้นเก็บดอกเบี้ย หรือเก็บค่าเช่าไม่ได้ ก็โมโหโกรธาจ้างคน เอาไฟมาเผาบ้านเรือนเสียพินาศสิ้นหมด ข้าเป็นสมุนมือขวาของนายทุนคนหนึ่ง และเที่ยวเผาบ้านเรือนของคนยาคนจน ที่ไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ย หรือไม่มีค่าเช่าให้นายทุนเสียป่นปี้ไป มากนับไม่ถ้วนขอรับ ครั้นตายลงมา ก็ไปตกนรกถูกไฟเผาไหม้อยู่นมนาน พอพ้นจากนรก ก็มาเป็นปิศาจ เที่ยวกินแต่เปลวไฟอยู่ที่นี่แหละขอรับ พระคุณเจ้า"

"สำหรับข้าเป็นคนขี้เหนียวขอรับ" เจ้าปิศาจที่ปากเขรอะไปด้วยน้ำมูกและน้ำลาย เล่าความชั่วของตัวเองต่อไป ก่อนที่จะพระเถระจะถาม "ไม่ว่าข้าวปลาอาหาร ทรัพย์สินเงินทองข้ามีพร้อมทุกอย่าง แต่ทว่าไม่ยอมให้ใคร เมื่อคนยากคนจนมาขอ ข้าก็สั่งขี้มูก บ้วนน้ำลายใส่ห่อใบตองให้เสมอไป ดังนั้น ข้าจึงมาเกิดเป็นปิศาจ เที่ยวกินแต่ขี้มูก น้ำลายของคนอื่นเป็นอาหารขอรับ"

"ข้าก็เหมือนกัน" เจ้าปิศาจที่ปากเปรอะด้วยอุจจาระเล่าต่อบ้าง ก่อนนี้ข้าเอาอุจาระห่อใบตอง ให้ขอทานไปทุกครั้งที่เขามาขอ ด้วยบาปกรรมอันนี้ ข้าจึงต้องมาเป็นปิศาจ เที่ยวกินอุจจาระ เป็นอาหารอยู่เช่นนี้"

"แหม ! น่าสงสารเหลือเกิน" พระผู้เป็นเจ้ามาลัยครางขึ้นเมื่อปิศาจพวกนั้นเล่าประวัติ อันชั่วช้าของตนจบลง "เอาละ ถ้าพวกเจ้าอยากพ้นกรรมเร็วๆ ก็จงยึดมั่นรำลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และอย่าเบียดเบียนเกะกะระรานพวกเดียวกัน อีกทั้งคนอื่นก็อย่าไปก่อกรรมทำเข็ญ ให้เขาเดือดร้อน แล้วพวกเจ้าจะพ้นทุกข์ทรมานในไม่ช้า"

"เอาละ เราจะบอกให้" พระเถระตอบในที่สุด

ครู่ต่อมา หัวหน้าปิศาจก็พาพระเถระมาถึงอาณาบริเวณ อันเต็มไปด้วยทรายอันร้อนระอุ และทั่วอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่แห่งนั้น มีแต่ทรายสุดลูกหูลูกตา ไม่มีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นแม้แต่ต้นเดียวเลย

ณ บริเวณแห่งนี้ พระเถระได้พบร่างผอมโซ มีแต่กระดูกของปิศาาจจำนวนมาก ทั้งนั่งทั้งนอนระเนระนาด และส่งเสียงร้องครวญครางอยู่บนพื้นทราย อันร้อนระอุนั้น

"ที่นี่เป็นที่อยู่ของพวกปิศาจกระดูกขอรับ พระคุณเจ้า" หัวหน้าปิศาจหันมาบอก ขณะที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าปิศาจตนหนึ่ง ซึ่งนอนร้องครวญครางอยู่อย่างน่าเวทนา "ปิศาจพวกนี้ถูกทรมานอยู่กลางทะเลาทราย ไม่มีข้าวมีน้ำ หรืออาหารอื่นใดกิน ต้องนั่งนอนร้องครวญครางอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา"
บันทึกการเข้า
นายป้อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,124

« ตอบ #27 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2550, 00:16:37 »

:lol: ต่อๆๆๆ

"แล้วทำไมพวกนี้ไม่ออกไปหากินที่อื่นเล่าท่าน?"

"มันไม่มีตาจะมองเห็น ไม่มีขาจะเดิน อีกทั้งไม่มีแขน ที่จะขยับเขยื้อนพาร่างเคลื่อนไหวไปไหนขอรับ"

"แหม ! น่าเวทนาเหลือเกิน พวกนี้ทำบาปกรรมอะไรไว้หนักหนานะ ท่านรู้ไหม?"

"ชาติก่อนนี้เขาชอบจับสัตว์น้อยมาขัง ทรมานให้อดอยากขอรับ พระคุณเจ้า เพราะกรรมอันนี้ จึงส่งให้เขามาเกิดเป็นปิศาจอดอยากทรมาน จนเหลือแต่กระดูกอย่างนี้"

"อืม ! การทรมานสัตว์เล็กน้อยนี่ บาปหนักมิใช่เล่นเหมือนกัน นี่เจ้ากระดูก เราคือพระมาลัย มาเยี่ยมเจ้า เจ้าจะให้เราช่วยอะไรบ้างไหม?"

เจ้ากระดูกมองไม่เห็น แต่ได้ยินเสียงชัดเจนดี ครั้นรู้ว่าพระมาลัยมาโปรดเช่นนี้ ก็ดีใจร้องบอกว่า

"ขอพระคุณเจ้า ได้โปรดช่วยบอกญาติของข้า ชื่อนั้น อยู่ที่นั่น ทำบุญทำทานอุทิศมาให้ข้าบ้างเถอะ ข้าจะได้มีอาหารกินบ้าง ข้าหิวเหลือเกินขอรับ"

"เอาเถอะ เราจะบอกให้" พระเถระบอก "สำหรับเจ้าอยู่ทางนี้ ถ้าอยากพ้นทุกข์ทรมานเร็วๆ ก็จงระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เข้าไว้เสมอ เจ้าจะเป็นสุขในไม่ช้า"

"ขอรับ พระคุณเจ้า" ปิศาจกระดูกรับคำในที่สุด

หลังจากที่ออกจากแดนทะเลทรายมาได้สักครู่ มหิทธิกะ ก็พาพระเถระมาถึงริมแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง และตอนริมฝั่งอันยาวเหยียดนั้น มีวิมานแก้ว วิมานทอง วิมานเงิน ตั้งเรียงรายอยู่มากมาย ราวกับมีผู้มาเนรมิตไว้กระนั้นแหละ และ ณ วิมานอันสวยงามเหล่านั้นเอง หัวหน้าปิศาจบอกพระเถระว่า เป็นที่อยู่ของพวกปิศาจชั้นดี ซึ่งพวกนี้เรียกว่า "ปิศาจมีวิมานอยู่"

"พวกนี้กลางวันเป็นเทวดา แต่กลางคืนเป็นปิศาจขอรับ พระคุณเจ้า" มหิทธิกะ เล่าถึงพวกปิศาจชั้นดีต่อไป "บางคน ก็ต้องออกไปให้สุนัข จากนรก กัดกินเจื้อเป็นอาหาร ตั้งแต่หัวค่ำ ตลอดจนย่ำรุ่ง พอพระอาทิตย์ขึ้นก็กลับกลายเป็นเทวดา มาเสวยสุขอยู่ในวิมานของตน บางคนก็ออกไปเที่ยวกินของสกปรกตามที่ต่างๆ จนอิ่มหนำสำราญดีแล้ว จึงกลับกลายเป็นเทวดา เข้าวิมานไป"

"ทำไมจึงเป็นดังนั้นเล่า ท่าน?" พระเถระซักขึ้นอย่างฉงนฉงาย

"ปิศาจพวกนี้มีทั้งบาป ทั้งบุญขอรับ บางคนก็มีบาปเหลืออยู่น้อย บางคนก็เหลืออยู่มาก แต่มีบุญช่วยหนุน ช่วยแบ่งเบาอยู่บ้าง จึงเป็นดังนี้ แม้แต่ข้าก็เหมือนกัน"

"ท่านเป็นยังไง?"

"ข้าแม้จะมีวิมานอยู่อย่างสวยหรู มีฤทธิ์เดชมากมาย อีกทั้งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าปิศาจอยู่ ณ เมืองนี้ ก็เฉพาะกลางวันถึงเที่ยงคืนเท่านั้น หลังจากนั้นไปแล้ว ข้าต้องกลายร่างเป็นปิศาจออกจากวิมาน ไปเที่ยวเก็บอุจจาระสัตว์น้อยใหญ่ตามป่า กินเป็นอาหาร จนกระทั่วรุ่งเช้าจึงกลับเป็นเทวดา มาเสวยสุขอยู่ในวิมานได้ ขอรับ"

"ท่านยังมีบาปกรรมอะไรอีกหรือ?"

"ข้าเคยห่อขี้นกใส่บาตรพระภิกษุ ซึ่งมาบิณฑบาต ครั้งเดียวเท่านั้นขอรับ ครั้งเดียวจริงๆ และเพื่อจะล้อพระภิกษุองค์นั้นเล่น แต่ต้องมาตกนรกหมกไหม้ เป็นเวลาช้านาน และเมื่อพ้นจากนรก ยังมาเกิดเป็นปิศาจชดใช้กรรมต่อไปอีกขอรับ"

"แล้วท่านทำบุญอะไรบ้างเล่า"

"ข้าเคยสร้างกุฏิถวายพระภิกษุสงฆ์ ขอรับ"

"อ๋อ ! เพราะอย่างนี้เอง ท่านจึงมีวิมานแก้วผลึกอันสวยงามอยู่ และได้เป็นถึงหัวหน้าปิศาจ ณ ดินแดนแห่งนี้"

"ก็คงอีกไม่ช้าหรอกขอรับ ข้าจะพ้นกรรมและขึ้นไปเกิดบนสวรรค์" หัวหน้าปิศาจเล่าต่อไป "พระคุณเจ้าช่วยแนะนำข้าบ้างซิขอรับ ข้าจะทำอย่างไรจึงจะได้ไปเสวยสุข บนสวรรค์เร็วๆ "

"ท่านต้องยึดถือพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง และรักษาศีลห้า โดยเคร่งครัด แล้วท่านจะพ้นทุกข์ อีกทั้งไปเสวยสุขบนสวรรค์นานแสนนานทีเดียว"

"ขอรับ พระคุณเจ้า ข้าจะปฏิบัติตามคำแนะนำ ขอพระคุณเจ้าเสมอ" หัวหน้าปิศาจผู้มีฤทธิ์กล่าวพร้อมกับ ทรุดตัวลงกราบแทบเท้าพระคุณเจ้า

ฝ่ายพระเถระ เมื่อตระเวนแดนปิศาจมา และได้พบปิศาจผู้เป็นทาสกรรมมากมาย หลายตนถึงขนาดนี้แล้ว เห็นว่าได้เวลาพอสมควร จึงอำลามหิทธิกะจอมปิศาจกลับสู่เมืองมนุษย์

หลังจากที่มาถึงเมืองมนุษย์แล้ว พระผู้เป็นเจ้าก็นำข่าวคราวไปบอก ญาติพี่น้อง ของบรรดาปิศาจทั้งหลาย ตามตำบลที่อยู่ ซึ่งพวกปิศาจบอกมา ให้เขาพากันทำบุญทำทานอุทิศส่วนกุศลไปให้ และให้พวกเขาตั้งหน้าทำความดีกันต่อไป
บันทึกการเข้า
นายป้อ
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,124

« ตอบ #28 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2550, 00:17:58 »

:lol: เอาเป็นว่าจบภาคที่ 2 แล้ว...เดี๋ยวจะมาต่อภาค 3 และ 4 ต่อนะครับ....

.....อ่านวันละเล็กละน้อย...เพื่อความรู้....นะครับ......
บันทึกการเข้า
yungying
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #29 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2550, 00:30:20 »

ขอมาเป็นหนังสือเลยได้มะพี่  อ่านในนี้ตาลายอะ Shocked  Shocked  Shocked
บันทึกการเข้า

ttp://dekhorcu.multiply.com/
ชาร์ป
Global Moderator
Hero Cmadong Member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,119

« ตอบ #30 เมื่อ: 12 กันยายน 2550, 00:36:27 »

:evil:   .. อยากรู้.........

.
.
.
.
.
.

ว่า ...
บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 [2]  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><