24 พฤศจิกายน 2567, 18:11:43
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน [สมาชิกเก่าลืมรหัส โทร 081-7611760]
A A A A  ระเบียบปฎิบัติ
   
Languages    
  หน้า: 1 ... 147 148 [149] 150 151 ... 179   ลงล่าง
ผู้เขียน หัวข้อ: เที่ยวออสเตรเลีย ในมุมที่น่ามอง  (อ่าน 1215424 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3700 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 15:07:27 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 14:27:28
สวัสดีครับ พี่'อร พี่นี้ พี่นก
ผมกลับถึงนครสวรรค์ บัดเดี่ยวนี้เอง
ขาขึ้นเหนือ รถไม่ติด ไปได้เรื่อยๆ
ขางล่องเข้า กทม. ติดหนับที่อำเภอบางปะหัน ยาวขึ้นไปเลยบ้านของผมอีก
ผมจะเสียเวลารอยูเทินร์เข้าบ้านกว่าสิบนาที

,
สวัสดีค่ะน้องเหยง
โชคดีที่รถไม่ติดค่ะถึงบ้านปลอดภัย
พี่รายงานอากาศแทนแล้วค่ะ
คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างคะ
สบายดีไหมคะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3701 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 16:05:29 »

พี่'อร

ขอบคุณครับ
ตลอดทางจาก กทม. - นครสวรรค์ ไม่มีฝนเช่นกัน
คนเดินทางจึงปลอดภัยขึ้นในระดับหนึ่ง

คุณแม่ของผมสบายดีครับ แต่พี่เลี้ยงชาวพม่าหนึ่งจากสองคน กลับบ้านในช่วงสงกรานต์
ส่งผลให้พี่เลี้ยงที่เหลือ ต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า
แต่ได้สอบถามแล้ว เธอบอกว่า "สบายมาก
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3702 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 16:06:23 »

มูลเหตุที่ทำให้ที่ดินไทยเริ่มเสื่อมสภาพ

จากสุวรรณภูมิถึงสุวรรณมาลี
ท่านขุนน้อย16 April 2556 - 00:00

     เมื่อไม่นานมานี้....ท่านรองอธิบดีกรมที่ดิน-ด้านวิชาการ คุณ กุลรัศมิ์ อนันต์พงษ์สุข ท่านได้ออกมาให้ข้อมูลรายละเอียด ถึงความเป็นไปในการใช้ที่ดิน เพื่อทำการเกษตรของประเทศไทย ไว้น่าสนใจเอามากๆ ซึ่งถ้าหากจะพูดกันแบบรวบๆ รัดๆ ก็คือ ท่านได้ออกมาแสดงความปริวิตกว่า ผืนแผ่นดินส่วนใหญ่ในประเทศไทยทุกวันนี้ กำลังตกอยู่สภาวะ วิกฤติ อันเนื่องมาจาก สภาวะเสื่อมสภาพ ในระดับทั่วทั้งประเทศ เอาเลยก็ว่าได้...
                              -------------------------------------------------------
      และภาวะวิกฤติที่ว่า...นอกจากจะเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของเกษตรกร อันถือเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศแล้ว ยังเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้ง กับวิถีทางของประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่เติบโตมาจากสังคมการเกษตรมาโดยตลอด ยังถือเป็นประเทศที่เป็นอู่ข้าว อู่น้ำ เป็น ครัว ของคนทั้งโลก มาอย่างสม่ำเสมอ แต่มาถึงทุกวันนี้ พื้นที่ที่ใช้เป็นแหล่งเพาะปลูก เพื่อลำเลียงอาหารแต่ละชนิด เข้าไปยังครัวของใครต่อใครในโลกนี้ มันกำลังหมดสภาพ หมดความอุดมสมบูรณ์ ลงไปทุกที ชนิดดินแดนที่เคยเต็มไปด้วยดินดำ น้ำชุ่ม จนถูกเรียกขานว่า สุวรรณภูมิ เมื่อครั้งอดีต อาจต้องเหลือแต่ สุวรรณมาลี เอาไว้ปลูก เอาไว้ขาย บนนาผืนน้อยๆ ของใครต่อใคร กันไปแทนที่...
                              ---------------------------------------------------------
      เหตุที่ทำให้ แผ่นดินทอง ของไทย ต้องกลายเป็น แผ่นดินดอกทอง ยิ่งขึ้นไปทุกที ถูกสรุปว่ามาจากเหตุปัจจัยหลักๆ ประมาณ 3 ประการใหญ่ๆ นั่นก็คือ 1. เป็นเพราะที่ดินส่วนใหญ่ มักถูกน้ำฝนหรือน้ำป่าไหลหลากชะล้างเอาหน้าดินซึ่งเคยให้แร่ธาตุและความอุดมสมบูรณ์ออกไป 2. เป็นเพราะบรรดาเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะมุ่ง ปลูกพืชเชิงเดี่ยว หรือพืชชนิดเดียวกันเพื่อเอาไว้ขาย ไม่ใช่เอาไว้กิน เอาไว้อยู่ อย่างแต่ก่อน อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลแต่ละรัฐบาลในอดีต ที่มุ่งผลักดันให้เกษตรกรกระทำการเช่นนี้ ด้วยเหตุเพราะความโง่เง่า เต่าตุ่น หรือความที่ตกเป็น ทาสทางปัญญา หรือ อาณานิคมทางปัญญา ของพวกฝรั่งมาโดยตลอดนั่นเอง และประการสุดท้ายก็คือ 3. เป็นเพราะแรงกระตุ้นจากกลไกตลาดหรือจากนโยบายของรัฐบาลก็แล้วแต่ ที่มักเน้นให้เกษตรกรมุ่งผลิตผลผลิตให้มากๆ เข้าไว้ จนเกิดการหันไปโหมใส่ปุ๋ยเคมี และสารเคมี อันเป็นการทำลายหน้าดินและพื้นดินให้มีแต่แหลกยับเยินยิ่งขึ้นไปอีก...
                              -----------------------------------------------------------
      โดยเฉพาะนโยบาย ใครมีข้าว 1 เกวียน เอาไปเลย 15,000-20,000 บาท นั่นแหละ แม้ว่าท่านรองอธิบดีกรมที่ดิน ท่านจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ตามวิสัยข้าราชการโดยทั่วไป แต่โดยข้อมูลที่ถูกแจกแจงให้เห็นว่า แม้แต่พื้นดินในภาคอีสาน ซึ่งเป็นดินทรายและไม่เหมาะกับการปลูกข้าวเท่าไหร่นัก เนื่องจากเกษตรกรต้องไถดินทรายออกไป และปลูกข้าวกันบนชั้นดินเหนียว อันทำให้ต้องพึ่งพาปริมาณน้ำมากกว่าปกติ แต่ภายใต้ภาวะที่นโยบายรัฐบาล ได้กลายเป็นตัวสร้างแรงกระตุ้น ให้เกิดการรูดปรื๊ด รูดปรื๊ด เช่นนี้ จึงทำให้พื้นที่ดินในภาคอีสาน ถูกนำไปใช้ในการปลูกข้าวกัน แบบชนิดไม่คิดจะบันยะ บันยังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แถมโหมสาดปุ๋ยเคมี สารเคมี ใส่ในนาข้าวซะ จนว่ากันว่าปริมาณการใช้ปุ๋ยและสารเคมีของประเทศไทย ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ ถ้าหากเอามากองรวมกันเป็นกระสอบ อาจสูงกว่าตึกใบหยก หรือตึกมหานคร ที่กำลังสร้างใหม่ไปแล้วก็ไม่แน่...
                          ---------------------------------------------------------
      และในจำนวนพื้นที่ประเทศไทย ที่มีอยู่ประมาณ 320 ล้านไร่นั้น ว่ากันว่า ถูกนำมาใช้ทำนาข้าวกันถึง 72 ล้านไร่ หรือเกือบครึ่งของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด ที่มีอยู่ประมาณ 152 ล้านไร่ นอกนั้นถูกนำไปปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้นซะ 32 ล้านไร่ ปลูกผัก ไม้ดอก และใช้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์อีก 33 ล้านไร่ เหลือเป็นพื้นที่อยู่อาศัย และรกร้างว่างเปล่า เพียงแค่ 2.49 ล้านไร่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายวิชาการกรมที่ดิน ท่านจึงพยายามเสนอแนะทางออกเอาไว้ อยู่ด้วยกันหลายหนทาง ที่มีทั้ง เข้าท่า บ้าง และ ไม่เข้าท่า บ้าง ไปตามมี ตามเกิด หรือตามแบบฉบับข้าราชการโดยทั่วไปอีกนั่นแหละ ในแง่ที่ เข้าท่า นั้น...ก็เห็นจะเป็นการจัดตั้งกลุ่มคนผู้มีความรู้ มีความเสียสละ ที่จะไปให้คำแนะนำกับเกษตรกรทั้งหลาย ในนามของ หมอดิน ให้รู้จักวิธีการรักษาสภาพพื้นที่ อันเป็นแหล่งทำกินของตัวเองเอาไว้ให้นานๆ ให้เป็นมรดกสืบต่อไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ด้วยการลด-ละ-เลิก การใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี หันมาใช้เกษตรอินทรีย์ หรือใช้จุลินทรีย์ฟื้นฟูหน้าดิน ไปตามวิถีทางธรรมชาติ ฯลฯ เป็นต้น...
                                  --------------------------------------------------------
      ส่วนในแง่ที่ ไม่น่าจะเข้าท่า นั้น...ก็คงได้แก่ความพยายามที่จะจัดให้มีการแบ่ง โซนนิง ในการทำการเกษตร ด้วยการกำหนดเขตพื้นที่เพาะปลูก สำหรับพืชนำร่องประมาณ 6 ชนิด นั่นก็คือ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย และปาล์มน้ำมัน เหตุที่ต้องบอกว่า ไม่เข้าท่า นั้น ก็เพราะว่าความพยายามกระทำการเช่นนี้ มันก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก สิ่งที่รัฐบาลแต่ละรัฐบาลในอดีต พยายามกระทำการมาโดยตลอด นั่นก็คือการยัดเยียดให้เกษตรกรทั้งหลาย ต้องเดินไปตามความคิด ความต้องการของรัฐบาล ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ หรือเป็นความพยายามที่จะกำหนดทุกสิ่ง ทุกอย่าง จากบนลงล่าง ไม่ต่างไปจากรัฐบาลเมื่อครั้งอดีต ที่ได้พยายามยัดเยียดให้เกษตรกร ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ในแต่ละชนิด แต่ละประเภท จนกลายเป็นปัญหาให้ฝ่ายวิชาการกรมที่ดิน อดไม่ได้ที่จะต้องมานั่งปริวิตกอยู่ในขณะนี้นั่นเอง...
                                ------------------------------------------------------
      แน่ล่ะว่า...ความพยายามแก้ปัญหาด้วยการแบ่ง โซนนิง นั้น อาจทำให้รัฐบาลสามารถควบคุม บริหาร ปริมาณ และคุณภาพของผลิตผล แต่ละชนิดได้ไม่ยากนัก แถมยังช่วยบริหารงบประมาณ ไม่ให้บานปลาย ปลายบาน จนแทบไม่มีเงินเหลือเอาไว้รับจำนำข้าว ชนิดแทบจะเจ๊งกันไปทั้งประเทศอยู่ในทุกวันนี้ ตลอดไปจนการประกันราคาพืชแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็น หอม กระเทียม มันสำปะหลัง ยางพารา ฯลฯ ที่มักก่อให้เกิดความปวดเศียร เวียนเกล้า สำหรับรัฐบาลแต่ละรัฐบาลมาโดยตลอด แต่การกระทำเช่นนี้ นอกจากมันอาจไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิต และความต้องการของเกษตรกร ในแต่ละประเภทแล้ว มันยังอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นไปทางธรรมชาติ ที่นับวันจะมีความผันแปร วิปริต ผิดเพี้ยน หนักขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ได้ก่อให้เกิด หลักประกัน ใดๆ สำหรับเกษตรกร แต่ออกจะเป็นการให้หลักประกันกับรัฐบาลซะมากกว่า โดยเฉพาะการควบคุมปริมาณข้าวไม่ให้ทะลักออกมา สร้างปัญหาให้กับรัฐบาลมากเกินไปนัก...
                         ------------------------------------------------------
      ทั้งๆ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...เพียงแค่รัฐบาลเลิกคิดที่จะ กระตุ้น เลิกที่จะเอาเกษตรกรมาเป็น เหยื่อ ในการหาเสียง หาคะแนนนิยม หันไปสร้างหลักประกันชีวิตใ ห้กับเกษตรกรด้วยวิถีทางอื่นๆ ไปพร้อมๆ กับการให้ความรู้ ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ต่อวิถีชีวิตเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการตระหนัก สำนึก บุญคุณของแผ่นดิน ของแม่พระธรณี ที่เคยหล่อเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด จนอาจทำให้เกิดการลด-ละ-เลิก ความโลภลงไปได้บ้าง เกิดความสุขภายใต้วิถีชีวิตที่สอดคล้อง กลมกลืน ไปกับธรรมชาติ หรือ ความพอเพียง นั่นเอง เพียงเท่านี้ แผ่นดินธรรม-แผ่นดินทอง ก็มีโอกาสได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ให้เป็นที่พึ่งแก่ชาวไทยและชาวโลก เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต โดยไม่จำเป็นต้องไป อุตส่าห์-หา-กรรม ใดๆ มาใส่ตัวเอาเลยแม้แต่น้อย...
                              --------------------------------------------------------
      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Peter Howard...We have become industrial and technical giants but we have remained moral and spiritual pigmies. - เราได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านอุตสาหกรรมและวิชาการด้านเทคนิคไปแล้ว แต่ในทางจริยธรรมและจิตใจ เราเป็นได้แค่คนแคระเท่านั้น...
                               --------------------------------------------------------

http://www.thaipost.net/news/160413/72267
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3703 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 16:30:56 »

ขออธิบายความเพิ่มเติมสักนิดครับ....

เกษตรฯ พยายามจัดโซนนิ่ง แต่ไม่ได้ดูรายละเอียดบางประการ โดยเฉพาะเรื่องของราคาต้นทุนสินค้า
ค่าขนส่ง การจัดการเรื่องคุณภาพของสินค้าก่อนขนออกจากพื้นที่
ข้าว ข้าวโพด อ้อยโรงงาน มีราคาใกล้เคียงกัน คือ กก.ละ 10 - 15 บาท
มันสำปะหลัง  ปาล์มน้ำมัน ราคา กก.ละ 2.50 - 4.00 บาท
ยางพารา แปรผันมาก เนื่องจากเป็นสินค้าการเมืองมากขึ้น ??

อินเดีย เป็นประเทศสามเหลี่ยมหัวกลับ พุ่งลงในมหาสมุทรอินเดีย
เขาปลูกพืชในสามเหลี่ยม และส่งสินค้าที่เพาะปลูกได้ไปขอบสามเหลี่ยมทั้ง 2 ฝั่ง
ซึ่งทั้งสองฝั่งมีบรรดาโรงงานตั้งอยู่ ระยะทางจึงไม่ค่อยแตกต่าง
รัฐบาลอินเดียชดเชยด้วยการจ่ายค่าเรือและค่าใช้จ่ายในการส่งออกสินค้าที่มากเกินให้
แทนการเก็บเข้าสต๊อก ซึ่งเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ดังเช่นประเทศไทย
เป็นอันจบ....


ประเทศไทย ลักษณะเป็นแบบขวาน เอาด้ามยาวๆยื่นลงทะเล
ใบขวานอยู่ลึกเข้าไปในประเทศ
เราปลูกพืชที่ใบขวาน แล้วขนลงมาที่ด้ามเพื่อแปรรูป ส่งออก
ทำให้มีภาระค่าขนส่งจำนวนมาก
แถมขนสินค้าเปียกชื้น (เก็บเกี่ยวใหม่ๆ) ลงมาที่ด้ามเพื่ออบลดความชื้นและแปรรูป
ทั้งที่เราควรอบลดความชื้นให้เสร็จสิ้นในพื้นที่เสียก่อน เท่ากับเราขนสินค้า + น้ำไปอบที่ไกลมาก
ขนน้ำที่อยู่ในข้าวเปลือก ข้าวโพด จากเหนือสุด หรืออิสานสุด เข้ากทม.เพื่อลดความชื้น
ค่าใช้จ่ายอีกส่วนที่สูญเสียแบบมองไม่เห็นก็คือ ขนน้ำจากบรรทัดบน มาอบที่ กทม.นี่แหละครับ
ค่าสึกหรอเครื่องยนต์ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าเสียเวลาต่างๆ นานา ส่งให้ต้นทุนของประเทศแพงขึ้น
อบลดความชื้น แล้วขนของแห้งจากใบขวานลงมาที่ด้าม ประหยัดเงินไปอีกเท่าใด ??
ข้าวเปลือก ข้าวโพดแห้งแล้ว ขายได้ 10-15 บาท แต่ต้นทุนค่าขนส่งกินไปกว่า 1.50 บาท/กก.
หรือ มันสำปะหลังแปรรูปเป็นมันเส้น กก.ละ 5-7 บาท มีค่ารถบรรทุก 1.50 บาท
ไม่จนแล้วจะเป็นอะไรไปได้ครับ

ตัวอย่างอีกตัวหนึ่งคือ งาดำ งาเกษตร (งาแดง) งาขาว
ราคา กก.ละ 35 บาท - 90 บาท ในบางปี
ปลูกมากที่ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์
ทำไมไม่ส่งเสริมไปปลูกที่เชียงราย พะเยา
ของแพง ค่ารถ 1.50 บาท/กก. ก็ยังคุ้มสุดๆ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3704 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 16:43:53 »

ขอบคุณ น้องเหยง
กรมพัฒนาที่ดินควรต้องงานอย่างใกล้ชิดทั้งกับหย่วยงานของรัฐเองไม่ว่ากรมวิชาการเกษตร,ส่งเสริม,รวมทั้งหน่วยงานด้านพาณิชย์อละด้านผังเมืองคะ
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #3705 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 20:05:45 »


สวัสดีครับพี่อรและสมาชิกทุกท่าน
ฝนโปรยลงมาช่วงสงกรานต์ ทำให้ กทม.และปริมณฑลเย็นลงไปมาก
เป็นช่วงสงกรานต์ที่มีความสุขกันถ้วนหน้าครับ...


 รักนะ รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
ti2521
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,987

« ตอบ #3706 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 20:10:40 »


.....สวัสดีสงกรานต์ครับ พี่อร.....
      บันทึกการเข้า

เพื่อซีมะโด่งจุฬาฯ
สำหรับผม
อย่างไรก็ได้
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3707 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 20:24:01 »

อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:05:45

สวัสดีครับพี่อรและสมาชิกทุกท่าน
ฝนโปรยลงมาช่วงสงกรานต์ ทำให้ กทม.และปริมณฑลเย็นลงไปมาก
เป็นช่วงสงกรานต์ที่มีความสุขกันถ้วนหน้าครับ...


 รักนะ รักนะ
คนไปเที่ยวเหนือนำความเย็นมาฝากแหละค่ะน้องหนุน
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3708 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 20:25:39 »

อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:10:40

.....สวัสดีสงกรานต์ครับ พี่อร.....
สวัสดีค่ะน้องตี๋ ขอบคุณ.ได้ไปเที่ยวสนุกใช่ไหมคะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3709 เมื่อ: 16 เมษายน 2556, 21:05:34 »

อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:25:39
อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:10:40

.....สวัสดีสงกรานต์ครับ พี่อร.....
สวัสดีค่ะน้องตี๋ ขอบคุณ.ได้ไปเที่ยวสนุกใช่ไหมคะ

พี่'อร หนุน และน้องตี๋

เขาไปเชียงราย พะเยา โดยได้นายด่านฯเป็นสปอนเซอร์ มีหรือจะไม่สนุก
      บันทึกการเข้า
หนุน'21
Global Moderator
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
*****


ซีมะโด่ง'จุฬาฯ ที่มาของผม
ออฟไลน์ ออฟไลน์

คณะ: "ครุศาสตร์"
กระทู้: 26,927

« ตอบ #3710 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 09:20:57 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 21:05:34
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:25:39
อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:10:40

.....สวัสดีสงกรานต์ครับ พี่อร.....
สวัสดีค่ะน้องตี๋ ขอบคุณ.ได้ไปเที่ยวสนุกใช่ไหมคะ

พี่'อร หนุน และน้องตี๋

เขาไปเชียงราย พะเยา โดยได้นายด่านฯเป็นสปอนเซอร์ มีหรือจะไม่สนุก


สนุกครับ เอารูปมาฝากพี่อรและสมาชิกห้องนี้ด้วยครับ...








 หลั่นล้า รักนะ
      บันทึกการเข้า

“สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า ทั้งมิใช่ชื่อเสียง และไม่ใช่ทรัพย์ศฤงคาร หากแต่เป็นน้ำใจระหว่างคน ท่านหากได้มา พึงทะนุถนอมไว้
อย่าได้สร้างความผิดหวังต่อตนเองและผู้อื่น.” “วีรบุรุษสำราญ” “โกวเล้ง”
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3711 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 12:45:25 »

ตามมาชมแล้วครับ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #3712 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 17:29:20 »


สวัสดียามเย็นครับ... พี่อร..พี่มีนา..พี่ปี๊ด..พี่นก..พี่เหยง..พี่ทราย..พี่หนุน..พี่ตี๋..น้องหยี และพี่น้องทุกท่าน
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #3713 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 17:31:40 »


อ้างถึง
ข้อความของ หนุน'21 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 09:20:57
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 21:05:34
อ้างถึง
ข้อความของ เอมอร 2515 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:25:39
อ้างถึง
ข้อความของ ti2521 เมื่อ 16 เมษายน 2556, 20:10:40

.....สวัสดีสงกรานต์ครับ พี่อร.....
สวัสดีค่ะน้องตี๋ ขอบคุณ.ได้ไปเที่ยวสนุกใช่ไหมคะ

พี่'อร หนุน และน้องตี๋

เขาไปเชียงราย พะเยา โดยได้นายด่านฯเป็นสปอนเซอร์ มีหรือจะไม่สนุก


สนุกครับ เอารูปมาฝากพี่อรและสมาชิกห้องนี้ด้วยครับ...








 หลั่นล้า รักนะ

ช่วยยืนยันอีกเสียงว่า... "สนุก" ครับ
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3714 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 18:19:01 »

ได้ชมแล้วเชื่อแล้วค่ะว่าสนุกจริง
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3715 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 18:34:52 »

ขอโทษด้วยไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นโหลดรูปไม่ได้แุถมลบไม่ได้ด้วยค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3716 เมื่อ: 17 เมษายน 2556, 20:21:08 »

พี่'อร

บนกล่องจะมีไฟกระพริบหรือติดตรงกับคำว่า ADSL  WLAN  PPP  Internet (แต่ละยี่ห้อ-มีไม่เหมือนกัน)
หากตัวใดตัวหนึ่ง ไม่มีไฟไปเลี้ยงจะมีผลให้เข้าอินเตอร์เน๊ตไม่ได้
ต้องรอจนกว่าไฟจะติดหรือกระพริบครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3717 เมื่อ: 19 เมษายน 2556, 08:40:29 »

เอามาตอบในห้องนี้ด้วยครับ

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 18 เมษายน 2556, 17:45:50
อ้างถึง
ข้อความของ nok15 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 21:21:10
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 20:35:26
อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 12:47:14
พี่ปี๊ด

รถผ่านนครสวรรค์ยังแน่นอยู่เลยครับ
เมื่อเช้าเข้าตลาดปากน้ำโพมา รถวิ่งแบบคลาน เพราะรถจากเหนือยังล่องเข้า กทม.ไม่หยุด


เมื่อเย็นนี้เอง เกิดตรงหน้าบ้านเลย ต้องโทรตามตำรวจให้

แปลก-รู้ทั้งรู้ว่าขับตามหลังและชนรถคันหน้า แต่ประกันบอกว่า อย่ารับ

คงต้องการให้เรื่องยาว ??


ปัญหามาจากขับตามกันแบบระยะประชั้นชิด โดยทิ้งระยะห่างของรถน้อยเกินสมควร

และเมื่อคันหน้าเกิดการเบรกกระทันหัน คันที่ตามมาไม่ระมัดระวังจึงขับชนท้าย










หวัดดีค่ะน้องเหยง

    เทศกาลฉลองสงกรานต์บ้านเราสนุกสนานดีไหมคะ

ขัดขืนคำสั่งของรัฐบาลกันบ้างไหม. ตั้งกฎมาหลายข้อ

ประชาชนคงปฏิบัติตามกันดีนะคะ เพราะเลือกมากับมือ

        พี่Nok-ka

อ้าว...คุยผิดบ้านค่ะ. Sorry!!!


พี่นก

สรุปได้ว่า รถกระบะใส่ถังน้ำและมีคนนั่งก็ยังสาดได้, เต้นจ้ำบ่ะอวดของสงวนก็ยังทำได้, ปะแป้งสาวก็เหมือนเดิม
ตั้งบู๊ทขายเหล้าขายเบียร์แล้วถูกจับ ก็พบกับคำว่า เคลียร์กันแล้วยังจับอีกหรือ ??
ที่แถมมาคือ เมาแล้วเขม่น จากนั้นยิงคู่อริตาย เป็นเรื่องเพิ่มมาจากเมาไม่ขับและ 7 วันอันตราย


แถมมีประเด็นเพิ่มเติมคือ

ประเด็นที่หนึ่ง เสื้อสีเหลืองพยายามนำปมเขาพระวิหารซึ่งกำลังอยู่ในชั้นแถลงศาลของทั้งสองฝ่ายมาขยาย
โดยเขมรแถลงไปก่อนเมื่อ 15 เม.ย. ไทยตามเมื่อวานนี้ 17 เม.ย.
วันนี้มีเก็บรายละเอียดต่อ
ขณะที่ผู้อ้างเป็นผู้รักชาติ ฯลฯ พยายามฝ่าขึ้นไปบนผามออีแดง และใกล้เคียง

ประเด็นที่สอง สภาฯ ชิงพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่รอดดูทีท่าของศาลรัฐธรรมนูญ
ท่ามกลางการทำนายของหมอดูทั้งหลายว่า ประเทศไทยดวงแตก.....?? !!!
พร้อมกับการเสนอ พรบ.นิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีตำตรวจปราบจราจรรอรับมืออยู่แล้ว

ประเด็นที่สาม เมื่อ "อลงกรณ์ พลบุตร" เปิดประเด็นว่า ปชป.ต้องพัฒนาและปรับปรุง
มิฉะนั้นเลือกตั้งครั้งหน้าสูญพันธุ์แน่ ??!!
เท่านั้นเอง ป่าช้า ปชป.เหมือนนรกแตก ทุกคนรุ่มเฉ่งอลงกรณ์กันใหญ่
แจ้งว่าเป็นเรื่องภายใน ใยต้องแหกปากบอกคนนอกด้วยเล่า ??

ประเด็นที่สี่ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ สำคัญขนาดต้องลงข่าวทุกฉบับคือ
กรณี ตั๊ก-บงกช กับเจ้าสัว มีข่าวได้ทุกวัน

ประเด็นที่สี่ เป็นเรื่องของสาวสวย
ที่ สาวหนึ่ง-รอผัวจนตัวตาย VS สาวหนึ่ง-เล่นตัวจนผัวตาย  พี่นกทราบไหม??
ก็ พี่มาก พระโขนง VS คู่กรรมไง
ตอนนี้หลายฝ่ายหลายช่อง พยายามลุ้นคู่กรรม ที่ ณเดชแสดง รายได้ไม่ถึง 100 ล้าน
ขณะที่พี่มาก พระโขนง ไป 400 ล้านแล้ว
ขนาด "มติชนรายสัปดาห์" และ "ผู้จัดการรายสัปดาห์" นำภาพของทั้งสองเรื่องขึ้นปกพร้อมกัน
แสดงว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ประเทศไทยอาจต้องสิ้นชาติแล้วกระมัง
ขนาดหนังสือวิเคราะห์การเมืองเล่นเรื่องนี้กันยกใหญ่

      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3718 เมื่อ: 19 เมษายน 2556, 08:41:23 »

ปภ.สรุป 7 วันอันตราย ตาย 321 ราย บาดเจ็บ 3,040 ราย
"นครสวรรค์-เชียงใหม่" ตาย-เจ็บมากสุด

วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 10:45:22 น.

วันนี้ (18 เม.ย.) ที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) มีพิธีปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 โดยมีพล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน

โดยสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 17 เม.ย.56 ซึ่งเป็นวันที่สุดท้ายของการรณรงค์ “สงกรานต์เป็นสุข ทุกคนปลอดภัย ร่วมใจรักษาวัฒนธรรม” เกิดอุบัติเหตุ 247 ครั้ง (ปี 2555 เกิด 257 ครั้ง) ลดลง 10 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 36 ราย (ปี 2555 เสียชีวิต 38 ราย) ลดลง 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 257 คน (ปี 2555 บาดเจ็บ 261 คน) ลดลง 4 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ (13 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ ลำปาง และอำนาจเจริญ (3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (15 คน)

ส่วนยอดรวม 7 วัน (วันที่ 11 – 17 เมษายน 2556) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,828 ครั้ง (ปี 2555 เกิด 3,129 ครั้ง) ลดลง 301 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 321 ราย (ปี 2555 เสียชีวิต 320 ราย) เพิ่มขึ้น 1 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,040 คน (ปี 2555 บาดเจ็บ 3,320 คน ) ลดลง 280 คน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 39.11 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 23.59 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.71 รถปิคอัพ ร้อยละ 11.80 พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 21.60 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.92 บนถนนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 37.87 ถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 36.67 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 33.03 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 56.70

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,354 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 69,369 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 4,686,962 คัน
โดยมีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 232,600 ราย
                           รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 222,601 ราย
จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ ตราด ปัตตานี ภูเก็ต และระนอง
อำเภอที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) จำนวน 673 อำเภอ
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (104 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (12 ราย)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (110 คน)


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1366256585&grpid=00&catid=19&subcatid=1904

      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3719 เมื่อ: 19 เมษายน 2556, 18:04:20 »

อ้างถึง
ข้อความของ เหยง 16 เมื่อ 17 เมษายน 2556, 20:21:08
พี่'อร

บนกล่องจะมีไฟกระพริบหรือติดตรงกับคำว่า ADSL  WLAN  PPP  Internet (แต่ละยี่ห้อ-มีไม่เหมือนกัน)
หากตัวใดตัวหนึ่ง ไม่มีไฟไปเลี้ยงจะมีผลให้เข้าอินเตอร์เน๊ตไม่ได้
ต้องรอจนกว่าไฟจะติดหรือกระพริบครับ

ขอบคุณค่ะน้องเหยงจะลองดูอีกครั้งค่ะ
      บันทึกการเข้า
Leam
Cmadong Member
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23,776

« ตอบ #3720 เมื่อ: 19 เมษายน 2556, 18:12:40 »


สวัสดียามเย็นครับ... พี่อร..พี่มีนา..พี่ปี๊ด..พี่นก..พี่เหยง..พี่ทราย..พี่หนุน..พี่ตี๋..น้องหยี และพี่น้องทุกท่าน
      บันทึกการเข้า
เอมอร 2515
Cmadong พันธุ์แท้
****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu 2515
คณะ: รัฐศาสตร์(นิติศาสตร์)
กระทู้: 4,562

« ตอบ #3721 เมื่อ: 19 เมษายน 2556, 18:35:58 »

สวัสดียามเย็นที่ยังร้อนค่ะน้องแหลม
ความร้อนกลับมาเยือนใหม่แล้วค่ะ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3722 เมื่อ: 19 เมษายน 2556, 19:07:47 »

พี่'อร

ฝนเริ่มขาดเม็ดแล้ง ความร้อนก็ย่างกรายกลับมายึดพื้นที่ต่ออีก 2 วันครับ
      บันทึกการเข้า
เหยง 16
Cmadong อภิมหาอมตะเซียน
******


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2516
คณะ: เภสัชศาสตร์ 2516
กระทู้: 23,533

« ตอบ #3723 เมื่อ: 21 เมษายน 2556, 10:01:50 »

วันนี้ร้อนจัด และฟ้าหลัวในตอนบ่ายครับ
เริ่มจะมีฝนอีกรอบหนึ่งจากความกดอากาศสูงจากจีนลงมาปกคลุมอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ กทม.และปริมณฑล
จะมีฝนเพิ่มขึ้นใน 2 วันนี้
      บันทึกการเข้า
มีนา
Hero Cmadong Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

รุ่น: rcu2515
คณะ: รัฐศาสตร์
กระทู้: 1,865

« ตอบ #3724 เมื่อ: 24 เมษายน 2556, 11:51:00 »

ฟ้าหลัวอยู่ มีเสียงครืนๆเล็กน้อย
      บันทึกการเข้า
  หน้า: 1 ... 147 148 [149] 150 151 ... 179   ขึ้นบน
  
กระโดดไป:  

     

ทำไมหอพักนิสิตจุฬาจึงเป็นดินแดนมหัศจรรย์            " ไม่ได้เป็นแค่หอให้นอนพัก  แต่เป็นบ้านอบอุ่นรักให้อาศัย  ไม่เป็นแค่ที่ซุกหัวยามหลบภัย  แต่สร้างใจให้เข้มแข็งแกร่งการงาน"  <))))><