WARM
|
|
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 21:29:34 » |
|
มันเป็นไดอะรี่ที่เขียนไว่ช่วงนึงแต่ตอนนี้เลิกละ ..เพราะเหนื่อยกับการทำงาน
เริ่มเลยนะ
25/5/2007 มาแบบงงงง!!!! ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินนาโกย่า ก็เริ่มคิดแล้วหละว่า กูจะอยู่ได้มั้ยเนี่ย ไม่รู้เรื้องอะไรเลย(จริงๆ) ทั้งที่ทำงาน วิธีไปที่ทำงาน แล้วค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานละไปเห็นมีใครแสดงตัวเลย พอเครื่องลงปุ๊บ ก็แบบว่าโอโหนี่มันทั้งหมอกทั้งฝนเลยนี่ มองอะไรแทบไม่เห็นอึมครึมซะเหลือเกิน(เหมือนชีวิตกูจิงจิ๊ง) ว่าแล้วก็เดินไปตามเสต็บจนถึงตอนรอกระเป๋า มาถึงคนแรกๆ รอไปซิ ได้คนสุดท้ายเลย นึกว่ากระเป๋าโดนเครื่อง CTX ดักไว้ ที่เมืองไทยซะแล้ว เพราะข้างในเสือกใส่นาฬิกาปลุกทรงกลมคล้ายระเบิดพร้อมกับหลอดยาสิวมากมายข้างใน กลัวเค้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพาเวอร์เจล
พอได้กระเป๋าปุ๊บ ก็ลนลานทันทีเพราะข้างนอกมีคนโชว์ป้ายชื่อเราอยู่ ก็เลยรีบโบกมือลาเพื่อนๆแบบไม่ค่อยสุก(ลวกๆ) "ไปละนะ แล้วเจอกกะนวันปฐมนิเทศน์" ว่าแล้วก็เข็นรถออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว(มากๆ) พอไปได้ซักครึ่งทาง นึกขึ้นได้ว่าลืมคืนบุหรี่ที่เพื่อนฝากหิ้วใลไว้ ก็เลยฝากกระเป๋าไว้กับ คถณพี่แท็กซี่ แล้วก็วิ่งอย่างโจรปล้นร้านทองกลับเข้าไปในสนามบิน "ลืมไปเลย บุหรี่น่ะ อ่ะนี่" "วอร์ม มึงลืมส่งเอกสารนำของส่วนตัวเข้าประเทศน่ะ" เพื่อนอีกคนตะโกนเข้ามา และแล้วก็ใจหสยแว๊บ..............นี่ถ้าพลาดจุดนี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะของที่ส่งไปก่อนนห้านี้ทั้งทางเรือ ทางทะเล จะมาไม่ถึงเจ้าของ แค่นั้นแหละความมั่นใจในการใช้ชีวิตหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม แต่ดว้ยความรีบเพื่อนๆก็เลยให้แซงหน้าไปเลย และก็เหมือนเดิมเพราะรีบ " อย่าลืมติดต่อมานะ" แล้วก็จากไปอย่างโคตรเร็ว ทางฝั่งที่แท็กซี่ล่ะ....ยังอยู่แถมบริการอย่างดีเข็นให้จนถึงรถ ก็เลยยกของขึ้นรถจนหมด ก็เสร็จแล้วสินะ(นิสัยคนไทย) ว่าแล้วก็ปิดประตู "ปัง" แต่ตาชำเลืองเห็นคุณพี่แท็กซี่วิ่งเข็นรถเข็นของเราเข้าไปต่อแถวเพื่อนๆของมันในที่เก็บ....... (ก็กูไม่รู้นี่ บ้านกูเค้าสบายๆอะไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้) แล้วเค้าก็เริ่มขับ โดยกดพิกัดจาก เนวิเกเตอร์.....คนขับแท็กซี่ยังไม่รู้ทางไปแต่ของเค้าดีที่ทันสมัย การแต่งตัวงี้ เนี๊ยบซะ อ่ะ ก็วิ่งไปถามถนน โห..ถนนดี๊ดี ระหว่างทางก็พยายามดูบรรยากาศมันเขียวๆ เหมือนภาคเหนือตอนหน้าฝนน่ะ มีทุกอย่าง....ทุ่งนา สิบล้อ รถซิ่ง รถเก่า เก้าลอเก้า ไกลมากๆกว่าจะถึงหอพัก บรรยากาศจะว่าในเมืองก็ในเมืองนะ แต่มันเป็นที่อยูอาศัยล้วนๆ ดูสะอาดตาดี ถนนหนทางดูเรียบร้อย แต่ติดใจนิดนึงที่เสาไฟฟ้ายังมีอยู่ทั่วไป เอาหละถึงหอปุ๊บเค้าก็มีการ ปฐมนิเทศหอพักเลยโดยผู้จัดการหอพัก พอดีว่าจะมีคนมาเข้าใหม่อีก 2 คนก็เลยรอไปก่อนจะได้ปฐมนิเทศน์พร้อมกันเลย รู้สึกว่าชีวิตมันมึนๆ ยังไงก็ไม่รู้แบบว่ามองไปไหนก็ดูอึมครึม เวียนหัวแล้วก็ไม่อยากรับรู้อะไรเลย พอเพื่อนมาถึง(เป็นคนอินโด 1 คน อียิปต์ 1 คน) เค้าก็บรรยายเลยเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่พอดีมีล่ามมาคนนึง แปลเป็นภาษาอังกฤษก็เลยเข้าใจ(บ้าง) ที่ลำบากสุดๆ เห็นจะเปฌนการแยกขยะ และแยกวันทิ้งนี่แหละ มึนสุดๆ ขณะที่พิมพ์อยู่นี่ ลืมไปหมดแล้วว่าทิ้งที่ไหน ทั้งๆที่เค้าพาไปดูสถานที่ทิ้งขยะหมดแล้ว..ลืมจริงๆ แล้วล่ามสาวก็พาเรา(3 คน) ไปที่ซูเปอร์มาเก็ต เพื่อซื้ออาหารประทังชีวิต ช่วงที่ข้าวของทางเรือยังมาไม่ถึง ว่าแล้วก็ซื้อไป ห้าร้อนกกว่าเยน แต่เป็นพวกขนมปัง แซนวิช อะไรเทือกนี้เพราะอาหารญี่ปุ่นยังไม่อยากทาน แต่ ห้าร้อยกว่าเยนนี่ก็อาจจะทำให้เราอิ่มไปหลายมื้อเลยนะเพราะขนมปังค่อนข้างหลายชิ้น แล้วก็กลับมากินที่หอพัก(ที่สภาพค่อนข้างดีมากจริงๆ...แม้จะแคบและกฎมากมาย) สภาพของหอนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งต้องเดินขึ้นทุกวัน(ใครมาญี่ปุ่นขอฮีรูดอย ด้วยนะ) พอกินเสร็จเจ๊ล่ามสาว ก็พาไปทำบัตรคนงานต่างด้าว(กูเกลียดคำนี้จิงๆ) โดยขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไป(สะดวกมั้ยล่ะ) ไป-กลับ หมดค่าเดินทางไป 400 เยน นี่แค่ห่างออกไป 2 สถานีนะเนี่ย(อะไรก็แพงไว้ก่อน) แล้วก็กลับหอพัก แยกย้ายกันกลับเข้าห้องซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเจอกกันอีกเมื่อไหร่ เพราะชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกันซะทีเดียว จะให้ไปเคาะห้องก็กระไรอู่เพราะเพื่อนใหม่ 2 คนเค้าเป็นมุสลิม กลัวว่าจะไปเคาะตอนเค้าละหมาด ก็เลยจัดของเข้าตู้ไปซะ พอเย็นๆหน่อยมีคนมาเคาะหน้าห้อง ส่องดูแล้วไม่รู้จัก.......แต่เค้าคงมาดีแหละเปิดประตูซะหน่อย ที่แท้เป็นพนักงานบริษัทเดียวกัน ชาวจีนที่เค้าอยู่หอนี้และเป็นคนเดียวกันกับวันที่เข้าร่วมทีวีคอนเฟอเรนซ์กันก่อนที่เราจะมาญี่ปุ่น(แต่กูจำเค้าไม่ได้เลย) ว่าแล้วก็ทักทายกันไป ทีแรกดูก็นึกว่าคนญี่ปุ่น แต่ก็นั่นแหละถามไปถามมาก็เป็นคนปักกิ่ง เพื่อนคนนี้ก็คุยเยอะดี ทำงานที่ office เดียวกัน หลังจากนั้นเค้าก็พาไปหาอะไรกินข้างนอก(เปลืองอีกแล้วกู) อ่ะไปก็ไป ฝนก็ตกซะทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดเลย(แต่ขอโทษน้ำไม่ท่วม ถ้าเป็นสำโรงล่ะก็ไม่รอด) อากาศก็หนาวซะ คนที่นี่เค้าอึดจริงๆอากาศแบบนี้เค้าทนอยู่ได้ไงชื้นๆ ตากกางเกงในก็ไม่แห้ง อ่ะต่อๆๆ เค้าก็พาไปกินร้านแถวๆนั้นแหละ แต่สำหรับเราคนไทยแสนขี้เกียจก็ต้องบอกว่าไกลนั่นแหละ ราคาอาหาร 530 เยน ไม่ต้องห่วงเลยเค้าไม่เลี้ยงเราหรอก(เราว่านะคนไทยนี่แหละหน้าใหญ่ ใจกว้างสุดๆแล้ว) ตอนขากลับก็เลยแวะซื้อร่มซะหน่อยเพราะอาศัยร่มเค้ามาตลอดกระเป๋าเรามันก็เปียกเพระร่มมันคลุมไม่ถึง เค้าก็พาไปซื้อ.....และแน่นอน เราเลือกซื้อร่มใส เพราะเห็นมานานอยากได้มั่ง และเราก็เดาเอาว่าที่ร่มใสมันฮิตเพราะ เอาไว้ใช้เวลาเดินหรือปั่นจักรยานแล้ว ลมมันพัดฝนเข้าด้านหน้า...เวลาปั่นจักรยานก็มองทะลุร่มได้ (อันนี้คิดเอง) แล้วก็กลับหอพัก(อีกละ) เวลาประมาณ สองทุ่มเกือบ สามทุ่มเพื่อนคนจีนก็พาไปซุปเปอร์มาเก็ต(ที่ตอนกลางวันไปมาแล้ว แต่ก็จำทางไปไม่ได้) เราก็เลยไปซื้อกาแฟกับน้ำผลไม้มา เค้าก็ซื้ออาหารอะไรของเค้านั่นแหละ แล้วก็กลับหอพัก (ช่วยนับหน่อยวันแรกเดินขึ้นเขากี่รอบ) ด้วนความเพลียมากก็เลยหลับซะเลย(อาบน่ำแล้วนะ ก่อนไปซุปเปอร์รอบดึก) สรุปวันแรก--มึนสุดๆ/ฝนตกมากมาย/จำชื่อเพื่อนชาวอินโดกับอียิปต์ไม่ได้/โทรกลับบ้านไม่ได้/อินเตอร์เนต ก็ไม่สามารถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 21:32:44 » |
|
26/5/2007 อยู่อย่างงงงง!!!! เข้าสู่วันใหม่ซะที่ วันที่ 2 แล้วสินะ การตื่นนั้นไม่ต้องห่วงตั้งนาฬิกาไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เนื่องด้วยความเพลียก็เลยตื่นมันซะเที่ยงเลย(นิสัยเดิมๆ ที่แก้ไม่หาย.....ก็คนมันง่วงนี่) วันนี้แหมม่านดู โอ้โห นี่มันฤดูเดียวกันกับเมื่อวานรึปล่าวเนี่ย วันนี้แดดเปรี้ยง....ไหนลองเปิดประดูเอาหน้ารับแสงวัดอุณหภูมิดูซิ อ๊ะ...ไม่ร้อนเท่าไหร่ แล้วก็มีคนมาเคาะประตูห้อง เปิดประตูทักทายสิว่าเป็นใคร อ้าว เพื่อนชาวสิงคโปร์ห้องข้างๆนี่เอง คนที่เค้าจะพาเราไปSurvey แถวๆนี้ แต่วันนี้เค้าบอกว่าคงแนะนำได้แค่ที่กินข้าว อื่นๆ คงต้องไว้พรุ่งนี้ เพราะวันนี้เค้ามีนัดทั้งวันทั้งคืน ส่วนเพื่อนคนจีนก็กลับบ้าน สองอาทิตย์ เจอกันอีกทีก็เดือนหน้านู้น วันนี้ก่อนกลับห้อง ก็ลองโทรกลับบ้านดู และโทรได้ด้วย ดีใจจริงๆ ลืมบอกไป ก่อนออกไปข้างนอก เค้าพาไปแนะนำคนไทยคนนึงที่อยู่ที่นี่ แต่เพื่อนคนสิงคโปร์บอกว่าเค้าไม่ค่อยอยู่หรอกส่วนมากจะไปนอนที่ห้องเพื่อน แล้วก็ เปิดห้องทักทายกัน เราจำชื่อเค้าไม่ได้แล้ว(ก็บอกว่าเพิ่งตื่น) ดูเค้าเป็นคนไม่ค่อยพูดยังไงก็ไม่รู้ (แล้วก็ไม่เห็นพูดว่า "มีปัญหาอะไรก็บอกนะ" เลย...ผิดหวังกับคนไทยคนนี้จริง) โอเค ในเมื่อรูปการเป็นเช่นนี้ ชั้นต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง(ที่จริงมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ) ก็ไม่รู้นะไปไหนดี แถวนี้ก็ไม่รู้จัก ถนนก็วกวนอยู่บนเนินเขา ถ้าหลงล่ะก็แย่แน่ ไหนลองเปิดกูเกิลเอิธดูซิ(ทีแรกว่าจะไปขอยืมแผนที่พี่คนไทย แต่...ช่างเหอะ)แม้ว่าอินเตอร์เนตจะไม่ได้คอนเนก แต่กูเกิลเอิธก็ดูได้แบบ offline (และอีกอย่างก่อนมาได้ศึกษามาเป็นอย่างดีว่าที่ตั้งหออยู่ตรงไหน และมันก็เป็นจริงอยางนั้น ถ้างั้นมันก็ต้องมีห้างจัสโก้แถวนี้....นี่แหละเป้าหมายวันนี้ ว่าแล้วก็เตรียมตัวเลยและออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวเดินฉับๆๆ ออกจากหอไปโดยไม่ได้ดูทางเลยว่าเดินไปผิดทาง ดีนะที่มันมทางเชื่อมไปทางหลัก(เสร่อ จิงๆกู) เดินไปซักกิโลนึง อากาศไม่ค่อยร้อนเหมือนเริ่มเข้าหน้าหนาวบ้านเรา ตรงไหนไม่มีแดด ก็ยิ่งเย็น พอถึงห้างปุ๊บกิ้นเข้าไปไม่ยักมีป้ายภาษาอังกฤษแฮะ ทำไงดีวะ .....แล้วก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนหน้าตาเฉย ด้วยรูปหน้าและการแต่งตัวละม้ายคนญี่ปุ่นเค้าก็เลยไม่ค่อยมองเราเท่าไหร่ ขึ้นไปชั้นเสื้อผ้าผู้ชาย ดูซะทุกซอกเล็งไว้ก่อนเลย เสื้อผ้าแนวๆทั้งนั้นเด็กวัยรุ่นก็เลือกกันใหญ่ แต่เราแค่ดูไว้ก่อน วันหลังค่อยมาซื้อ เช่นเสื้อกันหนาวมากๆ แต่เสื้อบ๊างบาง ราคา 1000เยนเอง บ้านเราก็ประมาณ 280 บาท กระเป๋ามากมายท่คนญี่ปุ่นขอบใช้แบบสะพายข้าง แนวๆทั้งนั้นเลย 2890 เยน เสื้อเชิร์ต โคตรถูก 1000 เยนขึ้นไปเผลอถูกกว่าบ้านเราอีกนะเนี่ย แว่นตาแฟชั่นก็ประมาณ 1000 เยนเหมือนกัน กางเกงยีนสวยๆ(ยี่ห้อเหมือนบ้านเรา แต่ดีไซน์เด็กแนวมากๆๆๆๆ) ราคาประมาณ 4000-6000เยน ก็ถือว่าไม่แพงนะ จากนั้นก็ดูพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกนิดหน่อย ห้างไม่ค่อยกว้าง ถ้าไปบ่อยเค้าคงคิดว้าเราเป็นขโมยแน่เลย และแล้วก็เดินกลับ วันนี้เป้าหมายเพิ่มขึ้นมาอีก 1 แห่ง คือร้าน 100 เยน(แต่ที่นี่ขาย 105 เยนทุกอย่าง) ก็เลยหิ้วตะกร้าเตรียมตัวเลย ดูโน่นดูนี่ หยิบนั่นหยิบนี่ หมดไปทั้งสิ้น 1155 เยนได้ตั้งหลายอย่าง ถือว่าไม่แพงเลย แถมยังได้มื้อเย็นของวันนี้ด้วย นั่นคือ....บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของญี่ปุ่นราคา 105 เยน แต่เยอะนะ กลับถึงห้องปุ๊บก็จัดแจงข้าวของ เปิดคอม ฟังเพลงซ้ำๆ(ความจริงเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ในห้องนานๆ) แต่ทำไงได้ล่ะ ก็มีแต่อยู่ในห้องนี่แหละจะไปนั่งไหนล่ะแล้วก็จัดการกินบะหมี่ซะ ก็ โอเค เค็มๆ ที่ลำบากคือต้องล้างกล่องโฟม กล่องน้ำผลไม้และ สิ่งเลอะเทอะต่างๆก่อนทิ้ง(ตอนนี้ขยะเต็มห้องไปหมด เพราะไม่รู้จะแยกยังไง แลวก็จำไม่ได้ว่าทิ้งที่ไหน วันไหน) แล้วก็ไม่รู้ว่าวันไหน จะได้เอาบทความอันไฮโซนี้ upload สู่โลกอินเตอร์เนต สรุปวันนี้ได้โทรกลับบ้าน และได้ไปเดินห้างจัสโก้กับร้าน 100 เยน สภาพจิตใจก็...เหมือนเดิม อากาศตอนกลางคืนคืนนี้เหมือนหน้าหนาวบ้านเราเลยวัดได้ต่ำกว่า 20 องศา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 21:33:45 » |
|
27/5/2007 เข้าเมืองแบบงงงง รีบๆ ลวกๆ วันนี้สินะที่จะได้มีโอกาศเข้าสู่ใจกลางเมืองซะที การเดินางจริงเริ่มขึ้นในเวาลเที่ยงๆ เนื่องจากคนที่พาเราไปตื่นไม่ไหวจริงๆ ก็โอเค พอดีว่ามีขนมปังกับกาแฟอยู่ก็เป็นมื้อเช้าได้แหละน่า วันนี้ลองกินกาแฟแบบชาวญี่ปุ่นดู คือแบบเพียวๆไม่ใส่อะไรเลยนอกจากกาแฟกับน้ำ เนืองจากซื้อกาแฟญี่ปุ่นมา...ไหนลองสิ.....โอ้โห เบะหน้าแทบไม่ทันริ้วรอยทั้งหมดทั้งมวลบนใบหน้าได้ทำงานกันเต็มที่ตอนนี้แหละ...แหวะ ไม่เป็นไร เรายังมีกาแฟ ทรีอินวันที่เพื่อนให้มานี่ ก็ยังอยู่ได้(แล้วทำไมไม่ไปซื้อน้ำตาลล่ะ ราคาก็ไม่ได้แพงนี่) พออกเดินทางปุ๊บ ฝ่ายที่เริ่มคุยก็คือ....เค้า....อ้าวก็แน่นอนสิจะให้ชั้นคุยได้ไง ภาษาอังกฤษนะ....พี่แกก็ซัดซะเต็มเหนี่ยว พูดเร็วยังกะรถไฟชินคันเซ็น(ไม่รู้รึไงวะว่าคนไทย ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบสิงคโปร์นะ) หลายประโยคที่เค้าต้องพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก(คงรำคาญเราน่าดู) แต่เราก็ช่างกล้าไม่ประหม่าอะไรท้งสิ้น ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ....ทำมะ!! การเดินางก็นั่งรไฟใต้ตินไปเหมือนเดิม วันนี้อาจต้องเดินทางมากมายก็เลยซื้อตั๋ววันซะ ก็คุ้มนะแต่ก็แพง 600 เยน ต่อรถไป ต่อรถมาก็ถึงสถานี นาโกยา แหม........ นั่นคนหรือมดน่ะ ยั๊วะเยี๊ยไปหมด!!!! และมากกว่าครึ่งเป็นวันรุ่น(หรือว่าวันนี้เป็นวันวัยรุ่นแห่งชาติ) มันมาจากไหนหันเนี่ย สำหรับการแต่งตัวไม่ต้องพูดถึง ทุกคนเหมือนในทีวีหรือนิตยสารที่เราเห็นนั่นแหละ โหหลุดโลกจริงๆแต่เค้าก็ไม่มีใครเม้ากันนะ ต่างคนต่างมันกันส่วนตัว มีแต่คนไทยนี่แหละที่เม้า เพราะได้ยินสองแม่ลูกนักท่องเที่ยวชาวไทยเม้าวันรุ่นที่เดินผ่านว่า"ทำไมเค้าเดินกันแบบย่อๆ อ่ะ" นั่น!! ถ้าจะเอาการแต่งตัวเป็นบรรทัดฐานสำหรับผู้ชายญี่ปุ่นคงไม่ได้ พาะที่นี่คงไม่มีผู้ชายเหลือเลย มีแต่ตุ๊ดเท่านั้น บางคนเดินมากับแฟนเขียนขอบตาแต่งหน้าเข้มกว่าผู้หญิงอีก สะพายกระเป๋าใบโตๆ เสื้อผ้าแต่ละคนประมาณ 8 ชิ้นเป็นอย่างน้อย(ไม่รู้ว่าก่อนออกบ้าน แม่งแต่งตัวกี่ชั่วโมง) เปรี้ยวซะ คิ้วนี่เท่าที่เห็น ไม่มีใครไม่กันคิ้วนะ หรือว่าสมัยนี้เกิดมาแล้วหมอกันคิ้วถาวรให้เลย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่อัศจรรย์ใจแท้ก็คือ ทุกคนสามารถเปิดร้าน เซ็ทผม แข่งเจ๊ป็อก เชลซี ได้เลย โอ้โห เห็นแล้วเราอยากจะโกนผมทิ้งไปเลย.... เอาหละพล่ามมานาน จากนั้นก็แวะหาอะไรกินซักหน่อย(เพือนหิว สำหรับกู...งั้นๆ) และแล้วก็เจอเป็นร้านราเมง จากการที่อย่ในเมืองสุดๆและที่สำคัญเป็นเมืองญี่ปุ่นซะด้วย ราคาก็เลยสูงหน่องแต่ก็ไม่มาก เราเลือกกลางๆ 750 เยน บ้านเราก็น่าจะกินอะไรดีๆได้มื้อใหญ่เลยล่ะ เอาน่ามาถึงจุดนี้แล้วจะให้ชั้นหาข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือขนมจีนข้างทางคงหาไม่ได้แน่ กินก็กิน พอได้อาหารปุ๊บ...โห ทำไมมันเยอะอย่างนี้วะ กินไม่หมดแน่ๆ(ในใจคิด..วันหลังกูขอซื้อมึงครึ่งจานได้มะ) รสชาดก็ดีนะ เผ็ดนิดๆ และแล้วก็กินไม่หมดจริงๆ แต่คนญี่ปุ่นในร้าน รวมทั้งเพื่อนชาวสิงคโปร์ของเราด้วย กินกันจนเกลี้ยงเลย(แล้วกูจะผิดมั้ยเนี่ย) แล้วจากน้นก็ไปซื้อของที่ร้าน้ครื่องใช้ไฟฟ้าต่อ(ตอนนี้ชีวิตอยู่ภายใต้สิ่งปกคลุม(อาคาร)ตลอดเวลา มีเวลาชำเลืองดูภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น(จะรีบไปไหน) พอเข้าไปในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ไปซื้อของที่เราต้องการซะแล้วก็ไปต่อ สถานที่ต่อไปนี้จำไม่ได้จริงๆ ว่าอยู่สถานีอะไร แต่สิ่งมหัศจรย์ก็คือเป็นแหล่งช๊อปปิ้งเสื่อผ้าวัยรุ่นเด็กแนวมากๆๆๆ ร้ายก็เยอะมากๆ มันคงเป็นย่านของมันเลยหละ วันรุ่นก็เลยพลุกพล่าน แฟชั่นที่นี่ เปรี้ยวมากๆ(เหมือนมะม่วงอกร่องที่บังดิบอยู่.....พูดแล้วน้ำลายสอ) เราก็เดินดูคร่าวๆ(คนที่ไปด้วยเค้าบอกวาดูๆไว้ก่อ นถ้ามีเวลาวันหลังค่อยมาดูใหม่)....คร่าวๆก็ตร่าวๆ แต่แวะร้านรองเท้านิดนึงเพราะเจอ แบบที่อยากจะได้ ยี่ห้อ O... อะไรซักอย่างนี่แหละ ราคาประมาณ 12600 เยน หรือ 3600 บาท ก็ถูกกว่าที่ไทยนะ (แต่ดูไว้ก่อนไม่ได้ซื้อ) จากนั้นก็เดินดูรอบๆแล้วก็กลับหอ ซักพักก็ไปร้าน 100 เยนซื้อของ(อีกละ) หมดไปเยอะนะวันเนี้ย(ที่ไม่ได้บอกก็มีอีกเยอะนะ อย่ามารวมเฉพาะอันที่ยกตัวอย่างนะ) อ๊ะๆ ลืมบอกไป วันนี้ไปร้าน 100 เยนโดยการปั่นจักรยานเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมาก ไม่ใช่เพราะเห่อ แต่มันปั่นลงเขา กลัวมากๆ เบรกตลอดเวลาเพราะมั่นทิ่งลงไปประมาณ 45-50 องศามั้ง (เดาเอา) แต่ข้างล่างนั้นเป็นถนนใหญทันที รถต่างๆก็วิ่งกันด้วยความเร็วสูง นี่ถ้าหลุดไปโดยไม่เบรกนี่คงพุ่งเข้าร้านฝั่งตรงข้ามไปแล้วมั้ง อ่ะ หลังจากลับมาที่หอ(อีกละ) ก็ฟังเพลง เรื่อยเปื่อย รอเพื่อนชาวสิงคโปร์กลับมาจาก โรงยิม แล้วจะอกไปกินข้าว ทีแรกนึกว่าจะกินแถวนั้นที่ไหนได้ขึ้นไฟไฟไปอีก ที่เดือดร้อนก็คือเรา(ไม่ใช่เรื่องเงินนะ) เพราะแต่งตัวแบบว่าขาเดฟสีดำ สื้อยืดลายเท่ รองเท้าแตะ และย่าม โอ้โห มันไม่มั่นใจน่ะสิ เพราะคนที่นี่เค้าแต่งตัวแรงมากๆ เราแต่งยังไงก็ดูธรรมดา(วันหลังกูจะซื้อสีส้มสะท้อนแสงมาทาตัวแล้วเดิน) เอาวะ เป็นไงเป็นกัน.....พอเปิดประตูหอปุ๊บ อื้อหือ หนาวอีกแล้ว มีลมด้วย ขนนี่ลุกซู่แต่ปากก็บอกว่าไหวไว้ก่อน แล้วเขาก็พาไปกินแถว ยาโกโตะ(ที่จำได้เพราะไปจัสโก้ที่นั่นมาแล้วไง) วันนี้เลือกกินแบบกดตั๋วจากตู้ ก็เท่ดี กินเสร็จก็เข้าไปซื้อของในจัสโก้ต่อเลย หมดเงินอีกแล้ว ที่ชิ้นใหญ่สุดก็คือ ที่รองรีดผ้า แล้วก็ถือขึ้นรถไฟใต้ดินด้วย ลืมบอกอีกละ ตอนคิดเงิน แคชเชียร์ พูดอะไรก็ไม่รู้เกี่ยวกีบทีเรซื้อ แอปเปิ้ล เป็นวรรคเป็นเวร เราฟังแล้วก็ยิ้มๆคงนึกว่าเราเข้าใจ ซักพักก็เลยบอกเค้าว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น( พอยต์คือจะบอกว่า เค้านึกว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น) จากน้นก็กลับบ้าน แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับ ด้วยหลายสาเหตุคือ วันนี้กินกาแฟเยอะมาก สองปรับแอร์ยังไงก็ไม่ลงตัว เพราะต้องไว้ที่ 25 องศาก็ยังดูหนาวไป มากกว่านี้ก็ดูร้อนๆยังไงก็ไม่รู้ จะปิดแอร์เปิดประตูทิ้งไว้ก็ไม่ได้เพราะอากาศข้างนอกต่ำกว่า 20 องศา(ใครจัมาญี่ปุ่น ขอเตาถ่านด้วย..เอาถ่านด้วยนะ 1 กระสอบ) สรุปวันนี้เป็นวันที่เสียเงินเยอะที่สุดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ และที่วันนี้ต้องทำอะไรรีบๆ เพราะเราไปกับคนที่จัดระเบียบให้ชีวิตเป็นอย่างดี เค้าวางแผนไว้แล้วว่าหลังจากนี้ไปทำอะไรต่อไป แต่เราใจมันอยากจะดูอะไรนานๆเรื่อยๆ ไม่รีบ อย่างไหนที่พอจะผ่อนได้ ก็เอาไว้ก่อน(นิสัยคนไทยจริงๆ) ซื้อเสร็จแล้วจะกลับเลยเหรอ ไม่ดูอะไรอีกซักหน่อยเหรอ เผื่อจะเจออะไรถูกใจอีกก็ได้!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 21:35:53 » |
|
28/5/2007 วันว่างๆ...ว๊างว่าง ไม่ร ทำไมนะตั้งนาฬิกาปลุกใว้ต้งเก้าโมงแต่ตื่นเที่ยงอีกแล้ว กลุ้มจริงๆ นี่ถ้าเป็นวันทำงานจริงๆ นี่ก็แย่เลยนะเนี่ย แล้ววันนี้ทำไรดีล่ะ กินไรก่อนละกัน ..กว่าจะอาบน้ำอะไรเสร็จก็ปาเข้าไป บ่ายโมง ก็เลยเดินออกไปก่อนเดี๋ยวค่อยคิดว่าจะไปไหน....ใจอยากไปไกลๆนะ แต่ก็กลัวเปลืองน่ะ แล้วอยู่แบบไม่มีแผนที่กลีวเดินไปเดินมาแล้วหลง แต่ ก่อนอื่นโทรกลับบ้านก่อนดีกว่า จากนั้นก็เดินไปเดินมาสรุปว่าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เข้าไปร้านนี้ดีกว่า....ร้านหนังสือ เขาไปดูรูปแค่นั้นแหละ เพราะอ่านไม่ออก ดูแผนที่ด้วย เผื่อจะได้ซื้อหามาเป็นของตัวเอง แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย อ่านไม่ออก ก็เลยไม่เอาดีกว่า(วันหลังค่อยไปหาของฟรีเอาแล้วกัน) อานได้ซักพักก็ต้องเดินออกจากร่นเพราะข้างในร้านเข้าเปิด heater มั้ง ร้อนเป็นบ้าเลย เรามาจากเมืองร้อนก็เลยไม่ชอบ ออกมาข้างนอก อากาศเย็นดี น่าจะซัก 20 องศาต้นๆน่ะ แต่อยู่นานไม่ได้เพราะใส่เสื้อยืดตัวเดียว คนแถวนั้นเค้าใส่กันมากชิ้น แล้วก็เดินกลับหอ....ไม่ชอบอยู่ในห้องเลยอ่ะ ชีวิตปกติตอนที่อยู่เมืงอไทยไม่เคยอยู่ในห้องได้นานๆเลย นอกจากตอนนอนเท่านั้น แต่ที่นี่....จะไปไหนดี โอ๊ยเหมือนโดนกักบริเวณแบบ ออง ซาน ซู จี เลย ในห้อง ก็ได้แตฟังเพลง..ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะ internet ก้ไม่สามารถมีได้ โทรหาเพิ่อนคนไทยที่อยู่อีกเมืองก็ไม่ได้เพราะไม่มีเบอร์เค้า (แหม...แค่นี้ทำบ่น) แล้ววันนี้เป็นตอนอวสานของ แรมพิศวาสรึเปล่านะ....อยากดูอยากดู!!!!! อยากคุย อยากเม้าท์ อยากไปเดินสยาม มาบุญครอง แต่ก็ได้แค่อยาก เพราะชีวิตจริงเห็นจะมีแต่ จัสโก้เท่านั้นแหละ ความจริงวันนี้ว่าจะไปหาเพื่อนคนจีนอีกคนที่พิ่งย้ายเข้ามาเมื่อเช้า แต่เนื่องจากเราตื่นเช้าไปหน่อยก็เลยไม่รู้ว่าเค้าอยู่ห้องไหนน่ะสิ...เฮ้อ!! และแล้วพอตกเย็นก็ตัดสินใจ ไปร้าน ร้อยเยน ซะงั้นไปหาดูชั้นวางของ แต่ที่ได้กลับมาคือของกิน น้ำตาลแล้วก็ชาม เป็นต้น มันไม่ได้สอดคล้องกับเป้าหมายเลยซักนิด....แต่ก็เอาเถอะ ลืมเล่าอีกละ(ช่วงนี้ทุกโมเมนท์ ถือว่าสำคัญสุดๆ) ตอนเดินไปเจอเพื่อนคนจีนคนที่กล่วมาข้างต้นพอดีก็เลยทักซะหน่อย แต่เค้าปั่นจักรยานมา เค้าถามว่าทำไมไม่ปั่นจักรยานล่ะ เราก็ตอบว่าเราชอบเดินมากกว่า(แต่ความจริงมันเกิดจากเรื่องเมื่อวาน) แล้วเค้าก็ปั่นต่อ ไอ้เราก็เดินต่อ(หนาวด้วย) พอกลับห้องก็รู้สึกว่างอีกละ(ท้องก็ว่างด้วย) ก็เลยทำไรกซักหน่อย พออิ่มก็ว่างอีกราวนี้อยู่เฉยๆ คอมไม่เปิด ทีวีไม่เปิด......อาบน้ำละกัน อาบเสร็จก็กำลังทายาสิวอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ก๊อกๆๆ(ทำไมต้อง 3 ครั้งวะ) เราก็รีบเลยดีหน้าที่หน้ายังไม่ชุ่มเกินไปกว่านี้ เปิดประตูปุ๊บ อ้าวพี่คนไทยห้องนั้นนี่..(ที่เค้ามาเนี่ยเนื่องจากเขียนใส่กระดาษสอดห้องเค้าไปว่าขอแผนที่นาโกย่าภาภาษาอังกฤษหน่อย) เค้าเอาแผนที่มาให้...เราก็อัญเชิญเข้าห้องซะเค้าก็นั่งกับพื้นเลย เราถามว่าห้องเรารกมั้ย เค้าบอกว่าไม่... จากนั้นเค้าก็บกว่าอันนั้นใช่ยังไง อันนี้ใช้ยังไง เครืองซักผ้าควรใช้เครื่องไหน ขยะแยกยังไง ทิ้งกี่โมง....เหมือนพระเจ้าทรงโปรด... บรรจุภาษาไทยเป็นส่วนหนึ่งในการใช่ชีวิตที่ญี่ปุ่นของเราด้วย....พอแนะนำเรียบร้อยเค้าก็พาไปดูห้องเค้า.....คือว่า...มันรกจริงๆ(แต่เค้าก็ดูดฝุ่นตลอดนะ) ก็โอเคเดี๋ยวก่อนเค้ากลับไทยเค้าจะเอาชั้นว่าหนังสือให้ด้วย(ประหยัดไปอีกหน่อยกู) จากนั้นเราก็ไปเคาะห้องเพือนชาวสิงคโปร์ต่อ(แปลกมากวันนี้เจ้าออกห้องคนอื่น คนอื่นก็เข้าห้องเราด้วย ซึ่งปกติทุกคนจะคุยกันที่หน้าห้องเท่านั้น ด้านในหวงห้าม) แล้วเค้าก็ให้เข้าไปนั่งข้างใน คุยนิดนึงแล้วเค้าก็ให้ใช้เนต ที่แรกจะให้โทรกลับบ้านด้วยแต่เกรงใจ เอาวะ ขอเช็คเมลนิดนึงละกัน....ใครที่ได้รับเมลตอบกลับวันนี้ถือว่ามีบุญญาธิการมากๆ เพราะได้เล่นแป๊บเดียว(ตดยังไม่ทันหายเหม็น....แบบว่าเกรงใจกลัวติดลม) แล้วก็ขอบคุณและกลับห้อง มานั่งทายาสิวต่อโดยที่ลืมไปแล้วว่าทาถึงตัวไหน สรุปวันนี้ ว่างจิงๆ เพือนสิงคโปร์ถามเรา เค้ายังงงเลยเพราะเห็นทีแรกว่าจะไปเตร็ดเตร่ข้างนอก แต่ก็ต้องขอขอบคุณพี่คนไทยที่ให้แผนที่และคำแนะนำต่างๆ ภาษาไทยนี่..เข้าใจง่ายจริงๆ(ดีกว่ากว่าที่คิดไว้แฮะ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 21:37:56 » |
|
29/5/2007 ว่างๆอีกวัน
วันนี้ชักหนักข้อเพราะตื่นซะ บ่ายโมงครึ่งเลย กว่าจะอาบน้ำสระผมเสร็จก็ปาไป บ่าย 2 กว่าจะกินอะไรเสร์จก็โน่นเลย สี่โมงเย็น ก็เลยออกไปซื้อลาย แลนซะหน่อย ตามคำแนะนำของพี่คนไทยที่พี่แกกะว่าจะให้เราใช้ร่วมกับเค้าไปก่อนตอนที่ยังไม่สามารถทำไรได้ ก้เลยไปซื้อ เค้าบอกให้ซื้อที่ร้านคอมก่อนถึงจัสโก้ แต่เราไม่รู้นี่ว่าหน้าตาร้านคอมเป็นไงก็เลยเดินเลยไป จัสโก้ไปซะได้ มาถงแล้วนี่ซื้อซะหน่อย แล้วไอ้สายแลนที่หน้าตามันเป็นยังไงล่ะ ไม่รู้จัก ....เอานี่ละกันสายโทรศัพท์คงเหมือนๆกัน ราคาตั้งพันกว่าเยน ก็ 300 กว่าบาท จากนั้นก็แวะดูเสื้อผ้าอีกรอบ แหมก็มันติดใจอยากซื้อ แต่ติดอยู่ที่เราต้องประหยัดนะ(ให้ตายเหอะที่อยู่มานี่ประหยัดมั้ยเนี่ย) ก็เลยต้องเดินออกมาโดยมีแค่สายพ่วงโทรศัพท์ (ในใจคิดตลอดว่ามันสือสิ่งเดียวกันกับสายแลน...และขอให้แม่ง ใช่ทีเหอะ) หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรดีก็เดินเลยบ้านไปไกลนิดนึงพอดีอากาศหนาวนี่ก็ทำให้เราเดินไกลมากๆโดยไม่รู้ตัวนะ เย็นยิ่งกว่าเดินในห้างซะอีก(ก็ข้างในเค้าติด heaterนี่) แต่ก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันนะ เหงื่อก็มีบ้าง แต่ก็โอแหละ ก่อนกลับก็แวะร้านแบรด์เนมหน่อย เห็นว่า เซล 60% ดึวดูดใจเหลือเกิน .....แตราคาที่ปรากฎเหมือนเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกับเรา มันช่วยพลักตัวเราให้ออกจากร้านมาแบง่ายดายไม่ต้องคิดเยอะ...แล้วก็กลับห้อง ช่วงนี้พกกล้องตลอดแต่ไม่ค่อยได้ถ่าย(รูปนะไม่ใช่ขี้)เลย ไปคนเดียว..อาย แล้วเราก็เหมือนคนญี่ปุ่นด้วย ถ้าเค้าเห็นเราถ่ายรูปเดี๋ยวไม่เนียน พอถึงห้องก็เย็นๆแหละ แล้วก็ต้องข้นมาแยกขยะก่อนที่จะเอาไปทิ้ง กลัวเหมือนกันว่าจะทิ้งผิดก็เลยเลือกไปช่วงมืดๆ(ช่วงนี้ไม่เป็นไร แต่พอช่วงที่มาม่ามาถึงและกินมันทุกวันนั่นแหละ เค้าก็จะรู้เองว่าถุงนี้เป็นของใคร) จากนั้นกนั่งรอคุณพี่คนไทยว่าเมื่อไหร่จะกลับมา รอแล้วรอเล่าจนเบื่อก็เลยเข้านอนดีวก่าเพราะพรุ่งนี้ต้องเป็นวันโหดจริงๆ เป็นการเดินทางไกลมาก และที่สำคัญไปคนเดียวด้วยสิ(จะเป็นไงบ้างวะกู) แล้วก็ นอน นอน นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 21:38:36 » |
|
30/5/2007 มหาโหด โคตรมันส์ และแล้วก็มาถึง...วันที่เดินทางไกล ไปในดินแดนที่ไกลโพ้น และไม่เคยไปเลย ก็ไม่ณุ้ว่าจะไกลแค่ไหน...ลองดู ตื่น6.20 น รีบมากเพราะความจริงตั้งใจไว้ที่ หกโมง แต่เล้วก็มีแถมจนได้ รีบๆๆๆๆๆ ไม่ต้องกินอะไรทั้งนั้น เพาะวันนี้มีตรวจเลือด....เอาเดินทางออกจากหอไปเวลา 7.20 (เช้าสุดๆ...ว่ามะ) พอถึงสถานีปุ๊บก็รอรถไฟรอบ 7.44 ก็รอไปสิ ....นั่นมาแล้ว ไปโลด ช่วงนี้ตื่นเต้นมากๆ อยากให้เห็นหน้าเพราะกน้าคงแดงแปร้ดดดดดดดด รู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนมากๆ ตาก็ลอกแลกตลอกเวลา (ก็คนมันตื่นเต้นนี่....แถมนึกขึ้นได้ว่าลืมขี้ก่อนออกจากบ้าน ยิ่งตื่นตระหนกไปกันใหญ่) สถานี้แล้วสถานีเล่า อ๊ะน่นไงสถานีนิชชิน ที่ที่เราต้องมาทุกวันทำงาน แล้วก็เห็นตึกกลุ่มหน่งตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาสูง(นั่นไงออฟฟิศกู) ดวงดีเนอะ ที่หอก็อยู่บนเขา ที่ทำงานก็อยู่บนเขา(ไม่สร้างกระเช้าไฟฟ้าไปเลยล่ะ กูจะได้สบาย) และแล้วรถไฟมันก็ไปสุดทางของมัน เราก็ต้องไปต่อ อีกสายหนึ่ง ตอนนี้หัวใจเต้นรัว (กูมั่งแล้ว ป้ายเป้ยไม่ดูแล้ว)เดินตามฝูงชนไปเรื่อง ....เจอแล้ว นั่นไงสถานีนี้ ซื้อตั๋วๆๆๆ เร็วๆ แต่.....พอรถไฟมามันจอดน้านนนนนนาน เราก็ดูนาฬิกาไปเรื่อง ปรากฎว่ากว่าจะถึงสถานีเป้าหมายก็เลยเวลานัดหมายพอดีเลย ไหนจะต้องเดินเข้าไปอีกแล้ว มันไปทางไหนล่ะ ตามคนเค้าไป เดินๆๆๆๆๆๆๆ กางแผนที่แล้วถามเค้าเลยดีกว่า....ยังไม่ถึง อ๊ะ นั่นเห็นคเดินเป็นเส้นเลย ....อ้าวนี่แหละคนพวกนี้แหละที่ช้นต้องไปกับเค้า เค้าเดินจะไปขึ้นรถกันแล้ว ชั้นยังไม่ได้ลงทะเบียนเลย มาถึงตรงนี้แล้วขอบอกเลยว่า เป็นคนที่ไปสายที่สุดของกลุ่มประมาณ 50 คน (ได้มาแล้วอีก 1 โล่ เฮ้ๆๆๆๆๆ ขึ้นแท่นตลอดเลยกู) แต่ก็เอาน่ายังดีกว่ารถออกปแล้ว นับว่ายังทำบุญมาเพียงพอ แหะๆ อ๊ะ!!! ใครเอาน้ำมาราดลงบนหน้าชั้น....ป่าวเลย เหงื่อชั้นเอง มากมายก่ายกอง ราวกับติดเครื่องทำน้ำกลั่นไว้ ใรรถก็เสือกเปิด ฮีทเตอร์อีก...ไปกันใหญ่ พอได้ทักทายกับเพื่อนคนไทยที่นั่งเครื่องไปด้วยกันบ้างพอเป็นกระศัย แล้วเราก็ไปทักเพือนที่อยู่ที่เดียวกัน เค้าบอกว่าเค้าออกมาตั้งแต่ 6.20(นั่นมันเวลาตื่นกูนี่) แล้วเค้าก็มากันหลายคน ก็เลยบอกว่าวันปฐมนิเทศน์จะออกมาก็โมง จะไปด้วย (อยางนี้เลย) ความจริงเค้าจำเราได้ แต่เค้าจำห้องไม่ได้...ครั้งหน้าไม่ตองจำห้อง เพราะชั้นจะไปนั่งแสตนบาย รอที่ล๊อบบี้เลย(ทำเป็นพูดไป) จากนั้นเค้าก็ให้ดูผังห้องเพื่อนั่งตามที่ที่ระบุไว้....ให้ตายเหอะช้นนั่งผิดที่อ่ะ ถึงว่าเห็นฝรั่งคนนึงเดินไปดินมา ดีนะที่อยู่แถวหลังสุด ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตของใคร แต่เราเองก็รู้สึกอับอายคนแถวนั้นไปเลย การตรวจรางการก็เป็นไปตามขั้นตอนไม่มีปัญหาอะไร(ยกเว้นคนอินเดียคนนึง เท้าเหม็นมาก....เม้าท์มากๆ) ไม่มีเวลาได้คุยกับเพื่อนคนไทยซักเท่าไหร่ แหมไอ้เราเหรอจะนั่งเฉย คุยกับคนต่างชาติเลย ไม่ว่าจะเวียดนาม อาร์เจนตินา จีน อินโด ฟิลิปปินส์ บราซิล ซาอุ มิตรภาพไร้พรมแดนจริงๆวันนี้ แม้บางที(หลายทีเหมือนกันนะ)ที่เราไม่เข้าใจว่าเค้าพูดอะไร หรือเล่นมุขอะไร ก็ช่างเหอะ ก็สนุกไปอีกแบบ พอเสร็จปุ๊บพวกเราชาวหอเดียวกันก็ตัดสินใจกลับเลย(ที่จริงมีเพื่อนคนไทยคนนึงชวนอยู่ต่อก่อน เรารู้สึกขอบคุณมากเลยนะ แต่อยู่ต่อไม่ได้จริงๆ) บาย เดอะ เวย์ ระหว่างการเดินทางเปลี่ยนสายรถไฟ พวกเราก็แวะรับทานกาแฟกันนิดนึง แน่นอน สตาร์บัค คอฟฟี เท่านั้น ราคาก็นาจะพอๆกับบ้านเรามั้ง เราหมดไป ร้อยกว่าบาทแก้วเดียว จากนั้นก็เดินทางสู้รถไฟสายที่จะพุ่งสู้ใต้ดินกลับห้องซะทีที่จริงวันนี้อยากปเที่ยวต่อนะ แต่พอดูราคาคาเดินทางทั้งหมดของวันนี้เนี่ยมันมากซะเหลือเกิน ไปกลับ ก็ 1800 เยนพอดี ก็ประมาณ 520 บาท (ที่นี่นะ ค่าเดินทางนี่โหดจริงๆ เว่อร์อ่ะ รับไม่ได้จริงๆ เพราะมันไม่ได้ไกลอะไรขนาดนั้น นี่ยังอยู่จังหวัดเดียวกันนะ) บ้านเราก็คงนั่งไปถึงขอนแก่นเลยมั้ง พอถึงห้อง..ไม่เหลือไรกินแล้วก็ต้องระเห็จไปหาไรกิน ที่ซูเปอร์มาเก็ต ก็ซื้อของตอนหิวก็เงี้ยะ ล่อไปซะ 810 เยนเลย วันนี้ใช้เงินอะไรก็ไม่รู้ มากมายจริงๆ แล้วก็กินๆๆๆๆ แล้วก็นอนๆๆๆๆ ตื่นอีกทีตอนได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ปังๆๆ....อ้าวเพื่อนชาวฟิลิปปินส์นั่นเอง แต่ต่ไปนี้เขอเรียกว่าพี่ก็แล้วกันเพราะอายุมากกว่าเรามากๆ น่าจะราวๆ สามสิบปลายๆถึง สี่สิบได้ คนนี้แกอัธยาศัยดี แกชวนเราไปห้างจัสโก้ ไปซื้ออาหารมาเก็บไว้ เราก็ไปสิจะปฏิเสธทำไม เดินๆๆๆๆๆๆ หนาวก็หนาวนะ (ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าแม่งหน้าร้อน) พอถึงก็สำรวจราคาก่อนเลย แต่รอซื้อดึกๆหน่อย รอเซล ก็เลยเดินข้นไปดูชั้นเสื้อผ้า(อีกละ) แต่ขอโทษคราวนี้ดูเป็นจริงเป็นจัง ลองสูทเลย ไหนๆก็ไหนๆต้องซื้ออยู่แล้วซื้อซักชุดจะเป็นไร วันนี้กล้าหน่อยเพราะมีคนไปด้วย(คนขายคงคิดว่าเป็นพ่อลูก) พี่ชาวฟิลปปินส์เค้าบอกว่าต้องเป็นแบบกระดุม 3 เม็ดนะสำหรับวัยรุ่น และตัวสูงหน่อย เราก็เอาตามนั้นเพราะใส่แล้วดูเป็นผู้เป็นคนจริงๆ ตามสไตล์ เรา ตัดสินใจอะไรก็ต้องเร็วไว้ก่อน ซืออะไรไม่เลือกมาก ก็เลยสอยมาซะ 1 ชุด ราคา 1 หมื่นกว่าเยน มีเสิอสูทกับกางเกงคู่กัน ...... แต่วันนี้ยังไม่ได้ เพราะต้องตัดขากางเกง อะไรอย่างนั้น(แสดงว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปจัสโก้อีกแล้วใช้มั้ย) พอได้เวลาก็เดินลงไปชั้นซูเปอร์ แหมมันไม่ค่อยลดราคเลยอ่ะ แต่ก็ต้องซื้อมะ ก็สอยไปอีก บานเลย...(เงินนะไม่ใช่หน้าคนซื้อ) แล้วก็เดินกลับบ้าน ก่อนเข้าบ้านก็แวะซื้อบัตรโทรศัพท์กันหน่อย (นี่คุณพี่เค้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าจะโทรกลับบ้านให้ถูกกว่าเดิมยังไง) ซื้อแล้วก็โทร กลับบ้านนิดนึงก่อนกลับเข้าหอ....เฮ้อ!!!วันนี้ใช้เงินเป็นแบงค์กงเต็กเลย(พูดแต่เรื่องเงินมาโดยตลอด...ก็แน่นอนสิ อยู่ที่ญ่ปุ่นสิ่งที่ต้องตระหนักอยู่ตลอดก็ต้องเป็นเรื่องเงินนี่แหละ) มือเย็นกินค่อนข้างเยอะ เปลืองนะ(แต่ช่างแม่ง กูหิว) แล้วก็ฟังเพลงรอพี่คนไทย...นานแสนนาน....ไม่ไหวล่ะ....นอนดีกว่า!!! สรุปวันนี้ ไปสายที่สุดของพิธี ทำอะไรก็ตื่นเต้นหน้าแดงทั้งวัน แถมมีโอกาสได้รู้จักมักคุ้นกับผู้คนหลากหลาย เป็นวันที่ใช้จ่ายมากที่สุดนับตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่น แต่นี่ยงไม่ถึงที่สุด เพราะวันที่จะจ่ายแพงที่สุดคือวันที่จะต้องซื้อตั๋วรถไฟราย 3 เดือนอะไรซักอย่างน่นแหละ ....อันนั้นเกือบแสนเลย จริงเท็จอย่างไร เดี๋ยวคงได้รู้กัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tiktokthailand
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 23:18:22 » |
|
วอร์ม เรายังไม่ได้อ่านนะ วุ่นๆ เรื่องส่งต้นฉบับอยู่ แต่ก็อยากเข้ามาให้กำลังใจเพื่อนน่ะ
เดี๋ยววันอาทิตย์นี้คงได้อ่านแล้วมั้ง (นะ) แต่ยังไง เชื่อว่า งานเพื่อนก็ตลกอยู่แล้ว เพราะเพื่อนเป็นเจ้าทางเหนือ (เอ๊ะ.. มันไม่เกี่ยวกันนี่)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2550, 23:42:12 » |
|
ติ๊กก็พูดไป.... เดี๋ยวเกิดมีคนเชื่อเข้าจริงๆทำไงเนี่ย หน้ายิ่งให้อยู่ด้วย ผู้ดี๊ ผู้ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
MahDee
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 08:16:39 » |
|
อ่านครบหมดตั้งแต่เมื่อคืน ดีมากครับ ทำให้ได้เห็นชีวิตจริง ๆ ของที่นั่นด้วย ขอภาพประกอบด้วย จะดีมากครับ :wink: รออ่านตอนต่อไปครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kee_ot
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
รุ่น: rcu2542
คณะ: SCI
กระทู้: 23
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 08:49:58 » |
|
โอววว อยู่นาโกย่า หน้าร้อนนี้ อย่าลืมไป เที่ยว นาโกย่าสปาร์แลนด์ นะครับ
บีกีนี่ กระจาย คริ ๆๆๆ สุดตรีนครับท่าน
แล้วก็ อย่าลืมแวะไป กิน ข้าวหน้าปลาไหลของขึ้นชื่อนาโกย่านะครับ
ว่าง ๆ มาเที่ยวเกียวโตได้นะครับ ยินดีต้อนรับครับ (ที่พักฟรี)
กี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The kee of the world
|
|
|
veekung
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 10:54:39 » |
|
โหท่าทางจะเก็บกดนะพี่วอร์ม พิมพ์ซะเยอะเชียวจะมาไล่อ่านนะตาลายแว้ว :lol:
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลาล่า
มือใหม่หัดเมาท์
ออฟไลน์
กระทู้: 45
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 15:06:36 » |
|
เข้ามาอ่านอย่างงงงง.. 555 แต่ขำดีแก เหมือนตอนที่แกเขียนเรื่องทำหน้าตึงเลยอ่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ttp://dararah.multiply.com
เถ้าถ่านของกาลเวลา..
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:04:51 » |
|
แหะๆ
ภาพประกอบไม่ค่อยมีอ่ะ ไม่ค่อยได้ถ่าย
แต่ที่ว่าเที่ยวเกียวโตแล้วที่พักฟรี่นี่น่าสนมากเลย
แต่ตอนนี้ยังไปไม่เป็นครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:18:43 » |
|
มาต่อกันเลยดีกว่า แต่ว่ามันมีไม่กี่วีนหรอกที่มีเวลาเขียน
31/5/2007 Osu Kannon ….. Again!! ด้วยเหตุที่ว่าวันนี้ เราต้องไปที่โอสุแคนนอน อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ครั้งแรกเพื่อนชาวสิงคโปร์พาไป แบบรีบๆน่ะ พอดีพี่ชาวฟิลิปปินส์เค้าจะไปหาซื้อเตารีด เราก็ไปด้วยเพราะอยากไปอยู่แล้วเนื่องจากเป็นแหล่งแฟชั่นมากๆแห่งหนึ่งของนาโกยา มีร้านมากมาย ราคาถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่มันน่าดูเพราะมันแสดงถึงรสนิยมการแต่งตัวของวัยรุ่นเป็นอย่างดี แม้บางทีมองๆแล้วก็เหมือนเด็ก แว้นซ์แถวๆสำโรงอยู่เหมือนกันนะ(อันนี้จริงๆ) ต่างกันแต่ของเค้าจะดูสะอาดสะอ้านกว่า อาจจะเนื่องด้วยสีผิดล่ะมั้ง และอีกอย่างวันรุ่นเค้าก็ไม่ซกมกมากเหมือนของบ้านเรา เพราะนแต่งตัวมากๆจัดๆที่นี่ไม่ใช่เด็กเหลือขอ ติดยาแบบแถวสำโรง การเดินแถวนี้เป็นเรื่องยากที่จะเดินให้ทั่ง มันเหมือนสยามแต่มีหลังคา อากาศเย็น และมีพื้นที่มากกว่า(มากๆ)เท่านั้นเอง ดูสะอาดสะอ้านไปหมด (ตรงมากๆ ชอบอยู่ในที่อะไรแบบนี้) เดินไป แวะไป หลายร้านมาก กว่าจะได้เตารีด ก็หลงไปหลายตึกเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นก็แวะดูร้านกล้องถ่ายรูป ไม่รู้ว้เทียบกับบ้านเราแล้ว ที่ไหนจะถูกกว่า ก็ลองเทียบดูละกัน nikon d40 120000 เยน...จำได้แค่เนี๊ย(ความจริงจำมามากกว่านี้ แต่สงสัยเดินเยอะ ก็เลยลืมไปหมด แต่วันหลังก็คงไดเดินแถวน้อีกเรื่อยๆ(จนกว่าจะมีที่ที่ใช่กวานี้) การเดินที่นี่มันดีกว่าบ้านเรา เพราะ มันไม่ค่อยเหนื่อย เรพาะร่างกายไม่ต้องเสียเหงื่อและเกลือแร่ วันก็เดินไปเหอะ จนกว่าจะหมดแรง(ก็นานนะ) จากนั้นก่อนกลับก็แวะซื้อกระเป๋าใบนึง พอดีราคาไม่ค่อยสูงก็เลยสอยซะเลย ไม่ค่อย แฟชั่นมากนัก แต่เค้าก็ใช้กันเยอะก็เลยตัดสินใจซะเลย พอจะขึ้นรถไฟก็นึกขึ้นได้ว่าต้องไปเอาสูทที่ซื้อไว้เมื่อวาน มั่นใจมากว่าพอดี ไม่ลองเลยถือมาอย่างนั้นแหละ ตอนขากลับก็เดินกลับ ความจริงหอที่อยู่กับห้างจัสโก้นี้ ห่างกันหนึ่งสถานีรถไฟ จะว่าไกลก็ไกลนะ แต่อากาศมันดี ก็เลยเดินได้ ถ้าเป็นบ้านเราคงบ่นตั้งแต่ก้าวที่สามแล้วแหละ ตอนถึงหอ เจ๊เมียผู้จัการหอบอกว่าวันนี้จะมีคนไทยมาที่หอ แต่ว่าจะย้ายจริงมาวันเสาร์นี้ ก็เลยลงไปทักทาย สรุปว่าเค้าอยู่มาปีนึงแล้วแต่ย้ายหอ จากหอในตำนาน(ที่อาบน้ำรวม)มาที่หอนี้ แต่เค้าทำงานคนละออฟฟิศกับเรา และจากการสำรวจหน้าตาแล้วเค้าต้องเป็นพี่เราอย่างไม่ต้องสงสัย....แล้วเค้าก็ต้องไปรับการปฐมนิเทศน์หอพักเฉกเช่นเดียวกันกับเราในวันแรก เราจึงต้องขอตัวไปก่อนเพราะมันใช้เวลานาน แต่ขณะกำลังจะลานั่นเอง บังเอิญเพื่อนชาวอียิปต์ออกมาจากลิฟท์พอดี ก็เม้าท์กันไป เค้าบอกว่าเค้ามีปัญหาเกียวกับเครื่องซักผ้าเพราะว่าใช้ไม่เป็น และเค้าก็ไม่มีผงซักฟอก เค้าก็เลยจะออกไปซื้อที่ร้านร้อยเยน แล้วก็คุยกันส่าใช้ชีวิตที่นี่ลำบากนะ....จะมีมือถือก็ต้องใช้เอกสารสารพัดมากมายจิปาถะ เรื่องมากซะไม่มี....อะไรประมาณนี้ ก่อนจากกัน...เค้าก็บอกว่าพรุ่งนี้เวลานัดหมายที่ล็อบบี้ 6.30 น นะ......พอดีพรุ่งนี้เป็นวันปมนิเทศน์พนักงานน่ะ แต่เราก็ไม่ห่วงเพราะคุณพี่ฟิลิปปินส์แกบอกว่าตอนเค้าตื่นเค้าจะมาเคาะห้องเลย....โห !!! ดีมั้ยล่ะ ยังไงซะเราก็ไม่ควรที่จะหาเรื่องอายเป็นรอบที่สอง เนืองจากว่าห้องเล็กมาก คงไม่มีที่วางโล่ห์แล้ว...จึงของดรับโล่ห์ไปก่อน เอาหละจังหวะนี้ก็ต้องภาวนาให้ตัวเองตื่นเช้าๆนะ......สาธุ สรุปวันนี้ เดินในชุมชนวัยรุ่นมักจะไม่เหนื่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:20:29 » |
|
1/6/2007 การทำงานใกล้เริ่มต้นแล้ว...แต่วันนี้ชีวิตยังมันส์ เหมือนสวรรค์แกล้งยังไงก็ไม่รู้ สงสัยกว่าว่าเราจะตื่นสายรึไง นอนไม่หลับเลย ดิ้นไปดิ้นมาพลิกมาพลิกไป(อย่าจินตนาการว่าเตียงกว้างมาก ให้คิดถึงสภาพของไก่หมุนน่ะ ที่มันหมุนอยู่กับที่) แต่ก็กลัวว่าจะเสียความตั้งใจก็เลยนอนจนกว่านาฬิกาปลุกจะดัง ค่อยลุกไปอาบน้ำ(แหม ให้มันได้อย่างนี้สิ) วันนั้ตื่นตีห้าเป๊ะๆ เพราะเวลาที่ทางทีมงานนัดหมายคือ หกโมงครึ่ง ก็ไปกันซัก ห้าหกคนได้มั้ง(ไม่ได้นับจำนวนคนจริงๆ ทำไมนับวันไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดเลยวะ) ก็เดินไปทางเดิม แต่วันนี้ทุกคนไม่ธรรมดาเพราะใส่สูตรกันถ้วนหน้า สูตรที่ซื้อมาก็ได้ออกงานวันนี้แหละ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ใส่อีก) ระหวางนั่งรถไฟไปก็น้ำหูน้ำตาไหล เพราะง่วง(ก็ไม่ผิดนี่ ที่นี่เค้านอนกันเอาจริงนะ) กว่าจะถึงก็ตรงเวลาพอดี วันนี้มั่นใจหน่อยเพราะมากันเป็นทีม (แล้วเราก็เหมือนคนญี่ปุ่นด้วย) แถมนิดนิงที่นี่เค้าใส่สูท ผูกเนคไท ปั่นจักรยานกันยิกๆๆ เลยนะ ความจริงแล้วมันดูไม่เข้ากันเลย เพราะคนใส่สูทน่าจะนั่งเบาะหลังรถเมล์ เอ๊ย!!! รถหรูๆมากกว่า แต่ก็นั่นแหละที่นี่มันำกันทุกคนก็เลยธรรมดาไปซะ ลองบ้านเราใส่สูทไปทำงานที่ตึกออลซีซั่นสิ นึกภาพไม่ออกเลยอ่ะ นั่น!!!! เล่าข้ามไปอีกละ วันนี้มีช็อตเด็ดอีกแล้วอ่ะ ทำไมต้องเป็นชั้นทุกทีเลยวะ ก็ตอนหยอดเหรียญแลกตั๋วน่ะสิ เหรียญของชั้นมันดั๊นเป็นบ้าไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หยอดแล้วหยอดเล่า ก็เท่านั้น ร่วงเอา ร่วงเอา หันไปดูเพื่อนๆอีกทีอยู่ในรถไปหมด แล้ว ยามก็ทำท่าจะเป่านกหวีด แล้วชั้นล่ะ ตอนนั้นอยากให้มีกล้องมาจับภาพ หน้า มากๆ เพราะล๊กมากกกกกก พยายามแกะถุงเหรียญแล้วใช้เหรียญอื่นหยอด แต่ก็ไม่ได้ดูเลยว่าเหรียญราคาพวกนั้นเครื่องมันไม่รับ คราวนี้มันก็ช่วงเต็มถาด เงยหน้าขึ้นมา ยามก็เริ่มสบตาเรา จังหวะนั้นเองมีผู้ชายใจบุญท่านหนึ่งได้สละเหรียญหยอดให้เรา (พระเจ้าส่งมาเกิดจริงๆ พ่อคู๊ณ) แล้วก็คว้าตั๋วในบัดดล และวิ่งไปด้วยความเร่งสูงมาก และภาพที่เห็นคือ ยามกำลังจะกางมือออกบอกสํญญาณให้คนขับออกรถได้ แต่เราด้วยการที่มีความเร็วสูง ก็เลยวิ่งเข้าไปแทรก(กับ กระแทก)คนที่แน่นมากๆๆๆๆๆๆๆ .....ปั๊ก!!!( ไม่รู้ ไม่สน กูจะไป มึงจะทำไม) เค้าคงด่าเราทั้งงขบวนเพราะทำให้ รถไฟซึ่งตรงเวลามากเสียเวลาไปเลย(ที่เค้ารอเพราะคุณพี่ฟิลิปปินส์นั่นแหละตะโกนบอก....นี่ก็พระเจ้าส่งมาเกิดอีกคน) ขึ้นไปยืนปุ๊บ อื้อหือ!!!!! เบียดจนขี้จะเล็ดออกมาแล้ว กว่าจะถึง ก็ต้องเดินไปอีกไกลมากๆ แสนจะเหนื่อย สูทก็ใส่ถุงเอกสารก็หนัก...ให้มันได้อย่างนี้ตลอดสิ พอถึงตอนเข้าห้องนั่งตามผัง คราวนี้เรารอจนให้คนข้างๆ คอนเฟิร์มก่อนว่าใช่ ถึงจะนั่ง กลัวพลาดเหมือนครั้งที่แล้ว การปฐมนิเทศน์ก็ดำเนินไปตามตาราง พอตอนเที่ยงก็ได้มีโอกาสได้รู้จักกับคนไทยอีกกลุ่มหนึ่ง มาจากคนละบริษัทกัน ก็เพิ่งรู้จักกันนั่นแหละ แต่กลุ่มนี้ เค้าคุยสนุก เฟรนดลี่มากๆ ไอ้เราเองนานๆได้เม้าท์เยอะซะที ก็เลยชวยเค้าเพ้อเจ้อไปกันใหญ่เลย ขำมาก คนที่เก็กก็ปล่อยเค้าเก็กไป... พอตอนบ่าย ....แหมทุกคนก้มดูชีทหมด พยายามหลบตาวิทยากร(ความจริงคือแอบหลับ) แต่เราก็หลับตาเฉยๆนะ เพราะหลับจริงๆไม่ได้หรอกอายเค้า มาถึงตอนนี้แล้วเนี่ยบอกเลยว่าที่เยนภาษาญี่ปุ่นมาท้งหมดนั้น เปล่าประโยชน์จริงๆ ก็มันจำไม่ได้แล้ว ก็ยังไม่ได้ใช้อีก ตอนนี้จะหันหน้าไปไหนก็ต้อง ภาษาอังกฤษทั้งนั้น เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ยิ้มกันไป บางคนเห็นหน้าแล้วอยากจะทักเป็นภาษาไทย (ก็หน้าเหมือนคนไทยนี่หว่า) แต่ก็ไม่สามารถ (เมื่อไหร่เพื่อนๆกูจะมาซักทีนะ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:22:08 » |
|
....ทำไมมันอึดอัดอย่างงี้ วันนี้วันดี ได้พักผ่อนเต็มที่ ก็เลยตั้งใจตื่นเที่ยงเลย ....ก็จริงๆ เที่ยงจริงๆ ตื่นมาปุ๊บก้ต้องกินข้าวก่อน เปิดตู้เย็นซิมีไรบ้าง มีไข่ มีขนมปัง ....ทำไรดีน้า... คือว่าชีวิตตอนนี้ ทำอาหารไม่เป็นซักอย่าง ก็ต้อง มิกซ์ สุดแรงเกิด พยายามทำมห้มันเป็นเมนูที่ครบ 5 หมู่ให้ได้ ไม่ใช่กลับไประเทศไทย ป็นตานขโมยซะงั้น....ก็เลยเอาขนมปังมาฉีกเป็นชิ้นๆ ใหญ่หน่อย(ทำไมต้องฉีก...เพราะขณะนี้ มีแต่ชาม ไม่มีจาน) แล้วก็เอาไข่ ใส่เข้าไป 2 ใบเลย(อยากมานานละ) แล้วก็เข้าไมโครเวฟ แค่เนี๊ยะ ง่ายๆ เอาออกมาก็ ใส่ซอสนิสนึง(เจ้าใจว่าเป็นซอสถั่วเหลืองนะ ไม่ค่อยมั่นใจ) รสชาดซอสแปลกๆ แต่ก็ใช้ได้(ไม่ซื้อซ้อิ๊วดำมาก็บุญแล้ว)แน่นอน ผลไม้ก็มี น้ำผลไม้ก็มี....อิ่มเลย ใช้ได้เหมือนกันแฮะ เมนูนี้ วันหลังทำอีก...จากน้นก็ซดกาแฟ ก่อนที่จะลงไปเอา ของที่ส่งมา แต่วันนี้ได้รับเฉพาะของที่ส่งทางอากาศ ทางเรือยังไม่ได้(ทั้งๆที่ถามเจ๊ผู้จักการแล้วว่าของที่ได้น่ะ ทั้งทางเรือ ทางอากาศเลยรึเปล่า จ๊แกก็พยักหน้า.....แล้วไมเสือกได้แค่ของทางอากาศ) ที่ผิดหวังก็เพราะ อาหารมันอยู่ของทางเรือน่ะสิ(ไม่รอข้าวกูงอกเป็นต้น พร้อมเกี่ยวเลยล่ะแล้วค่อยมาส่ง) รอไปก่อนละกัน......... แล้วก็จัดของให้ดูเข้าที่เข้าทางซะหน่อย.....แล้ววันนี้จะทำไรดี .....ซักผ้าดีกว่า แล้วแฟ้บล่ะ...ก็อยู่ในเรือนู่น เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยไม่ซัก...... ไม่ใช่!!!!! ก็เลยต้องไปซื้อที่ร้ายร้อยเยน ไหนๆก็ไหนๆ ออกมาแล้วซื้อแม่งหลายอย่างหน่อยละกัน..แล้วก็ได้หลายอย่างจริงๆ...เช่น ชั้นวางขวดกาแฟเล็กๆ แฟ้บ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทิชชู่ ผ้าเช็ดเท้า(เนื่องจากหาไม่เจอ ก็เลยซื้อผ้าเช็ดตัวเลย คงใช้แทนกันได้) เป็นต้น แล้วก็กลับห้องมาซักผ้า แหมก็ไม้ได้ยากเย็นอะไรก็กดปุ่มแล้วก็รอ......รอเพลินไปหน่อย ก็เลยเผลอหลับไป กว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปจวนจะเย็นซะแล้ว เพราะส่วนที่ต้องใช้เวลาจริงๆ คือการอบแห้ง....นานจริงๆ มากกว่า 1 ชั่วโมง ไอ้เราก็เดินถือตะกร้าไป เกือบสิบครั้งมันก็ยังไม่เสร็จ....โพล้เพล้พอดี ไดเวลาตากผ้าอ้อม มันก็เสร็จจนได้ แหม มันแห้งจริงๆบางคนเค้ารีดต่อเลย แต่เราเอากลับมาตากไว้อีก(เอาให้มันแห้ง ๆ) แต่ถ้าฝนตกก็คง......จบกัน จากนั้นก็แต่งตัวเตรียมออกไปหาข้าวเย็นแล้วก็โทรกลับบ้าน....เพื่อนๆอย่าน้อยใจเลยนะที่เราไม่ได้โทรหาใครเพราะเราจำเบอร์มือถือใครไม่ได้เลย จำได้แต่เบอร์บ้าน ก็คงต้องรอจนกว่าจะมีอินเตอร์เนตใช้นั่นแหละ ทุกอย่างจะง่ายกว่านี้ ตอนเย็นก็ใช้สอยไปอีกมากมายก่ายกองเพราะชื้อของกินที่เป็นส่วนเสริมมากว่าตัวหลัก เช่นโยเกิร์ต น้ำผลไม้ และผลไม้ (แค่นี้ก็ปาเข้าไปหลายร้อยบาทเหมือนกันะน) แต่วันนี้ ความจริงตั้งใจจะซื้อกล้วย แต่ต้องระงับช่วครามเพราะห้างนี้ขานแพงมาก มองทะลุถุงใสเข้าไป มีอยู่ลูกเดียว ขาย สองร้อยกว่าเยน (แหมวันหลังมึงเอาต้นมาเลยนะ กูจะซื้อไปปลูก) ไม่เข้าใจว่าวันนี้ทำไมขายแพงมาก หรือเค้าคิดราคาตามราคาทองคำ หรือตลาดหุ้น เพราะวันก่อน ซื้อ 4 ลูก ประมาณ 150 เยน (มันก็ยังแพงอยู่ดี แต่ทำไงได้ล่ะ ก็ต้องกินนี่ มันไม่มีทางเลือก....บ้านเราคงได้มาซัก สองสามหวี กัดทิ้ง เขวี้ยงทิ้งยังเฉยๆ แต่ท่นี่อยากจะกินเข้าไปทั้งเปลือกเลยจะได้คุ้ม) มะม่วงลูกนึง ประมาณ 600 เยน ขอโทษลูกเล็กๆนะ เฮ้อ กลุ้มจริงๆ... ก็เลยซื้อองุ่นแดงแทน ก็แพงอีกนั่นแหละ แต่ก็ซื้อเพราะความรู้สึกเราคือ บ้านเรายังแพงนะเลย แต่ถ้าจะให้ซื้อมะม่วงนี่ ไม่เอาเด็ดขาด(อารมณ์เสีย) พรุ่งนี้มีรายการอกนอกหอแล้ว ทุกคนล้วนต่างชาติศาสนาทั้งสิ้น คงมึนล่ะทีนี้...และเราก็จะพยายามติดอินเตอร์เนตให้ได้....(กลุ้มว้อยกลุ้ม)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:23:15 » |
|
คำเตือน
กระทู้นี้ ไม่เหมาะสำหรับคนขี้เกียจอ่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:24:11 » |
|
เฮ้ย ข้างบนเป็นของวันที่ 2 นะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:25:02 » |
|
3/6/2007 คือว่าวันนี้ไป ที่แห่งนั้นอีกแล้ว ด้วยเวลานัดหมาย 10 โมงแต่โดยเคาะประตูแต่เช้าก็เลยตื่น กินกาแฟ แก้วนึงเองก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัว แต่แล้วก็ช้ากันจนได้ แต่ก็ช่างเหอะ....วันนี้เพื่อนร่วมทางเป็นชาวแอฟริกาใต้ไปด้วย เค้าจะไปซื้อของก่อนกลับบ้าน ไอ้เราก็จะไปหาเอาข้างหน้าล่ะ คงมีไรให้ซื้อแน่นอน วันนี้ไม่ค่อยพูดเพราะ เค้าชอบพูดภาษาท้องถิ่น แต่เค้าก็พูดภาษาอังกฤษกับเรานะ คือเป็นภาษาทางการเค้าน่ะ เพราะฉะนั้นเรืองภาษาชั้นด้อยกว่าในทุกกรณี ก็เลยใบ้แดก วันนี้ไม่มีทีท่าฝนตกเลย หลายวันแล้ว หรือว่าจะเข้าส่หน้าร้อนอย่างเต็มตัวแล้ว....ไม่ไหวนะ ขอเย็นๆ ร่มๆ ไร้แดดจะดีกว่า กลับไปเจอกันอย่าหวังนะว่าจะเห็นเราขาวขึ้น เพราะ เดินฝ่าแดดวันละเป็นกิโลๆ ถ้าไม่ดำก็แปลกแล้วหละ แต่เพื่อนร่วมทางของเราวันนี้ เค้าไม่แคร์หรอกเพราะของเค้าน่ะ พกมาจากบ้านมากมายอยู่แล้ว(ก็เม้าท์ไป..คนไทยขี้เม้าท์) ว่าแล้ววันนี้ ที่ที่จะไปคือ Osu Kannon (เย้ 3 ครั้งแล้วว้อย) วันนี้เสียตังค์ไปเยอะเหมือนกัน เพราะซื้อน้ำหอม เนื่องจากที่มีอยู่หมดแล้ว(ส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้ฉีดห้องหลังจากใช้ไมโครเวฟ ทำอาหาร และใช้ฉีดถุงขยะที่มีอะไรข้างในมากมาย) แต่ราคาไม่แพงเพราะ ไม่ใช่แบรนด์เนม เพราะไม่รู้จักเลย แต่ก็เอาเหอะ ถ้าไม่ถูกใจวันหลังค่อยซื้อใหม่(แหม....ตังค์เยอะเหลือเกิน) ซื้อมาตั้งสองขวด แต่แป๊บเดียวคงหมด(ก็มันมี่ให้ใช้เยอะ) แล้วก็เดินๆๆๆๆๆ เมื่อยมาก เพราะเค้าซื้ออะก็ไม้รู้มากมาย ขี้เกียจดูก็เลยเดินไปเดินมา เข้าร้าน ปาจิงโกะ บ้างอยากเล่นมากก(เผื่อจะรวย) แต่ไม่กล้าเล่น เพราะ เล่นไม่เป็นเลย ถ้าเล่นก็คงเรียกว่าโง่เลยหละ วันหลังละกัน ถ้ามีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นก่อนค่อยให้เค้าสอน แล้วก็เดินจากไป จากนั้นก็กินข้าวเที่ยง(ประมาณบ่ายสองเห็นจะได้) วันนี้หมดเยอะมาก และชั้นก็เสียเปรียบเพราะแต่ละคนตัวเท่าควาย วันนี้กินไก่ย่างบราซิล สองตัว ทุกคนกินเบียร์เกือนหมด มีสองคนกินโค้ก หนึ่งในน้นก็คือชั้น(ความจริง อยากกินนะ แต่น่นมันกลางวันแสก กลางชุมชนด้วย เกรงว่าถ้าเดินออกจากร้านไปกลัวคนมากราบ นึกว่า กวนอู ประทับ) ก็เลยตัดใจ(ถ้าเป็นกลางคืนล่ะก็.....กูไม่พลาดหรอก) ด้วยความที่หิวมากจนแอบไปกินอะไรรองท้องมาก่อน จึงเสียเปรียบกำลังสอง กินได้ประมาณสามชิ้น ก็อิ่มเลย แล้วก็นั่งดูเค้ากิน แหม.....ดุมากๆ ทั้งฉีก กัด ทึ้ง ขยำ และที่สำคัญดูดนิ้วกัน จ๊วบๆๆเลย โต๊ะ นี่เลอะไปหมด ช้นขยับขาหนีแทบไม่ทัน เพราะกางเกงที่ใส่ไปสีซีด ถ้าโดนพวกน้ำมันไก่ย่างมันจะดูเป็นดวงๆ ทุเรศมาก แต่ก็รอดมาได้ รัศมีทำการของคุณพี่ทั้งหลายไม่ถึงขาเรา พอกินเสร็จช้นก็ยังต้องลุ้นต่อ เนื่องจากแต่ละท่านแคะฟันกันอย่างเมามัน ชั้นนี่เกรงมาก เพราะกลัวว่ามันจะมีอะไรกระเด็นเข้าตาชั้นรึเปล่า(แต่ก็ไม่มี) แต่จนแล้วจนรอด ตอนเก็บโต๊ะ พนักงานเสือกทำแก้วตก ทุกสิ่งอย่างกระเด็นกระดอนป่นปี้ .......ชั้น เป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ใน รัศมีทำการ ของเด็กเสริฟ กางเกงขอเดฟที่พึ่งซักไปเมื่อวาน กะว่าจะใส่หลายๆรอบ ไม่เหลือเลย....สิ่งที่กลัวมาตั้งแต่ต้นมันเกิดจากน้ำมือของนญี่ปุ่นห่วยแตกนี่เอง....ตอนนั้นปี๊ดมาก!!!! แต่มันด่าไม่เป็นนี่ ก็เลยเงียบ นั่งเช็ดกางเกงไป ที่แรกตั้งใจว่าจะเดินดูอะไรต่ออีกซักหน่อย....เลิกเลย หมดอารมณ์อย่างแรง แล้วก็กลับกันจริงๆ พวกเค้าซื้อเบีนร์ขึ้นไปกินกันอีก ชั้นก็ต้องขอตัว บอกว่าจะต้องไปซักกางเกง(แน่นอน ซักทันที) พอมาถึงบ้านซักพักก็หิวขึ้นมาดื้อๆซะงั้น .....โอเคของในตู้เย็นเพียบ งัดมันออกมากินซะเวอร์เลย แล้วก็ซัด ชีสสุดโปรดไป สามแผ่น ไข่ หนึ่ง ใส้กรอกใหญ่ หนึ่ง แล้วก็เกี๊ยวซ่าอีก หนึ่งถาด ตามด้วยน้ำองุ่น สองแก้ว องุ่นสด หนึ่งพวง โยเกิร์ต หนึ่งถ้วย แค่เนี๊ยะ..จริงๆ หลังจากตากผ้าอะไรเรียบร้อย ก็มานั่งคำนวณ ตั๋วรถที่เค้าจะให้ซื้อ มันคือตั๋วราย สามเดือน มูลค่าทั้งสิ้น 73000+ เยน ......โอ้โห!!!!!!! (นี่เวลาเดินทาง จะมีคนมาคอยกราบตีนตลอดเส้นทางรึเปล่ามันถึงแพงขนาดนี้....แม่ง!!) ส่งท้ายวันนี้ ลืมเรื่องอินเตอร์เนตไปเลย แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องไปปฐมนิเทศอีก 1วัน ก่อนที่วันอังคารจะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ.....โอยตื่นเต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:26:19 » |
|
4/6/2007 เดินทางใกล ใจมึนๆ วันนี้เป๊ะแน่...ก็ต้องเป็นอย่างนั้นเพราะ เรามทำงานนะ อย่าลืมไม่ได้มาเที่ยว(พยายยามเตือนตัวเองตลอด) ออกแต่เช้าเลยวันนี้ไม่รอใครทั้งสิ้น เจอคุณคุงก็ไปกับคุณลุงเลย ตอนนั่งไปนี่....โคตรง่วงเลย แต่ไม่กล้าหลับเพราะกลัวเลย เส้นทางเดิมสู่เมืองโตโยต้า ด้วยที่วันนี้มาก่อนชาวบ้าน ก็เลยยังไม่ถึงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ก็ดี.....สบายดี การปฐมนิเทศน์ ก็เหมือนเดิม ที่ไหนๆก็น่าเบื่อ (หรือใครไม่เบื่อ) โดยช่วงที่คนญี่ปุ่นพูดภาษาอังกฤษนี่...อื้อหือ บางคนเนี่ยเราอยากแนะนำว่า ปล่อยให้พวกเราอ่านกันเองเหอะ..จะดีกว่า แหม.....ก็ว่าไปนั่น ก็จริงๆนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้ เครียดเลย(คนฟังนะ) จนกระทั่งเที่ยงจึงสมนาคุณเรา หนึ่งสำรับ ก็พอได้นะ อาหารน่ะ แต่ข้อเสียก็มันเยอะง่ะ กินไม่หมด จำใจทิ้งไป ความจริงกะว่าจะเก็บกลับบ้าน เพื่อมื้อเย็น แต่ก็อายเค้า(ยังอายเป็นว้อย) ก็เลยต้องนำกล่องไปทิ้งซะ..... ช่วงบ่าย เค้าพาปดูโรงงานแห่งหนึ่ง โอ้โห มันใหญ่มากๆ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ท้งกว่าง ทั้งยาว ทั้งซับซ้อน ตอนนี้เข้าโรงงานแล้ว ที่ไหนๆมันก็ร้อนใช่มะ ความนี้ก็เป็นเรื่องน่ะสิ แหม...ไม่อยากจะเม้าท์แต่ขอนิดนึงเหอะ ก็มีคนต่างชาติกลุ่มนึงเกิดอาการ"ต่อมเต่าแตก"... โอ้โห โอโห ถึงกับสะดุ้งเหมือนดมแอมโมเนีย ระยะสูดออกซิเจนเข้าปอดถูกปรับเปลี่ยนทันที การหายใจออกจะยาวนานมาก คนไทยขี้เม้าท์ก็เลย คุยกันทันที "แม่งโคตรเหม็นเลยว่ะ" แต่ด้วยวาสนา จึทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน แม้ในเพียงช่วงลเวาหนึ่ง ฉันก็จำ..ไม่ลืม พอออกมาจากโรงงาน หน้าเปียก จุ๊กกุแร้เปียกกันถ้วนหน้า(แต่เต่าแตกอยู่กลุ่มเดียว...ใบ้ให้ก็ได้ ...เค้าชอบขายโรตี?)....เม้าท์ แล้วก็กลับไปที่สำนักงานใหญ๋(โดยรถบัส) วันนี้จบแล้วสินะ พรุ่งนี้ก็ทำงาน....ใจก็คิดไป แต่แล้วก็ เซอร์ไพร้ซ์รอบเย็นเมื่อเจ๊ที่ดูแลบอกว่า เธอต้องมาพุ่งนี้อีกวัน เพราะ ส่วนงานเธอเกี่ยวข้องกับการผลิด ในบัดดล ด้วยความที่ว่าอยากกลับบ้านแล้วจึงรีบควักจดหมายที่ระบุว่าพรุ่งนี้เราต้องเข้า ออฟฟิศแล้ว..ไม่สามารถมาได้อีกแล้ว จึงเอาจดหมายให้เจ๊โทรถามตามเบอร์ที่อยู่ในนั้น....ผลออกมาคือ ต้องมา!!!!!!!(กูจะเป็นลม) อีกแล้วเหรอเนี่ย(กูเหนื่อย) ก่อนจะกลับดั้นบริษัทที่ขนของทางเรือโทรมาที่เบอร์เพื่อนคนไทร บอกว่าของจะมานะ อย่างนั้น อย่างนี้ เออออ อะไรไป ซักพักเค้าจะขอสายอีกคนนึง ......ไม่เจอเจ้าของโทรศัพท์ และคนไทยทั้งบอก(มึงไปไหนกันหมด) ทันใดนั้น จึงเกิดการวิ่งอนหม่าย วุ่นวายมากๆ เข้าห้องนู้น ออกห้องนี้ วิ่งไป ทุกช่วงตึก ปรากฏว่าไม่มีใครเลย(หน้าเหวอมากๆ) จนคนญี่ปุ่นเค้าช่วยเหวอด้วย วิ่งด้วยเฉยเลย(เค้านึกว่าเราเป็นไรมั้ง) แล้วเพื่อนอีกคนก็โทรเข้า บอกว่าอยู่ข้างนอกแล้ว ก็เลยวิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้ (ไกลนะนั่น) แล้วก็กลับมาที่ห้องเดิม พอดีมีเพื่อนคนจีนอีกคนที่ทำงานที่ดียวกัน แล้วก็อยู่หอเดียวกันด้วย รออยู่ก็เลยกลับด้วยกัน ก็คุยกันไปเรื่อง ซื้อตั๋วรถไฟ ขึ้นรถไฟ ก็ยังคุย มาถึงสถานีที่ตองเปลี่ยนไปอีกสายนึง เดินออกจากระบบ......แล้วทันใดนั้น ก็รู้ว่าตั๋วหายไปแล้ว......ทำไมไมรู้ตัวเลย เป็นไรรึเปล่าเนี่ยเรา หาอยู่นานมากๆ.....ล่กๆๆๆ(อีกแล้วง่ะ) อายมากๆ...ต้องจ่ายตังเพิ่ม ซื้อมาเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้นแหละ(เสือกโง่เอง ก็ต้องจ่ายไป)......รมเสีย ตอนถึงสถานีปลายทาง ก็เลยว่าจะแวะไปถามเรื่องตั๋วซักหน่อย ก็เลยเดินไปที่ซุ้มขาย(พูดซะเหมือนงานวัดเลย) ....ลุงๆ จะเอาอย่างเงี๊ย มีมั้ย(ความจริงคือภาษาญี่ปุ่นกับ ภาษามือผสมกัน) ...กว่าจะเข้าใจ ลุงก็บอกราคามาเลยว่าXXXXX แต่ที่นี่ ไม่ได้ขายนะ อยกาซื้อไปนู่น วันพรุ่งนี้!!!! ทำไมราคาถูกล่ะลุง ลุงบอกว่าก็เป็นราคานักเรียน!!!!!!....โอ้โห.....ถึงตรงนี้ นี่ลุงเค้าคิดวาเราเป็นพวกนักเรียนนักศึกษา ดูไว้ซะ คนทีว่าชั้นไว้ว่า..คนขายของเค้าบอกว่าเด็ก เพราะ อยากขายของเนี่ย ดูไว้เลยว่ามันไม่ใช่นะ55555 แม้เราจะดีใจ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนซื่อ จริงบอกว่าไม่ได้เป็นนักเรียนครับ...เป็นพนักงานบริษัทนู้น เค้าก็เลยคิดราคาให้ใหม่.....ออกมาแล้วทำไมมันถูกกว่าคุณลุงคนนั้นที่คิดให้เราเมื่อวันก่อนล่ะ...ต้องมีใครผิดซักคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:27:08 » |
|
6/6/2007 ทำงานวันแรกตื่นเต้น ตื่นเต้น และแล้วก็เข้าสู่ของจริง...จากตำนานว่าแผนกนี้คือหนึ่งในแผนกที่งานเยอะที่สุกและ บ้างานมากที่สุด...วันนี้เรากำลังจะเผชิญ ชะตากรรมด้วยตัวเอง ตอนเช้ามีเพือนชาวญี่ปุ่นมารับที่หอ เค้าบอก 7.20 ก็มาเป๊ะจริงๆ เราลงไปก่อน 5 นาทีไม่ยักกะเห็นหัว คนนี้เป็นคนที่เคยเจอแล้ว ผ่านทีวีคอนเฟอเรนซ์ คนญี่ปุ่นก็คือคนญี่ปุ่น วัยรุ่นก็ต้องกันคิ้ว แต่คนนี้ไม่มากมายนัก บางคนเรียวซะ นึกว่าหนวดแมวติดหน้าผาก ก็คุยกันไป กระท่อนกระแท่น ไอ้เราก็ไม่รู้จะถามอะไร เพราะภาษาอังกฤษก็ใช่ว่าจะแม่น ถามไปก็ไม่รู้ว่าเค้าจะเข้าใจรึเปล่า ณ สถานีปลายทาง ทกอย่างก็ปกติดีนะวันนี้ และเราก็รู้แล้วว่าออฟฟิศอยู่บนเขา แล้วก็ต้องเดินอย่างนี้ทุกวัน พอเดินเข้าจริงๆ มันแก็แค่เหนื่อยเพราะระยะทางมันค่อนข้างไกลแต่ความชันไม่ค่อยเท่าไหร่ ความตื่นเต้นเริ่มเข้าสิง มากขึ้นเรื่อยๆ เดินเข้าไปในออฟฟิศ พรึ่บ!!! ทุกสายตามองเรา ไม่รู้ว่าแปลกหน้าหรือหน้าแปลก พอเจอคนเยอะๆเข้าก็เลย ไปกันใหญ่ คนเริ่มทะยอยมามากขึ้นเรื่อยๆ จนเวลาทำงานเริ่มขึ้น เค้าบอกว้เดี๋ยวต้องไปแนะนำตัวต่อหน้าทุกคนทั้งฟลอร์ ประมาณ ร้อยกว่าคนแน่ะ!!!!!! แค่นั้นแหละ ลมจะจับ เตรียมบทก็ไม่ทันแล้ว สมาธิก็ไม่มี ช่วงนี้เหมือนจะมีอะไรมาเข้าสิง มือไม้เริ่มสั่นมั่วไปหมด เอาวะ!!!! เป็นไงเป็นกัน เพื่อนอีกคนที่เค้าทำงานที่ดียวกันพอดีเค้าก็อยู่ชั้นเดียวกับเราก็เลย ได้และนำตัว...เค้าก่อน และเป็นภาษาญี่ปุ่น...โอ้โห แล้วเราล่ะ จะทำไง......ซักพัก ตาเราแล้ว...........ภาษาอังกฤษ เท่านั้นครับ ตอนนี้ ปากก็สั่น เสียงก็สั่น มือก็สั่น ขาก็สั่น หน้าร้อนผ่าว คาดว่าหน้าคงแดงแปร้ด.......ก็พูดไป......พูดจบปุ๊บ จีเอ็มก็พูดอะไรก็ไม่รู้มากมาย เราก็ยืนอยู่ข้างหน้า(ปกติแล้วการที่กูอยู่ข้างหน้าฝูงชนด้วยสภาพ ทางการนี่มันยากมาก) ขาก็สันจัง...ไม่ยอมหยุด พอเค้าพูดจบปุ๊บก็แยกย้ายกันกลับไปนั่งที่ ความตื่นเต้นก็คลายลง ถ้าเทียบกับกราฟรูประฆังคว่ำ ก็คงเป็นช่วงครึ่งหลังของกราฟ ....เฮ้อ จากนั้นเค้าก็พาไปแนะนำฝ่าย ด้วยการชมสไลด์เล็กน้อย แล้วก็พาเดินไป สามสี่ อาคารที่อยู่ติดกันโดยทางเชื่อม สิ่งที่งงและวันนี้ก็ยังจำไม่ได้ก็คือ ทางเชื่อมมันเชื่อมกันกันแบบว่างงมาก เนื่องจากตำมันอยู่ต่างระดับกัน ดังนั้นชั้น สี่อาคารนี้ อาจไปเชื่อมกับชั้น ห้า ของอาคารโน้น อะไรประมาณนี้(พ่อคู้ณ.....ที่ราบมึงหาไม่ได้รึไง หรือว่าไปหาเช่าตึกในเมืองไม่ดีกว่าเหรอ) จากนี้ไปหนึ่งปี ต้องอยู่อย่างนี้โดยตลอด เวลากลับบ้านเรา เห็นเราน่องโต ก็รู้ก็แล้วกันนะว่าเกิดจากอะไร(ไม่ได้ปั่นสามล้อแน่นอน) ตอนเที่ยงเค้าก็ชวนไปกินข้าว แต่เค้าไม่ค่อยคุย(หรือเป็นเพราะเราไม่ค่อยคุย) คนที่นี่กินกันเร็วมาก เพราะคนเยอะ แล้วก็ไม่รู้ว่ารีบไปไหนกัน เราน่ะเหรอกินแล้วก็มานั่งโต๊ะ รู้สึกว่า หัวหน้าเรา กับคนที่มารับเราเนี่ย สนิทกันดี คุยกัน เล่นมือถือ อะไรก็ไม่รู้ แต่กับเรา เค้าดูทางการมากๆ ไม่กันเองเท่าไหร่(หรือเราวางตัวสุขุมเกินไป...ไม่นะ) พอบ่ายปุ๊บ(คือบ่านตรงเป๊ะ เพลงขึ้น)ทุกคนก็ลุกจากโต๊ะ พรึบ!!! (งงเลยกู) อ๋อถามเค้า เค้าบอกว่าทุกวันจะมีประชุมทุกบ่าย รอบๆโต๊ะทำงาน แต่วันนี้กลุ่มของเรา เกือบสามสิบคน ขึ้นไปประชุมอีกที่นึง(ก็เพราะกูนี่แหละ) แล้วเค้าก็รับฟังข้อมูลของเราจากหัวหน้า(น้านนาน ไม่รู้ว่าเม้าท์รึป่าว) จากนั้นทุกคนก็แนะนำชือ...ชั้นก็จดสิทีนี้ หัวหน้ามีหน้าที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษให้ ชั้นก้มาเขียนใน เลย์เอาท์ว่า ใครนั่งไหน จะได้จำแม่น แต่ขอโทษนะ เรื่องจำคนนี่เป็นจุดอ่อนจริงๆ โดยเฉพาะ จำชื่อเนี่ย เรื่องใหญ่ พอๆกับสอบเอ็นทรานซ์เลย(กูจำใครไม่ได้เลยว่าชื่ออะไร) มัวแต่มึน งง ตื่นเต้น....จากนั้นหัวหน้าก็คุยเดี่ยวกับเราเรื่องงาน และอนาคต ทำเอาเราอึ้งไปเลย มาถึงตอนนี้อยากร้องเพลงของใหม่ เจริญปุระ ...หนักเกินไปแล้ว เกินจะแบก แบกมันไว้จนเต็มบ่า......แย่แล้ว!!!!!! iสึกว่ามันเต็มไปด้วยวามคาดหวังที่ว่า ที่ปีเค้าจะให้เราทำได้ทั้งหมด โดยที่ต่อไปสามารถเพิ่งตัวเองได้ และปราศจากการช่วยเหลือจากบริษัทแม่ อึ้งๆๆๆๆ!!!!! เค้าเห็นหน้าชั้นแล้วเค้าคงรู้มั้ง ว่าหน้าเราเหวอ อ้าปากหวอ แค่ไหน...แต่เค้าบอกว่าเราต้องทำให้ได้...เท่านั้น!!!(แม่ง) กว่าจะหมดเวลาทำงาน ก็รู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้ทำนะ พอเก็บข้าวของเสร็จเงยหน้าขึ้นมา ส่วนใหญ่กลุ่มเรายังนั่งอยู่เลย ทกคนทำงานต่อ! ดังนั้น จึงโบกมือลา ขอตัวกลับเลย เฮ้อ! อีกตั้งปีนึงแน่ะ
หลังจากนี้จะไม่เขียนทุกวันแล้ว เพราะเหนื่อย!!! จะพยายามทำเป็นรายสัปดาห์ก็แล้วกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:29:58 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:31:18 » |
|
รูปข้างบน(ลืมย่อ) ก็เป็นทางเชื่อมสยามดิสคัฟเวอรี่ กับสยามเซ็นเตอร์ที่เราคุ้นเคย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
WARM
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2550, 19:34:50 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|