ทริปจำเป็น Switzerland-Italy

[am]

เนื่องจากมีเหตุที่คนข้างกายจะไปอบรมแถวๆนั้น
จึงเป็นความจำเป็นที่ผมจะต้องตามไปด้วย ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงได้เยอะ

ต้องการความช่วยเหลือจากพี่ๆครับ โดยเฉพาะป๋าเสรี เพราะผมยังไม่ค่อยมีข้อมูลว่าที่ไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง

วางแผนคร่าวๆอย่างนี้ครับ

Geneva (จุดเริ่มต้น) 2 คืน
Bern 1 คืน
Interlaken 2 คืน
Venice 2 คืน
Florence 1 คืน
Rome 2 คืน

[Leam]

น้องอัม....

ทอดตาไปทั่วแดนดินถิ่นซีมะโด่ง........ก็คงจะมีแต่ป๋าเสรีพี่ตะวัน ล่ะครับที่สามารถ.

[seree_60]

		อ้างถึง			ข้อความของ am เมื่อ 02 เมษายน 2554, 21:00:05
	เนื่องจากมีเหตุที่คนข้างกายจะไปอบรมแถวๆนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ผมจะต้องตามไปด้วย ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงได้เยอะ ต้องการความช่วยเหลือจากพี่ๆครับ โดยเฉพาะป๋าเสรี เพราะผมยังไม่ค่อยมีข้อมูลว่าที่ไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง วางแผนคร่าวๆอย่างนี้ครับ Geneva (จุดเริ่มต้น) 2 คืน Bern 1 คืน Interlaken 2 คืน Venice 2 คืน Florence 1 คืน Rome 2 คืน

หวัดดีน้องอัม คิดว่าอยู่แถวเซ็นได..
แล้วจะไปเมื่อไหร่ึครับ
เผลอได้ป๊ะกันแถวๆสวิต
พี่จะไปที่สวิต ระหว่าง 16-26 เมย.แล้วจะเลยไป ออสเตีย เช็ค เยอรมัน 27เมย-8พค.

บอกมาก่อนว่าจะไปเมื่อไหร่ ไปพักที่ไหน จะได้แนะนำได้ตรงเป้า..

[seree_60]

 Bern

เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่และโรแมนติก การเดินเที่ยวชมความงดงามของสถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสได้มาเยือนนครแห่งนี้

Bern สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้ว โดยมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบตัวเมือง แม่น้ำแห่งนี้เปรียบเหมือนปราการธรรมชาติซึ่งป้องกันเมืองไว้ทั้งสามด้าน สำหรับด้านที่สี่ชาวเมืองได้สร้างกำแพงและสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ และโดยการรักษาผังเมืองให้มีสภาพดังเดิมตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา Bern จึงได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของ UNESCO ซึ่งเป็นเมืองเดียวในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์

การเดินชมเมืองควรเริ่มจาก Rose Garden เพียง 5 นาทีก็จะพบกับบ่อเลี้ยงหมีของเมือง ( หมี เป็น สัญลักษณ์ของ Bern ) จากนั้นเมื่อเดินข้ามสะพานมา ก็จะเริ่มเข้าเขตเมืองเก่า ที่มีหลังคาคลุมตลอดทางยาวถึง 6 กิโลเมตร ภายใต้หลังคานี้มีร้านค้ามากมายหลายร้อยแห่ง รวมทั้งภัตตาคารที่มีมากกว่า 150 แห่งในเขตเมืองเก่า และด้วยการดูแลรักษาสถาปัตยกรรมของเมืองอย่างดี Bern ยังเปรียบเหมือนเหมืองทองของนักถ่ายภาพอีกด้วย นอกจากนั้น Bern ยังมีโบสถ์ที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้ง ตลาดนัดชาวนา ซึ่งจัดขึ้น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ที่หน้ารัฐสภาของเมืองแห่งนี้ 2. Interlaken

"สวยเหมือนเมืองในฝัน" คือคำจำกัดความของ Interlaken ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz สถานที่ตากอากาศชั้นนำส่วนใหญ่ในถิ่นที่เรียกกันว่า Bernese Oberland ตั้งอยู่ตามเชิงเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ทิวทัศน์แถบนี้บริสุทธิ์และสวยงามเกินคำบรรยาย จึงเป็นสถานตากอากาศที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกชื่นชอบมากที่สุด

Jungfraujoch หลังคาแห่งยุโรป ล่าสุดได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของ Unescoเมื่อเดือนธันวาคม 2544 สถานีรถไฟสูงที่สุดในยุโรป ที่ไม่สามารถลืมไปได้ ในการทัศนาจรภูเขา ซึ่งมีความสูงถึง 3454 เมตร พบกับสิ่งสวยงามที่นี่คือ วังน้ำแข็ง และทัศนียภาพ ที่งดงามประกอบไปด้วย Sphinx หอคอยชมทัศนียภาพ ที่อยู่เหนือธารน้ำแข็ง Aletsch ( ยาวที่สุดในเทือกเขา Alps ) และยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้ยังจะเดินเล่นบนหิมะ นั่งกระดานเลื่อนโดยมีสุนัข Husky ลาก สนามเล่นสกี สโนว์บอร์ทสำหรับฤดูร้อนหรือ ท่านที่ชอบการท้าทาย ก็มีการผจญภัยอีกหลายอย่าง รับรอง 100% ท่านจะพบกับ หิมะ และน้ำแข็งที่นี่

Mount Schilthorn Piz-Gloria จับรถไฟจาก INTERLAKEN สู่ LAUTERBRUNNEN ใช้เวลาประมาณ 35 นาที และจาก LAUTERBRUNNEN BLM ขึ้นเขาไปหมู่บ้าน MURREN เป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์ โดยรถรอกกว้าน (FUNICULAR) ต่อจากนั้นขึ้นรถกระเข้าที่ MURREN ไปยอดเขาชินธอน ที่ MOUNT SCHILTHORN PIZ-GLORIA มีภัตตาคารหมุนอยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3000 เมตร ถ้าอากาศดีจะมองเห็นเทือกเขาแอล์ปได้รอบด้านตั้งแต่เยรมันจนถึง ฝรั่งเศสวิวทิวทัศน์สวยงามตระการตาอย่างยิ่ง

Grindelwald รถไฟใช้เวลาประมาณ 35 นาที ขนาบข้างด้วยธารน้ำแข็ง 2 ด้านที่ทอดตัวยาวลงมาจากภูเขาสูงสู่หุบเขา จากที่นี่จะมองเห็นภูเขา Eiger ทางด้านเหนือ (North Face) ที่ยืนหยัดท้าทายผู้พิชิตความสูงมาแล้วมากมายและ Wetterhorn ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3701 เมตร

[seree_60]

ล่องเรือในทะเลสาบ Thun และ Brienz ในวงล้อมของภูเขาสูง แวะชมปราสาท Thun ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงในห้องโถงใหญ่ของปราสาท เปิดให้ชมระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เดือนตุลาคม

Spiez ชมปราสาทโบราณที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม ค่าโดยสารเรือฟรีโดยใช้สวิสพาสส์

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Ballenberg แสดงให้เห็นถึงชาติพันธุ์และการดำรงชีวิตในสมัยโบราณ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ถึง 31 ตุลาคม

นั่งรถม้าชมเมือง Interlaken ราคา 35 ฟรังซ์ต่อครึ่งชั่วโมงสำหรับ 2 ท่าน ถ้า 1 ชั่วโมงราคา 60 ฟรังซ์

ท่องเที่ยวไปด้วยจักรยานเสือภูเขา ซึ่งหาเช่าได้จากสถานีรถไฟใน Interlaken ด้วยสนนราคาวันละ 21 ฟรังซ์ สามารถใช้บัตรสวิสพาสส์ลดราคาค่าเช่าได้

ขี่ม้าชมภูมิประเทศบนเส้นทางที่จัดไว้โดยเฉพาะ ราคา 30 ฟรังซ์ต่อ 1 ชั่วโมงพร้อมครูฝึกสอน

ล่องแพครึ่งวันกับไกด์นำเที่ยวรอบๆ Interlaken ราคาตั้งแต่ 54-84 ฟรังซ์ต่อคน ขึ้นอยู่กับรายการนำเที่ยว

การผจญภัยตามช่องเขา น้ำตก ว่ายน้ำ สำรวจถ้ำ และเดินเท้า (Canyoning) ราคา 80-120 ฟรังซ์ต่อคน พร้อมไกด์นำเที่ยว

การฝึกไต่เขาลงมาจากที่สูง 50 เมตร ข้ามช่องเขาที่สูงชันใต้สะพานเพื่อทดสอบความแข็งแรงของตนเอง (Flying Fox) ในราคา 75 ฟรังซ์ 3. Luzern

[seree_60]

จากซูริค ขอแนะนำให้ไปเที่ยวเมือง Stein am Rhein เมืองเก่าที่รักษาความเก่าเอาไว้ น่ารักมากๆครับ
ไกล้กันมีน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ชือ Rheinfallอยู่ในเมือง Schaffhauesen
 หากมีเวลาก็ล่องเรือไปถึงเยอรมันคือเมือง Konstanz ไ้ด้ด้วย
แล้วค่อยนั่งรถไฟกลับซูริค
Konstanz-Zurich ใช้เวลาประมาณไม่เกินชั่วโมงครึ่ง

[seree_60]

Bern
 

              เบริ์นเป็นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และบริเวณที่เป็นเขตเมืองเก่าของเมืองเบิร์นนั้นได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก ตัวเมืองจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งโดยมีแม่น้ำ Aare ไหลผ่านใจกลางตัวเมือง ถนนบริเวณที่เป็นเมืองเก่านั้นเป็นถนนสายที่มุ่งไปสู่โบสถ์ขนาดใหญ่ประจำเมือง และที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดก็คือนาฬิกาดาราศาสตร์ที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง นอกจากนั้นสองข้างทางของถนนในเขตเมืองเก่าก็ยังมีร้านรวงต่างๆ ตั้งเรียงรายให้นักท่องเที่ยวได้ชอปปิ้งกันอย่างจุใจ โดยถนนสายชอบปิ้งของเมืองเบริ์นนั้นเป็นถนนชอปปิ้งที่มีหลังคาที่ยาวที่สุดในยุโรป มีความยาวทั้งสิ้น 6 กิโลเมตร ดังนั้นสำหรับนักช้อปทั้งหลายจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าฝนฟ้าจะเป็นอุปสรรคสำหรับการชอปปิ้ง ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการชอปปิ้ง เมื่ออกจากเขตเมืองเก่าเดินข้ามแม่น้ำไปจนสุดทางก็จะได้พบกับบ่อหมีซึ่งเลี้ยงหมีสีน้ำตาลซึ่งเป็นวัตว์สัญลักษณ์ของเบริ์นไว้ ทุกๆ แปดโมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็จะเปิดกรงหมีให้ออกมาเดินทักทายกับนักท่องเที่ยวที่ไปยืนรอชมอยู่เป็นจำนวนมาก

[seree_60]

 . เมือง Interlaken
 

              Interlaken ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบ Thun และ ทะเลสาบ Brienz ซึ่งการตั้งชื่อเมืองนี้ก็น่าจะมาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ โดยคำว่า Interlaken นั้นมีความหมายว่า “ระหว่างทะเลสาบ” เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่สองข้างทางมีแต่ร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และโรมแรมที่พักเต็มไปหมด ถ้าไม่เน้นช้อปปิ้งก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็เดินได้ทั่วทั้งเมืองแล้ว แต่เมืองนี้กลับเป็นเมืองที่เป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เพราะเมือง Interlaken นี้เป็นจุดเริ่มตั้นของการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา  Jungfraujoch ยอดเขาที่ถือว่าเป็ร Top of Europe ที่เรียกว่าเป็น Top of Europe ก็เนื่องจากสาเหตุที่ว่าที่บริเวณยอดเขา Jungfraujoch ต่อเนี่ยงไปถึงยอดเขา Eiger มีสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป คือ 3454 เมตรจากระดับน้ำทะเล เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดเขาแล้ว ก็จะสามารถชมทิวทัศน์ความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ ธารน้ำแข็ง และยังมีปราสาทน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่ภายในมีการตกแต่งด้วยน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปต่างๆ ให้ได้ชมกัน ส่วนในฤดูหนาวมีการให้บริการสุนัขลากเลื่อนด้วย

นอกจากยอดเขา Jungfraujoch แล้วบริเวณรอบๆ เมือง Interlaken ก็ยังมีธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งในเขต Grindelwald และ Lauterbrunnen โดยใน 2 เขตนี้จะมีทั้งทุ่งหญ้าเขียวขจี น้ำตก ยอดเขาสวย ทะเลสาบเล็กใหญ่หลายแห่งซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาที่สูงชัน เมื่อท่องเที่ยวเทือกเขาแอลป์กันอย่างเต็มอิ่มแล้วก็อย่าลืมแบ่งเวลาไว้ล่องเรือชมความงามของทะเลสาบ Thun ด้วยแล้วกัน เพราะทะเลสาบนี้ก็สวยงามไม่ยิ่งหน่อยไปกว่าทะเลสาบอื่นๆ เลย หรืออาจจะรวมไปถึงเมืองตากอากาศริมทะเลสาบ Thun อย่างเมือง Spiez


  เมือง Montreux และทะเลสาบเจนีวา
 

               เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งชายฝั่งของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเมืองมองเทรอซ์ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาและอยู่บริเวณตีนเขาของเทือกเขาแอลป์ จึงทำให้เมืองมองเทอรซ์แห่งนี้เป็นเมืองที่โอบล้อมไปด้วยเทือกเขา จะหันไปมองทางไหนก็จะเจอแต่เทือกเขาเต็มไปหมด ถ้านั่งรถเลียบชายฝั่งของทะเลสาบเจนีวาไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นปราสาทสมัยโบราณตั้งเด่นอยู่ริมน้ำโดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์อันสวยงาม ปราสาทนี้ คือ ปราสาทชิลลอน (Chillon) ซึ่งเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยศษวรรตที่ 13 ทีนี้ก็มาถึงความสำคัญของทะเลสาบเจนีวาบ้าง ทะเลสาบเจนีวาเป็นทะเลาสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บริเวณกลางทะเลสาบในส่วนที่อยู่ในเมืองเจนีวาก็จะมีน้ำพุขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Jet d´Eau นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรืองล่องชมความงามของทะเลสาบเจนีวาได้และระหว่างที่ล่องเรือนั้นก็สามารถแวะตามเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบได้อีก โดยเมืองที่มีชื่อเสียงนั้นก็ได้แก่ เมืองเจนีวาและเมืองโลซานน์

[Leam]

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 03 เมษายน 2554, 21:17:38
	อ้างถึง ข้อความของ am เมื่อ 02 เมษายน 2554, 21:00:05 เนื่องจากมีเหตุที่คนข้างกายจะไปอบรมแถวๆนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ผมจะต้องตามไปด้วย ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงได้เยอะ ต้องการความช่วยเหลือจากพี่ๆครับ โดยเฉพาะป๋าเสรี เพราะผมยังไม่ค่อยมีข้อมูลว่าที่ไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง วางแผนคร่าวๆอย่างนี้ครับ Geneva (จุดเริ่มต้น) 2 คืน Bern 1 คืน Interlaken 2 คืน Venice 2 คืน Florence 1 คืน Rome 2 คืน หวัดดีน้องอัม คิดว่าอยู่แถวเซ็นได.. แล้วจะไปเมื่อไหร่ึครับ เผลอได้ป๊ะกันแถวๆสวิต พี่จะไปที่สวิต ระหว่าง 16-26 เมย.แล้วจะเลยไป ออสเตีย เช็ค เยอรมัน 27เมย-8พค. บอกมาก่อนว่าจะไปเมื่อไหร่ ไปพักที่ไหน จะได้แนะนำได้ตรงเป้า..

น้องอัม....

มาทิ้งโน๊ตแล้วหายไปเลย.... ระวังไม่ทันการนะครับ.

[Leam]

อยากชมภาพประกอบเรื่องอ่ะครับ....... พี่ตะวัน

[am]

ลืมกระทู้ตัวเองอ่ะ..งานเยอะครับ

ตารางการเดินทาง วางไว้คร่าวๆแบบนี้ครับ

24 พ.ค. ออกเดินทาง
25 พ.ค. อยู่เจนีวา
26 พ.ค. อยู่เจนีวา
27 พ.ค. อยู่เจนีวา
28 พ.ค. เดินทางไป-กลับ เบิร์น-โลซาน-เจนีวา นอนที่เจนีวา
29 พ.ค. ไปนอนที่ interlaken
30 พ.ค. นอนที่ interlaken (ได้ข้อมูลจากป๋าเส ว่าสามารถเดินได้ในวันเดียว เลยชักเขว ว่าจะอยู่ที่นี่เยอะเกินไปหรือเปล่า)
31 พ.ค. ไปนอนที่ venice
1 พ.ค.  นอนที่ venice
2 พ.ค. นอนที่ Florence
3 พ.ค. นอนที่ Rome
4 พ.ค.  บินกลับบ้านตอนหกโมงครึ่ง

[am]

		อ้างถึง			ข้อความของ seree_60 เมื่อ 03 เมษายน 2554, 21:17:38
	อ้างถึง ข้อความของ am เมื่อ 02 เมษายน 2554, 21:00:05 เนื่องจากมีเหตุที่คนข้างกายจะไปอบรมแถวๆนั้น จึงเป็นความจำเป็นที่ผมจะต้องตามไปด้วย ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวลงได้เยอะ ต้องการความช่วยเหลือจากพี่ๆครับ โดยเฉพาะป๋าเสรี เพราะผมยังไม่ค่อยมีข้อมูลว่าที่ไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง วางแผนคร่าวๆอย่างนี้ครับ Geneva (จุดเริ่มต้น) 2 คืน Bern 1 คืน Interlaken 2 คืน Venice 2 คืน Florence 1 คืน Rome 2 คืน หวัดดีน้องอัม คิดว่าอยู่แถวเซ็นได.. แล้วจะไปเมื่อไหร่ึครับ เผลอได้ป๊ะกันแถวๆสวิต พี่จะไปที่สวิต ระหว่าง 16-26 เมย.แล้วจะเลยไป ออสเตีย เช็ค เยอรมัน 27เมย-8พค. บอกมาก่อนว่าจะไปเมื่อไหร่ ไปพักที่ไหน จะได้แนะนำได้ตรงเป้า..

โอ้วววว มายก็อดดด....

[am]

ป๋าเสครับ
ระหว่าง มิลาน กับ เวนิซ  ที่ไหนน่าสนใจกว่ากันครับ
ผมจะลองปรับแผนใหม่

[seree_60]

                      
                     SWITZERLAND








  ห้องสมุด ที่เมือง St.gallen

ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ..ขออนุญาตcopyนะครับ

[am]

สวยๆทั้งนั้นเลย เลือกไม่ถูกอ่ะ

[am]

โปรแกรมหลักลงตัวแล้วครับ
ว่าแต่....ตอนนี้ยังรอผลวีซ่าอยู่เลย สถานทูตสวิสฯนัดไปรับผลวันที่ 19 พ.ค.  ก่อนวันเดินทาง 4 วัน
ส่วนเรื่องมารยาทและอัธยาศรัยของเจ้าหน้าที่สถานทูต  ที่สถานทูตสวิสสู้สถานทูตญี่ปุ่นไม่ได้ แบบฟ้ากับเหวเลยครับ
อันนี้ต้องทำใจอย่างเดียว แต่ถ้าใครไปกับทัวร์ก็สบายไป

โปรแกรมของผมเป็นแบบนี้ครับ

24 พ.ค. 23.35 น. ออกเดินทาง
25 พ.ค. 10.00 น. ถึง Geneva (นอน Geneva)
26 พ.ค. เที่ยว Geneva (นอน Geneva)
27 พ.ค. เที่ยว Lausann + Vevey (กลับมานอน Geneva)
28 พ.ค. เที่ยว Bern และเดินทางต่อไป Interlaken (นอน Interlaken)
29 พ.ค. ขึ้นยอดเขา Jungfrau (ยังนอนที่ Interlaken)
30 พ.ค. เดินทางไป Zermatt (นอนที่ Zermatt)
31 พ.ค. เดินทางไป Venice (นอนที่ Venice)
1 พ.ค.  เดินทางไป Florence (นอน Florence)
2 พ.ค.  แว้บไปเที่ยว Piza และอยู่เที่ยว Florence (นอน Florence)
3 พ.ค.  เดินทางไป Rome แต่เช้าตรู่(นอนที่ Rome)
4 พ.ค.  บินกลับบ้านตอน 18.30 น. (เซ็งเลย ไฟลท์บินเลื่อนเวลาบิน จาก 18.30 น. เป็น 14.00 น. เวลาเที่ยวหายไป 4.5 ชม. แถมต้องไปแกร่วที่สนามบินกรุงไคโร เกือบ 5 ชม.)

5 พ.ค. ถึงกรุงเทพฯ 13.15 น.

[am]

วันนี้วีซ่าผ่านเรียบร้อยแล้วคร้าบบบ

[seree_60]

		อ้างถึง			ข้อความของ am เมื่อ 17 พฤษภาคม 2554, 01:08:09
	โปรแกรมหลักลงตัวแล้วครับ ว่าแต่....ตอนนี้ยังรอผลวีซ่าอยู่เลย สถานทูตสวิสฯนัดไปรับผลวันที่ 19 พ.ค.  ก่อนวันเดินทาง 4 วัน ส่วนเรื่องมารยาทและอัธยาศรัยของเจ้าหน้าที่สถานทูต  ที่สถานทูตสวิสสู้สถานทูตญี่ปุ่นไม่ได้ แบบฟ้ากับเหวเลยครับ อันนี้ต้องทำใจอย่างเดียว แต่ถ้าใครไปกับทัวร์ก็สบายไป โปรแกรมของผมเป็นแบบนี้ครับ 24 พ.ค. 23.35 น. ออกเดินทาง 25 พ.ค. 10.00 น. ถึง Geneva (นอน Geneva) 26 พ.ค. เที่ยว Geneva (นอน Geneva) 27 พ.ค. เที่ยว Lausann + Vevey (กลับมานอน Geneva)น่าจะแวะไปเมือง มองเทรอร์ด้วยนะครับ 28 พ.ค. เที่ยว Bern และเดินทางต่อไป Interlaken (นอน Interlaken) 29 พ.ค. ขึ้นยอดเขา Jungfrau (ยังนอนที่ Interlaken) 30 พ.ค. เดินทางไป Zermatt (นอนที่ Zermatt)ต้องเผื่อเวลา นั่งรถไฟขึ้น ยอดเขา Matterhorn ด้วยนะครับ  ห้ามพลาดเลยทีเดียว 31 พ.ค. เดินทางไป Venice (นอนที่ Venice) 1 พ.ค.  เดินทางไป Florence (นอน Florence) 2 พ.ค.  แว้บไปเที่ยว Piza และอยู่เที่ยว Florence (นอน Florence) 3 พ.ค.  เดินทางไป Rome แต่เช้าตรู่(นอนที่ Rome) 4 พ.ค.  บินกลับบ้านตอน 18.30 น. (เซ็งเลย ไฟลท์บินเลื่อนเวลาบิน จาก 18.30 น. เป็น 14.00 น. เวลาเที่ยวหายไป 4.5 ชม. แถมต้องไปแกร่วที่สนามบินกรุงไคโร เกือบ 5 ชม.) 5 พ.ค. ถึงกรุงเทพฯ 13.15 น.

ช่วยเพิ่มเติมครับ อักษรแดง

[seree_60]

น้องอัมเอารูปมาเรียกน้ำย่อย

ขึ้นจุงฟราวให้ไปขึ้นที่ GRINDELWALD



บนยอดเขาจุงฟราว

[am]

ท่านอนแผ่สองสลึงบนพื้นหิมะ ดูสะใจจริงๆ

[am]

กลับมาแล้วครับ ด้วยความปลอดภัย
ประทับใจทั้งคนและสถานที่ที่สวิตเซอร์แลนด์
ประทับใจสถานที่ที่อิตาลี แต่ไม่ประทับใจคนอิตาลี...อิอิ

[seree_60]

		อ้างถึง			ข้อความของ am เมื่อ 08 มิถุนายน 2554, 22:18:19
	กลับมาแล้วครับ ด้วยความปลอดภัย ประทับใจทั้งคนและสถานที่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ประทับใจสถานที่ที่อิตาลี แต่ไม่ประทับใจคนอิตาลี...อิอิ

มาเล่าสู่กันฟัง โดยเฉพาะคน อิตาลี่ มีอะไร เตือนใจบ้าง จะได้ระวังตัว
คาดว่าพี่จะไปในอีก 2 เดือน ตามภรรยาไปเหมือนกัน

[am]

ภาระงานรัดตัวครับพี่ๆทุกท่าน
เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้จะมาอัพเดตรูปกันให้จุใจ...ของผม

[seree_60]

ปูเสื่อรอ..ครับ

[am]

ปล่อยเวลาล่วงเลยมาเป็นเดือน  กว่าจะลงมือบันทึกการเดินทาง
ความทรงจำหลายๆอย่างชักเลือนๆไปบ้างแล้ว 

ชื่อสถานที่แต่ละแห่งก็จำย้ากส์...ยาก

[am]

คืนวันอังคารที่ 24 พ.ค. 2554
ลุยเดี่ยวไป Geneva เพราะมีคู่หูรออยู่ที่โน่นแล้ว
บินกับ Turkish airway  ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ Istanbul ใช้เวลาเดินทางราว 15 ชั่วโมงครึ่ง

สนามบินที่ Istanbul คึกคักใช้ได้ แต่ยังไม่เท่าสุวรรณภูมิของเรา

จาก Istanbul บินอีก 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง Geneva แล้ว ...แป๊บเดียว

[am]

ไปถึงสนามบิน Geneva ราวๆสิบโมงกว่าๆ
การตรวจคนเข้าเมืองไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก เดินผ่านได้ง่ายๆ

ก่อนออกจากบริเวณผู้โดยสารขาเข้า จะมีเครื่องจ่ายตั๋วรถโดยสารตั้งอยู่ตรงประตูทางออก
สามารถรับตั๋วได้ฟรี ใช้สำหรับเดินทางด้วยรถเมล์ภายใน 80 นาทีโดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร

ผมไม่เคยรู้ข้อมูลนี้มาก่อน เห็นคนอื่นเข้ารับตั๋วกันทุกคน ผมก็เลยรับมาบ้าง
แต่กว่าจะหารถเมล์เจอก็เหนื่อยอยู่เหมือนกัน ป้ายรถเมล์ไม่ได้อยู่ไกลสนามบินนะครับ
แต่เหนื่อยที่คุยกับคนที่นั่นไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนใหญ่เขาใช้ภาษาฝรั่งเศสกัน

แต่สุดท้ายก็ขึ้นรถเมล์ฟรีจนได้  
แล้วใช้วิธีกางแผนที่ให้คนขับรถเมล์ดูว่าเราจะไปไหน
พอถึงที่หมาย คนขับรถเมล์ตะโกนบอกจากที่นั่่งคนขับเลย

ผู้คนที่นี่ดูจะมีน้ำใจพอดูเลยครับ

ที่นัดหมยที่แรก คือ น้ำพุ Jet Edu ซึ่งอยู่ในทะเลสาบ Geneva

[am]

รอบๆทะเลสาบ Geneva เป็นที่พักผ่อนของคนที่นี่
ออกกำลังกาย ขี่จักรยาน จู๋จี๋
รวมทั้งแสดงนิทรรศการต่างๆ

ตัวอย่าง

จู๋จี๋


นิทรรศการ
เป็นการแสดงภาพถ่ายเกี่ยวกับโรคร้อน มีภาพจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเราเกือบทุกประเทศ ยกเว้นประเทศเรา


สะพานใหญ่ข้ามขอบทะเลสาบ Geneva

[am]

กลางเมืองมี Tourist info. ด้วยครับ
ผมไปถามว่าจะไป UN เดินไปได้ไหม เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าไกลมาก

แต่วันนี้เวลาผมเยอะ เลยเดินเล่นซะทั่วเมืองเลย คะเนว่าระยะทางรวมน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบกิโล
รวมถึงการเดินไป UN ด้วยครับ

ที่ว่า UN น่ะ เมื่อก่อนเป็นสำนักงานใหญ่ของ UN แต่ภายหลังได้ย้ายเป็นที่สหรัฐอเมริกาแล้ว
ปัจจุบันที่นี่เป็น UN ของยุโรป

ลานน้ำพุหน้า UN


เก้าอี้ยักษ์ 3 ขา  จำไม่ได้แล้วครับว่าหมายถึงอะไร
แต่ถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่

[am]

โบสถ์เซ็นต์ปิแอร์ เป็นโบสถ์ประจำเมือง Geneva
อยู่ใกล้ๆที่พักผมในย่าน Old town

(ฟ้าสีไม่เหมือนกัน เพราะผมไปคนละวันกันนะครับ)

[am]

ภายในโบสถ์

[am]

กระจกสีที่ขึ้นชื่อ (จริงๆมีเกือบทุกโบสถ์)



ภาพไม้แกะสลักที่อยู่คู่กับโบสถ์แห่งนี้มาแต่ไหนแต่ไร

[am]

ที่ Geneva มีสวนสาธารณะเยอะมาก ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็จะเห็นมีสวนให้นั่งพักผ่อนอยู่เรื่อยๆ


Mason Travel
แต่เดิมเป็นบ้านหลังแรกที่นี่ ภายหลังเจ้าของอุทิศให้เป็นพิพิธภัณฑ์
ผมลองเข้าไปเดินชม ไม่ค่อยมีใครเข้ามาเท่าไหร่
บรรยากาศข้างในเหมือนหนังผี ในบ้านมีซอกหลืบเล็กๆเต็มไปหมด รวมทั้งมีชั้นใต้ดิน ดูโบราณๆ
ใช้เวลาสัก 15 นาทีก็พอแล้วครับ (บ้านใหญ่เหมือนกันนะครับ แต่ไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับผม)

[am]

พรุ่งนี้มาต่อ Montraux, Vevey และ Lausanne

[Kaimook]

สวัสดีค่ะ ตามมาชมค่ะ สวยมากๆนะคะ  ชอบลานน้ำพุค่ะ...

[seree_60]

ตามมาชมเช่นกันครับ ชอบลานน้ำพุเหมียนน้องอ้อย

[am]

วันที่สอง เดินเล่น Geneva อีกหนึ่งวัน ระหว่างรอ...เพื่อจะไปจุดหมายต่อๆไป
ผมมีแผนที่จะไปเที่ยว Lausanne, Vevey, Montraux (อันหลังสุด ตามคอมเมนต์ของป๋าเสรี)

วันนี้เลยเดินเล่นซะรอบ Geneva ในย่าน Old town จากนั้นก็แว่บไปหาตั๋วไปเที่ยว Lausanne, Vevey และ Montraux
ได้ตั๋วเหมาแบบ 3 วัน(แต่ผมใช้เดินทางแค่วันเดียวก็เพียงพอแล้วครับ) พร้อมตั๋วเข้า Chatau de Chillon  ราคารวม 56.4 ฟรังซ์ (ฟรังซ์ละประมาณ 34-35 บาท)

[am]

โปรแกรม 1 วัน
เริ่มจากเมืองที่ไกลที่สุดแล้วไล่ย้อนกลับมาเมืองที่ใกล้ที่สุด (Montraux --> Vevey  --> Lausanne)

จาก Geneva เดินทางด้วยรถไฟไปต่อรถไฟที่สถานี Vevey ไปอีกซักเกือบ 1 ชั่วโมงก็จะถึงสถานี Chillon
รถไฟสายนี้มีไม่เยอะนะครับ ชั่วโมงละขบวน หากพลาด ต้องรออีก 1 ชั่วโมง ดังนั้น ต้องดูเวลารถไฟให้ดี

สภาพทั่วไปภายในรถไฟ สะดวกสบาย (ดีกว่าอิตาลีเยอะเลย)



ผมชินกับรถไฟฟ้าบ้านเรา นึกว่าประตูจะเปิดอัตโนมัติ รอตั้งนานก็ยังไม่เปิด นึกเอะใจขึ้นมา เลยกดปุ่มเปิด(เหมือนที่ญี่ปุ่นเลย) ไม่งั้นตกรถไฟ



จากสถานี Chillon เดินเลียบทะเลสาบสัก 10 นาทีก็ถึงปราสาทชิลล่อนแล้วครับ
ในวันที่ผมไป อากาศไม่ค่อยดี ฝนพรำตลอดเวลา

สถานีรถไฟ Chillon


ทางเดินเลียบทะเลสาบ (จริงๆมีทางเดิน 2 ทางเลือก เดินเลียบทะเลสาบ หรือไม่ก็เดินบนไหล่เขาตามถนนคอนกรีต)

[am]

ที่ Montraux ผมมาเที่ยวแห่งเดียว คือ ปราสาทชิลล่อน
ตอนแรกว่าจะใช้เวลาซักครึ่งชั่วโมง เอาเข้าจริงๆปาเข้าไปเกือบสองชั่วโมง
เดินจนทั่ว ตั้งแต่ชั้นล่างสุดจนถึงชั้นบนสุด




วิวที่มองจากชั้นบนๆของปราสาท

[seree_60]

ติดตามชม อย่างไกล้ชิด..เหมือนกลับไปเดินอีกครั้ง
พี่ว่าชั้นใต้ดินมันน่า่สนใจมากนะครับให้ความรู้สึกน่าสพรึงกลัว หากเราถูกขังในห้องใต้ดิน..บรื๋ออออออ..